พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1086 หญิงสาวในชุดแดง

บทที่1086 หญิงสาวในชุดแดง

รพีพงษ์ฉีกน่องไก่มาจากบนตัวไก่ย่างตัวหนึ่งในนั้น และทานมันคำโตขึ้นมา

ฐปนีย์พวกเขาทั้งสี่คนมองดูที่รพีพงษ์ที่ทานอย่างเอร็ดอร่อยขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหล และในเวลานี้หมั่นโถวในมือของพวกเขาก็กลายเป็นไร้รสชาติไปเลย

ต่อให้หมั่นโถวจะอร่อยมากแค่ไหน ก็เป็นไปได้ที่จะอร่อยกว่าไก่ย่าง

หลังจากนั้นไม่นาน รพีพงษ์ก็ไก่หนึ่งตัวในนั้นเกือบพอสมควรแล้ว ก็ถือได้ว่าทานอิ่มแล้ว

ฐปนีย์พวกเขาทั้งสี่คนมองดูไก่ย่างที่เหลือตัวนั้นจนน้ำลายก็แทบจะไหลออกมา

โดยเฉพาะฐปนีย์ เธออยู่ในภูเขาศิษย์พี่เหล่านั้นมีอะไรอร่อย ก็จะเอาให้เธอ ดังนั้นเห็นของอร่อย โดยพื้นฐานแล้วเธอก็ไม่สามารถละสายตาออกไปได้

ตอนนี้รพีพงษ์ทานอิ่มแล้ว และมีไก่ย่างเหลืออยู่ที่นั่นหนึ่งตัว ทันใดนั้นเธอก็อดไม่ไหว

เขาเดินไปที่รพีพงษ์ เอ่ยปากถามว่า: “เฮ้ย ไก่ย่างตัวนี้ของนาย ยังจะกินอยู่หรือเปล่า?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย และเอ่ยปากพูดว่า: “ทำไม เธออยากกินเหรอ? เมื่อกี้นี้เธอก็เสียดายหมั่นโถวไม่แบ่งให้ฉันกิน ตอนนี้เธอกลับวิ่งมาขอไก่ย่างกับฉัน ไม่ค่อยจะเหมาะสมหรือเปล่า?”

เมื่อฐปนีย์ได้ยินคำพูดนี้ของเขา ก็เชิดหน้าขึ้นทันที แล้วพูดว่า: “นายอย่าหลงตัวเอง ใครว่าฉันมาขอย่างกับนาย ฉันแค่มาถามดูเท่าเอง ถ้านายไม่กิน ก็รีบโยนของสิ่งนี้ทิ้ง ฉันกลัวว่าตอนกลางคืนกลิ่นของมันล่อสัตว์ร้ายต่างๆมา”

รพีพงษ์มองท่าทางที่ปากอย่าใจอย่างของฐปนีย์ ก็อยากจะหัวเราะเล็กน้อย เอ่ยปากพูดว่า: “ทิ้งไปก็น่าเสียดายแย่ ในเมื่อเธอไม่อยากกิน ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ ไก่ย่างตัวนี้ก็เอาให้ศิษย์พี่สองคนของเธอกับชายหนุ่มคนนั้นกินเถอะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบไก่ย่างตัวนั้นขึ้นมา และมอบให้กับชายหนุ่มที่น้ำกำลังจะไหลออกมา

“นายแบ่งกับพวกเขาสองคนเถอะ” ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างรวดเร็ว นำไก่ย่างไปถึงตรงหน้าของปวีณวัชและเมทนีทั้งสองคน แล้วแบ่งกันกับพวกเขาสองคน

ปวีณวัชและเมทนีก็ไม่เกรงใจ เนื่องจากอยู่ในป่าเขารกร้างแบบนี้ ได้ทานอาหารป่าแบบนี้ ก็ค่อนข้างที่จะไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงหยิบไก่ย่างแล้วทาน

ฐปนีย์มองดูฉากนี้ สีหน้าก็เขียวขึ้นมาทันที และต้องการที่จะเอารพีพงษ์ไปย่างบนไฟ

ในเวลานี้ชายหนุ่มคนนั้นจ้องไปที่ฐปนีย์แวบหนึ่ง เอ่ยปากถามว่า: “ศิษย์พี่ พี่จะกินหรือเปล่า? ผมแบ่งให้พี่เล็กน้อยได้นะ”

ฐปนีย์พูดด้วยความโกรธ: “ผีถึงจะกินของแบบนั้น มันไม่อร่อย พวกนายรีบกินให้หมดแล้วเอากระดูกเหล่านั้นโยนทิ้งไปไกลๆ เห็นแล้วฉันก็ขยะแขยง”

หลังจากพูดเสร็จ เธอก็เดินไปที่เต็นท์อย่างไม่มีพอใจ และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกัดหมั่นโถว

หลังจากรับประทานอาหาร รพีพงษ์ก็กลับไปที่ต้นไม้อีกครั้ง โดยตั้งใจจะหลับตาพักผ่อน

ในขณะนี้ เขาสังเกตเห็นว่าวันนี้ดวงจันทร์เต็มดวง และพระจันทร์บนท้องฟ้าจะกลมเป็นพิเศษ

เมื่อก่อนอาศัยอยู่ในเมือง เนื่องจากมลพิษทางอากาศ ดังนั้นพระจันทร์แบบนี้เห็นได้น้อยมาก

ตอนนี้มาถึงในภูเขา กลับสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

เมื่อก่อนตอนที่ดูโทรทัศน์ โดยทั่วไปมักจะประกาศว่าดวงจันทร์เต็มดวงเป็นคืนที่เลวร้าย ปกติแล้วค่ำคืนแบบนี้ ก็จะมีปีศาจออกมาหลอกหลอน

อย่างไรก็ตามรพีพงษ์รู้สึกว่าดวงจันทร์เต็มดวงแบบนี้สวยงดงามเป็นพิเศษ และมีความรู้สึกโรแมนติกที่ไม่อาจบรรยายได้ น่าเสียดายไม่มีอารียาอยู่เคียงข้าง ไม่อย่างนั้น เขาก็เอาเหล้ามา และผ่านค่ำคืนที่โรแมนติกที่นี่ไปกับอารียา

โดยที่ไม่ได้เพ้อฝันมากเกินไป รพีพงษ์ก็นั่งขัดสมาธิลงบนลำต้นของต้นไม้ใหญ่ หลับตาตั้งสมาธิ และเริ่มฝึกฝนขึ้นมา

กลางดึกเป็นเวลาเที่ยงคืน รพีพงษ์ทำสมาธิแล้ว ถือได้ว่าเข้าสู่สภาวะพักผ่อน

แต่ในขณะนี้ จู่ๆเขาก็รู้สึกถึงว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล จึงลืมตาขึ้น

ทันทีที่ลืมตา รพีพงษ์รู้สึกว่ามีหมอกรางๆอยู่ตรงหน้าตัวเอง เหมือนกับว่าตื่นขึ้นมาในความฝัน ค่อนข้างแปลกประหลาด

ใช้เวลานานสักพัก ก่อนที่ภาพตรงหน้าเขาจะกลายเป็นปกติขึ้นมา

เขาหันหน้ามองไปรอบๆตัวเองแวบหนึ่ง อยากจะดูว่ามีตรงไหนที่ไม่ชอบมาพากล

ไม่มองก็ไม่เป็นไร พอมองก็ตกใจ

ส่วนท้ายของลำต้นที่เขาอยู่ ในขณะนี้คนคนหนึ่งในสวมใส่ชุดแดงกำลังนั่งอยู่ หญิงสาวที่ผมปลิวพลิ้ว

ขาทั้งสองของหญิงสาวห้อยหย่อนอยู่ในกลางอากาศ เคลื่อนไหวไปด้านหน้าด้านหลัง บนข้อเท้าของเธอ มีเชือกสีแดงผูกอยู่ บนเชือกสีแดง และกระดิ่งก็ดังขึ้นกริ่งๆพร้อมกับการเคลื่อนไหวที่เท้าของเธอ

แม้ว่าจะมองจากด้านข้าง รูปลักษณ์หน้าตาของหญิงสาวในชุดแดงน่าจะสวยงดงามมากจนสามารถเป็นชนวนให้บ้านเมืองล่มสลายได้ แต่เวลาที่เธอปรากฏตัวนั้นแปลกประหลาดมากเกินไป ที่สำคัญรูปลักษณ์นี้ของเธอ ก็เหมือนกับภาพของผีผู้หญิงในโทรทัศน์

ตอนนี้มองดูสวยมาก ไม่แน่เดี๋ยวหันหน้ามา แสดงหน้าผีออกมา ก็สามารถทำให้คนหวาดกลัวได้

แต่ยังดีรพีพงษ์ก็ถือได้ว่าเป็นคนที่เคยเห็นโลกกว้างใหญ่มา แม้แต่คนที่มาจากทวีปโอชวินเขาก็เคยสัมผัสมาแล้ว ตอนนี้ก็มีหญิงสาวในชุดแดงลึกลับปรากฏตัวขึ้นข้างๆตัวเองอย่างกะทันหัน ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ลุกลี้ลุกลนเกินไป

เขารีบปลดปล่อยพลังจิตของตัวเองออกมา ปกคลุมไปที่ร่างกายของหญิงสาวในชุดแดงคนนั้น

แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่คาดคิดก็คือ ในความรับรู้พลังจิตของเขา กลับไม่มีหญิงสาวในชุดแดงคนนี้อยู่!

ถ้าหากตอนนี้เขาหลับตา เพียงแค่ใช่พลังจิตตรวจสอบบริเวณรอบๆ คือมองไม่เห็นหญิงสาวในชุดสีแดงเลย!

เดิมทีเขายังคิดว่าผู้หญิงในชุดสีแดงนี้อาจจะเป็นลูกศิษย์ของผู้คุมกันคนที่สี่ของชัชพิสิฐ เพราะเมื่อกี้นี้ตัวเองทำสมาธิ เธอแอบมาที่ข้างๆของตัวเอง อยากจะทำให้ตัวเองตกใจ

ที่สำคัญเขาก็คิดว่าสิ่งนี้ฐปนีย์น่าจะเป็นคนบงการให้เธอทำแบบนี้

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า หญิงสาวในชุดสีแดงคนนี้อาจไม่ใช่มนุษย์เลย!

ถ้าหากเธอเป็นมนุษย์จริงๆ พลังจิตของรพีพงษ์จะตรวจสอบไม่พบได้อย่างไร

ในใจของรพีพงษ์เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับสถานการณ์เช่นนี้

เมื่อเข้าใจความลึกซึ้งเกี่ยวกับโลกใบนี้ รพีพงษ์ก็รู้ว่ามีโลกใบอื่นอยู่แล้ว ที่สำคัญที่ผ่านมา บนโลกใบนี้อาจจะมีเซียนอยู่ ดังนั้นตอนนี้บอกกับรพีพงษ์ว่าบนโลกใบนี้มีผีอยู่จริง เขาก็เชื่ออย่างสุดซึ้งโดยไม่มีข้อสงสัย

ต่อให้ความแข็งแกร่งบรรลุถึงแดนดั่งเทพชั้นยอด รพีพงษ์ก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถต่อต้านผีตนนี้ได้หรือไม่

เขาหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์ของตัวเองลงมา จากนั้นหันไปมองหญิงสาวในชุดแดง แล้วเอ่ยปากถามว่า: “เธอเป็นใคร? ทำไมมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่?”

หลังจากที่หญิงสาวในชุดแดงได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ หันหน้ามองไปที่เขาแวบหนึ่ง ยิ้มแล้วพูดว่า: “นายตื่นแล้ว”

สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์โล่งใจอย่างเงียบๆคือ เมื่อสาวในชุดแดงหันหน้ามา ก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นหน้าผีอย่างกะทันหัน

ในทางตรงกันข้าม หลังจากเห็นรูปร่างหน้าตาทั้งหมดของผู้หญิงในชุดสีแดง ในใจของรพีพงษ์ก็มีภาพลวงตาว่าเธอไม่ใช่ผีแต่เป็นนางฟ้า

“ตอบคำถามของฉัน”รพีพงษ์หรี่ตามองไปที่เธอ และไม่ได้คล้อยตามเพราะรูปลักษณ์ที่ดูดีของเธอ

“คำถามอะไรของนาย?”หญิงสาวในชุดแดงมองไปที่รพีพงษ์อย่างไร้เดียงสา

“เธอเป็นใคร?”รพีพงษ์ถามอีกครั้ง

หญิงสาวในชุดแดงแสยะยิ้ม แล้วพูดว่า: “ฉันไม่ใช่คน แล้วจะตอบนายได้อย่างไร?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท