จี้หยกชิ้นนั้นเป็นสีขาวล้วนทั้งชิ้น ใสเป็นประกายสวยงาม เริ่มแรกมีความรู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้น หลังจากที่รพีพงษ์วางลงบนมือของตัวเอง ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่แปลกประหลาดที่กระจายออกมาจากจี้หยก
“หรือว่านี่ก็คือจี้หยกชิ้นนี้กำลังปราบไอพิฆาตใต้เกาะเหล่านี้เหรอ?”รพีพงษ์พึมพำกับตัวเอง
เขาใช้พลังจิตห่อหุ้มจี้หยกชิ้นนี้ขึ้นมา ตรวจจับการมีอยู่ของจี้หยกชิ้นนี้ไม่ได้ แม้กระทั่งในมือของเขาถือจี้หยกอยู่ เขาก็ไม่สามารถตรวจจับมือของตัวเองออกมาได้
จี้หยกนี้ดูเหมือนจะมีผลบางอย่างในการหลบเลี่ยงพลังจิต สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากตัวเองพกจี้หยกชิ้นนี้ไว้บนร่างกาย ก็จะไม่ถูกค้นพบด้วยพลังจิตของคนอื่นใช่มั้ย
ในเวลาเดียวกันรพีพงษ์ยังความรู้สึกว่าเหมือนราวจะมีพลังมหาศาลพลุ่งพล่านในจี้หยกนี้ พลังแบบนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด ไม่รู้ว่าใช้มาทำอะไร เขาพยายามลองคิดจะระดมพลังในจี้หยก แต่ว่าก็ไม่มีผลใดๆ
หลังจากศึกษาจี้หยกนี้อย่างถี่ถ้วนเป็นเวลานาน และไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ รพีพงษ์ก็นำจี้หยกนั้นไปหานนทภู
ในห้องหนังสือของนนทภู
“ลูกว่าอะไรนะ?! ลูกต้องการจะไปช่องทางใต้ดินเหรอ?”นนทภูมองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ คาดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดในสิ่งที่ทำให้เขาตกใจขนาดนี้
ตอนนี้ไอพิฆาตในร่างกายของเขาไม่มีแล้ว ได้กลายเป็นคนปกติโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเขาสามารถออกจากเทือกเขากิสนาได้แล้ว
เดิมทีเขายังคิดที่จะกลับไปที่เกียวโตพร้อมกับรพีพงษ์ ไปดูหลานสาวของตัวเอง ปรากฏว่ารพีพงษ์กลับต้องการเข้าไปที่ช่องทางเดินใต้ดิน ในความคิดของเขา ก็เป็นการกระทำที่รนหาที่ตายโดยสิ้นเชิง
“พ่อไม่เห็นด้วยกับการที่ลูกจะไปที่นั่น ไอพิฆาตของที่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ลูกสามารถจินตนาการได้ ไปที่นั่นแล้ว ลูกจะกลับมาไม่ได้อีก ตอนนี้ไอพิฆาตของพ่อก็ไม่มีแล้ว ใต้พื้นดินมีอะไรกันแน่ ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราควรสนใจ พ่อไม่อยากให้ตัวเองหายแล้ว ลูกชายกลับถูกไอพิฆาตทำให้ตาย”นนทภูเอ่ยปากพูดด้วยความตื่นเต้น
รพีพงษ์รีบเอาจี้หยกชิ้นนั้นที่หาพบในวันนี้ออกมา พูดกับนนทภูว่า: “ผมค้นพบจี้หยกชิ้นนี้ในวันนี้ ผมสงสัยว่าสาเหตุที่ที่นี่มีประสิทธิผลในการปราบต่อไอพิฆาต ก็เป็นเพราะจี้หยกชิ้นนี้ ตราบใดที่ผมสวมใส่จี้หยกชิ้นนี้ไว้ ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
นนทภูจ้องมองจี้หยกชิ้นนั้นแวบหนึ่ง และพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ว่า: “ถึงจะอย่างนั้นก็ไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ใต้พื้นดิน แค่ไอพิฆาตนี้ก็ทำให้คนเพียงแค่เห็นก็หวาดกลัว ที่นี่คงจะยังมีอันตรายอย่างอื่นอย่างแน่นอน พ่อไม่สามารถให้ลูกไปเสี่ยงกับอันตรายนี้ได้ ”
ภายใต้เกาะศูนย์กลาง มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นดินแดนลึกลับ มีเพียงสถานที่แบบนี้เท่านั้นที่มีเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นที่จีรภัทรที่กล่าวไว้ รพีพงษ์จะพลาดโอกาสเช่นนี้ไปได้อย่างไร
“พ่อ เชื่อใจผม ไม่มีปัญหาใดๆทั้งนั้น จี้หยกชิ้นนี้เพียงแค่สามารถปราบไอพิฆาตได้ ถ้าหากข้างล่างยังมีอันตรายนอกเหนือจากไอพิฆาต พ่อจะอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีได้อย่างไร”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด “ที่สำคัญผมจำเป็นต้องไปตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ผมคิดไว้แบบนั้นหรือเปล่า ผมมีสิ่งของสำคัญที่จำเป็นต้องไปตามหาที่นั่น ผมไม่สามารถปล่อยโอกาสใดๆผ่านไปได้”
เมื่อนนทภูได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นมองไปที่จี้หยกในมือของรพีพงษ์แวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ลูกต้องการไปที่ช่องทางนั้นก็ได้ แต่ว่าต้องแน่ใจว่าจี้หยกนี้สามารถปราบไอพิฆาตนี้ได้จริงหรือเปล่า”
รพีพงษ์ก็แสดงสีหน้ามีความสุขทันที พยักหน้าให้กับนนทภู
แม้ว่าจะรู้ว่าอาจมีความยากลำบากและอันตรายมากมายที่ซ่อนอยู่ในช่องทางนี้ แต่ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนที่จะกลัวหัวหดเมื่อเจอกับความยากลำบาก
ถ้าหากไม่สามารถหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นได้ ถ้าอย่างนั้นให้เขาไปตายเสียยังจะดีกว่า
วิธีการการทดสอบว่าจี้หยกนี้สามารถปราบไอพิฆาตได้หรือไม่ของรพีพงษ์ง่ายดายมาก ตามที่นนทภูกล่าว น้ำในทะเลสาบที่ความลึกสิบเมตร ก็จะเริ่มมีปรากฏไอพิฆาตขึ้นอย่างช้าๆในน้ำ ดังนั้นรพีพงษ์หาปลามาหนึ่งตัว และนำจี้หยกมาใส่ไว้บนตัวปลา จากนั้นให้ปลาตัวนั้นดำดิ่งลงไปที่ระดับความลึกสิบกว่าเมตร
เมื่อปลาถูกเอาขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าหากปลายังมีชีวิตรอดอยู่ ก็จะพิสูจน์ได้โดยธรรมชาติว่าจี้หยกมีผลในการปราบไอพิฆาตจริงๆ
และข้อเท็จจริงเป็นเช่นเดียวกับที่รพีพงษ์คิด เมื่อปลาตัวนั้นถูกจับขึ้นมา ยังมีชีวิตชีวาอยู่และไม่มีปัญหาใดๆ
เพื่อป้องกันการเกิดเรื่องไม่คาดคิด รพีพงษ์ก็หาสัตว์ขนาดเล็กอื่นๆมาทดสอบ ในที่สุดก็พบว่าหลังจากที่พวกมันสวมจี้หยกไปยังสถานที่ที่มีไอพิฆาต ก็มีชีวิตปลอดภัยรอดมา
นนทภูถึงได้เชื่อว่าด้านบนของเกาะศูนย์กลางปราบไอพิฆาตได้ ก็คือจี้หยกนี้
หลังจากที่แน่ใจเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็เริ่มเตรียมตัวเรื่องที่จะเดินทางไปที่ช่องทางทันที
เพราะถ้ารพีพงษ์นำจี้หยกนี้เข้าไปในช่องทางใต้ดิน ก็เป็นไปได้มากว่าจะก่อให้บนพื้นดินไม่มีสิ่งของที่จะปราบไอพิฆาตเหล่านี้ได้ และไอพิฆาตเหล่านั้นก็จะค่อยๆซึมออกมา
ดังนั้นรพีพงษ์จึงให้นนทภูย้ายทุกคนที่อยู่บนเกาะศูนย์กลางอพยพออกไป และแม้กระทั่งภายในระยะสิบลี้ของทะเลสาบ ก็ไม่สามารถมีการเคลื่อนไหวใดๆ จนกว่ารพีพงษ์จะออกมาจากด้านใน
แน่นอนว่า ตัวของนนทภูเองก็ไม่สามารถอยู่ในเกาะศูนย์กลางต่อไปได้ เขาพร้อมกับผู้คนในเทือกเขากิสนา จำเป็นต้องถอยห่างจากนอกเกาะศูนย์กลางไปเป็นระยะทางสิบลี้
รพีพงษ์และนนทภูได้ตกลงกันไว้ว่า เขาจะเข้าไปเพียงหนึ่งอาทิตย์ หลังจากหนึ่งอาทิตย์ ไม่ว่าเขาจะหาสิ่งของที่ต้องได้หรือไม่ ก็ต้องออกมาจากด้านใน
ถ้าหากรพีพงษ์ไม่ออกมาตามเวลาที่ตกลงไว้ นั่นหมายความว่าเขาตายอยู่ข้างในแล้ว หรือว่าติดอยู่ข้างใน
ในเวลานั้นนนทภูก็ต้องไปสถานที่ที่รพีพงษ์บอกไว้ หาธัชธรรม ให้พวกเขาคิดหาทางเข้าสู่ไปใต้ดิน ไปยืนยันสถานการณ์ของตัวเอง
เหตุผลที่รพีพงษ์จัดเตรียมการไว้แบบนี้ เป็นเพราะธัชธรรมและธีรพัฒน์เป็นชายชราที่มีชีวิตมาหลายร้อยปี ประสบการณ์คงจะมากมายกว่าเขา น่าจะมีวิธีต้านทานไอพิฆาตเหล่านั้น ต้องการเข้าสู่ในช่องทางเพื่อยืนยันสถานการณ์ของตัวเองน่าจะยังง่ายมาก
ที่สำคัญไอพิฆาตของที่นี่น่ากลัวมากขนาดนี้ รพีพงษ์ก็ควรจะบอกสถานการณ์ที่นี่ให้กับธัชธรรมพวกเขา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิด
หลังจากเตรียมการเรียบร้อยแล้ว นนทภูและรพีพงษ์ก็เริ่มงานอพยพพนักงาน
นนทภูได้อพยพพนักงานทั้งหมดภายในรัศมีสิบลี้ออกไปข้างนอก และประกาศให้โลกภายนอกรู้ว่า เทือกเขากิสนาจะหยุดการทำธุรกิจชั่วคราว คนเหล่านั้นที่จะมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดก็ถูกขับไล่ออกไป
หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จ รพีพงษ์ก็ตรวจสอบของที่ตัวเองจะนำเขาไป หลังจากที่เตรียมการทุกอย่างแล้ว รพีพงษ์ส่งนนทภูไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างออกไปสิบลี้ด้วยตัวเอง
นนทภูมองไปที่ลูกชายของตัวเองอย่างทุกข์ใจ หลังจากนั้นไม่นาน ถึงค่อยๆพูดว่า: “ต้องมีชีวิตรอดกลับมานะ!”
รพีพงษ์ยิ้มขึ้นมา แล้วพูดว่า: “วางใจได้ครับพ่อ ผมโชคดีดวงแข็ง ไม่ได้ตายง่ายๆหรอก”
นนทภูตบไหล่ของเขา และไม่พูดอะไรอีก
รพีพงษ์ไม่ลังเลอีกต่อไป หันหลังแล้วดินไปที่เกาะศูนย์กลาง
นนทภูบอกตำแหน่งที่ตั้งของช่องทางใต้ดินนั้นให้รพีพงษ์อย่างละเอียด รอถึงเกาะศูนย์กลาง เขาก็สามารถเข้าสู่ช่องทางได้แล้ว