พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1091 เขาได้ตายอยู่ในเงื้อมมือของผมแล้ว

บทที่ 1091 เขาได้ตายอยู่ในเงื้อมมือของผมแล้ว

ทุกคนคาดไม่ถึงจีรภัทรจะเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นมากขนาดนี้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าทวีปโอชวินที่จีรภัทรกำลังพูดถึงนั้นอยู่ที่ไหน แต่สิ่งที่พูดจากคำพูดของอาจารย์นั้น คงจะไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ฐปนีย์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าแสงสีทองนี้จะหาได้ยากในสายตาของอาจารย์มากขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจนถึงตอนนี้ ตัวเองได้ประเมินผู้ชายคนนี้ต่ำไป

เมื่อนึกย้อนไปถึงการดูถูกเหยียดหยามและการเยาะเย้ยรพีพงษ์ในระหว่างทางที่มา ในใจของเธอก็กระอักกระอ่วนอย่างฉับพลัน รู้สึกว่าตัวเองอยู่ต่อหน้ารพีพงษ์ก็เหมือนเป็นตัวตลก

เธอมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสีหน้าท่าทางที่ซับซ้อน จากนั้นเดินไปตรงหน้าของเขา และพูดด้วยความจริงใจว่า: “ขอโทษ ก่อนหน้าหน้าฉันไม่ควรทำท่าทีแบบนั้นกับนาย”

รพีพงษ์เพียงแค่ยิ้มให้เธอเล็กน้อย และไม่พูดอะไร

“น้องชาย รีบตามฉันมาเถอะ คุณสมบัติแบบนาย เป็นครั้งเดียวที่ฉันเคยเห็นมาในชีวิต วันนี้ฉันต้องพูดคุยกับนายดีๆ”จีรภัทรบอกกับรพีพงษ์อีกครั้ง

รพีพงษ์พยักหน้าเล็กน้อย และเดินตามจีรภัทรเข้าไปด้านใน

ลูกศิษย์ทั้งหมดของจีรภัทรก็ทอดถอนหายใจ เดิมทีพวกเขายังคิดว่าในสำนักจะมีผู้ชายที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงมา ต่างคิดว่าจะสง่าน่าเกรงขามต่อหน้ารพีพงษ์สักครั้ง

ผลปรากฏว่ารพีพงษ์กลับเป็นลูกพี่ที่แม้แต่อาจารย์ของพวกเขาก็จะต้องให้ความเคารพ สิ่งสำคัญที่สุดคือรพีพงษ์มีอายุใกล้เคียงกับพวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบอารมณ์จริงๆ

ฐปนีย์ถอนหายใจ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่ศิษย์พี่ศิษย์น้องของตัวเอง เอ่ยปากพูดว่า: “เมื่อกี้นี้อาจารย์พูดถูก พวกเราไม่ควรภาคภูมิใจตัวเองเพราะความสำเร็จเพียงเล็กๆน้อยๆ พวกเราน่าจะรู้เหตุผลที่ว่าเหนือคนนอกยังมีคนนอกเหนือเขายังมีเขา ทุกคนรีบไปฝึกฝนเร็วเข้า!”

ฐปนีย์ไม่รู้ว่าคนอื่นเข้าใจความหมายคำพูดนั้นของอาจารย์จริงๆหรือไม่ แต่เธอกลับเข้าใจจริงๆ และก็ตัดสินใจแล้ว จะพยายามพัฒนาเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง

รพีพงษ์ตามจีรภัทรมาถึงบ้านในส่วนลึกของสำนักบ้อเก๊ก การตกแต่งในบ้านหลังนี้เรียบง่ายและสง่างาม นอกจากโต๊ะและเก้าอี้แล้ว ยังมีภาพวาดหมึกอีกหลายชิ้นบนผนัง จะเห็นได้ว่าลงนามไว้ในผลงานคือชื่อของจีรภัทร

จีรภัทรให้รพีพงษ์นั่งลงมา จากนั้นชงชาดีให้เขาหนึ่งกา จากนั้นก็นั่งข้างๆรพีพงษ์ ยิ้มแล้วถามว่า: “น้องชาย ไม่ทราบว่านายมาหาฉัน คือมีเรื่องอะไรเหรอ? ธัชธรรมให้นายมาหาฉันเหรอ?”

รพีพงษ์ส่ายหัวเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ผู้อาวุโส เมื่อกี้นี้ท่านถามว่าผมเรียนมาจากไหนไม่ใช่เหรอ”

จีรภัทรพยักหน้า แล้วพูดว่า: “ใช่ๆ เกือบลืม เมื่อกี้นี้นายบอกว่าอาจารย์ของนายเป็นเพื่อนเก่าของฉัน ฉันคิดอยู่ตั้งนานก็คิดไม่ออกว่าคนคนนี้เป็นใครกันแน่ น้องชายก็บอกฉันมาเถอะ”

บนใบหน้าของรพีพงษ์ปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วพูดว่า: “อาจารย์ของผม ชื่อว่าวฤนท์ธม แต่ว่าเขายังมีอีกชื่อหนึ่ง”

“ชัชพิสิฐ”

หลังจากพูดจบ แววตาทั้งหมดของรพีพงษ์จดจ่อไปที่บนใบหน้าของจีรภัทร ต้องการดูว่าเขาจะปฏิกิริยาอย่างไร

เมื่อตอนที่จีรภัทรได้ยินชัชพิสิฐสามคำนี้ ทั้งร่างกายก็แข็งทื่อ บนใบหน้าที่ตอนแรกมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และแววตาก็กลายเป็นลึกล้ำมากขึ้นมา

แววตาของเขาจ้องไปที่รพีพงษ์อย่างแน่วแน่เป็นเวลานาน จากนั้นเอ่ยปากถามว่า:“เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ฉันก็ได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับเขาแล้ว เรื่องของเขา ฉันจะไม่ยุ่ง คือเขากำลังประสบกับปัญหาอะไรหรือเปล่า ดังนั้นก็เลยให้นายมาหาฉันเหรอ?”

“ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ ถ้าอย่างก็เชิญนายกลับไปเถอะ”

รพีพงษ์คาดไม่ถึงว่าท่าทีของจีรภัทรจะเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้ ตัวเองแค่เอ่ยชื่อของชัชพิสิฐเท่านั้นเอง เขากลับมองตัวเองเหมือนราวกับกำลังมองศัตรู ราวกับว่าจะลงมือกับตัวเองได้ตลอดเวลา

จากท่าทีนี้ของเขา โดยพื้นฐานแล้วรพีพงษ์สามารถตัดสินออกมาได้ว่า จีรภัทรตัดขาดความสัมพันธ์กับชัชพิสิฐแล้วจริงๆ และไม่ต้องการที่จะติดต่ออะไรกับเขาทั้งนั้น

รพีพงษ์ยิ้มให้จีรภัทรเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ไม่ใช่ชัชพิสิฐให้ผมมา บางทีที่ผมมาที่นี่อาจมีความเกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ แต่ว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะให้ผมทำเรื่องใดๆแล้ว”

“เขาได้ตายอยู่ในเงื้อมมือของผมแล้ว”

ทันทีที่รพีพงษ์พูดเช่นนี้ออกมา จีรภัทรก็พ่นน้ำชาที่เพิ่งดื่มเข้าไปในปากออกมาทันที จากนั้นมองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ แล้วพูดว่า: “นายพูดว่าอะไรนะ? ชัชพิสิฐตายอยู่ในเงื้อมมือของนายเหรอ? นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”

รพีพงษ์ยักไหล่ แล้วพูดว่า: “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้?”

“ที่สำคัญพูดตามความถูกต้อง ชัชพิสิฐไม่สมควรที่จะเป็นอาจารย์ของผม อาจารย์ของผมคือวฤนท์ธม เขาตายในขณะที่ชัชพิสิฐพรางตัวเท่านั้นเอง ”

จีรภัทรหายใจเข้าลึกๆ สิ่งที่รพีพงษ์พูดนั้นค่อนข้างยากที่จะทำให้เขายอมรับได้ เขาจำเป็นต้องสงบสติดีๆสักพัก ถึงจะพูดคุยกับรพีพงษ์ต่อไปได้

หลังจากนั้นไม่นาน จีรภัทรก็ค่อยๆสงบลงมา และเอ่ยปากถามรพีพงษ์: “ดังนั้นนายมาหาเพื่ออะไรกันแน่? ฆ่าฉันเหรอ?”

รพีพงษ์ส่ายหัว แล้วพูดว่า: “ผมมาขอความช่วยเหลือจากท่าน”

หลังจากนั้นเขาก็บอกความยุ่งเหยิงระหว่างตัวเองกับชัชพิสิฐและเรื่องราวที่ชัชพิสิฐจะยึดครองของตัวเองแต่ผลปรากฏว่าถูกตัวเองฆ่าให้ฟังจีรภัทร แน่นอนว่า เขาไม่ได้บอกจีรภัทรว่าตัวเองฆ่าชัชพิสิฐได้อย่างไร เขาพูดถึงแบบนี้ ก็เพื่อให้จีรภัทรรู้ว่า ตัวเองมีแข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิด

จากนั้นรพีพงษ์ก็ได้พูดเรื่องที่ชัชพิสิฐจัดการให้ปวัตรปวิชทั้งสองพี่อยู่ข้างกายภรรยาของตัวเอง และเรื่องราวที่ฉวยโอกาสลงมือ

“ผมมาหาท่าน คืออยากถามว่าท่านมีวิธีถอนพิษยาพันพิษมั้ย ”รพีพงษ์พูดกับจีรภัทรด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ตราบใดที่ท่านสามารถช่วยถอนพิษนี้ให้กับภรรยาของผม ไม่ว่าท่านมีความต้องการอะไร ผมก็จะรับปากท่าน”

หลังจากที่จีรภัทรฟังรพีพงษ์เล่าจบ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างเงียบ ๆ เดิมทีเขาได้ยินรพีพงษ์บอกว่าฆ่าชัชพิสิฐแล้ว ยังคิดว่ารพีพงษ์มาเพื่อเข่นฆ่าให้หมด ตอนนี้ถึงได้รู้ว่า รพีพงษ์มาหายาถอนพิษ

เขาจ้องมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “ยาพันพิษนี้ เป็นยาพิษที่ซับซ้อนมากอย่างหนึ่งในทวีปโอชวิน สารพิษของยาพิษแบบนี้ไม่ร้ายแรง ฤทธิ์ของพิษก็ใช้เวลานาน โดยทั่วไปใช้ไปนานแล้ว ถึงจะทำให้คนที่โดนพิษถูกฤทธิ์ของพิษคร่าชีวิต”

“โดยทั่วไปยาพิษแบบนี้มักใช้มาควบคุมบุคคลสำคัญบางคน เอาพวกเขามาเป็นเครื่องมือต่อรอง และใช้มาข่มขู่ศัตรู”

“ฉันกลับรู้วิธีถอนพิษยาพันพิษนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของรพีพงษ์ก็เปล่งกายขึ้นมาทันที พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น: “ถ้าอย่างผู้อาวุโสได้โปรดบอกวิธีนี้กับผม ไม่ว่าผู้อาวุโสมีความต้องการอะไร ผมก็จะรับปาก”

จีรภัทรโบกมือ และพูดว่า: “นายได้อย่ารีบร้อน”

“แม้ว่าฉันจะรู้วิธีถอนพิษยาพันพิษนี้ แต่ว่าต้องการถอนพิษ จำเป็นต้องมีเครื่องยาสมุนไพรที่เพียงพอ แต่ว่าเครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้ มีเพียงแต่ทวีปโอชวินถึงจะมี”

“บนโลกขาดแคลนพลังทิพย์ ต้องการที่จะปลูกเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นออกมาก็คือเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นต้องการถอนพิษ นายจำเป็นต้องไปที่ทวีปโอชวินเอาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นกลับมาก็พอแล้ว”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท