พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1082 ลงภูเขารับลูกศิษย์

บทที่ 1082 ลงภูเขารับลูกศิษย์

หลังจากที่จัดการเฮียวุตเรียบร้อย รพีพงษ์เดินในบ้านของเฮียวุตหนึ่งรอบ อยากจะดูว่าเฮียวุตยังทิ้งภัยพิบัติแอบแฝงไว้อยู่หรือเปล่า

หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร รพีพงษ์ก็เผาร่างของเฮียวุตทันที จากนั้นก็ออกจากบ้านหลังนั้น

อันธพาลเหล่านั้นที่ถูกรพีพงษ์ฟาดก่อนหน้านั้นเห็นกระบวนการทั้งหมดกับตาตัวเอง ต่างก็หวาดกลัวจนไม่กล้าหายใจแรงๆออกมา และนอนแกล้งตายอยู่บนพื้น

หลังจากที่รพีพงษ์จากไป พวกเขารีบลุกขึ้นมาจากบนพื้นอย่างรวดเร็ว และออกจากที่นี่ไป

หลังจากวันนี้ไป ข่าวการเสียชีวิตของบริวุตน่าจะแพร่กระจายไปหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่งในไม่ช้า และถึงเวลาชาวบ้านในหมู่บ้านเหล่านี้ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนบริวุตรังแกอีก

รพีพงษ์ก็เดินทางกลับไปในบ้านของเวทิดา ในเวลานี้คนเหล่านั้นที่ถูกรพีพงษ์ฟาดจนสลบก่อนหน้านี้ก็วิ่งหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งนานแล้ว

ตอนที่เขากลับไป เวทิดากำลังยืนอยู่ในสวนลาน หลังจากที่เห็นรพีพงษ์กลับมา ดวงตาเปล่งประกายทันที รีบก้าวไปข้างหน้าแล้วถาม: “พี่รพีพงษ์ เป็นอย่างไงบ้าง?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “บริวุตคนนั้นถูกฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปพวกคุณก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะมีสร้างความเดือดร้อนให้อีกแล้ว”

หลังจากที่เวทิดาได้ยิน ในใจก็เพิ่มความรู้สึกชื่นชมนับถือต่อรพีพงษ์ขึ้นอย่างลึกซึ้ง จากนั้นพูดกับรพีพงษ์อย่างจริงใจว่า: “พี่รพีพงษ์ ขอบคุณพี่”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดอะไร

“พี่รพีพงษ์ ฉันกับแม่ของฉันได้เก็บกวาดห้องในบ้านออกมาเรียบร้อยแล้ว ตอนกลางคืนพี่ก็นอนที่นี่เถอะ ท่านปรมาจารย์ในภูเขายังมีเวลาอีกหลายวันที่จะภูเขามารับลูกศิษย์ ถ้าหากว่าพี่ไม่รังเกียจ หลายวันนี้ก็พักที่บ้านของฉัน แม้ว่าฐานะของเราจะไม่ค่อยดีมากนัก แต่ว่าก็ถือได้ว่าบังลมหลบฝนได้ ตราบใดที่พี่รพีพงษ์ไม่รังเกียจก็พอ”เวทิดาพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง

รพีพงษ์ไม่ได้ปฏิเสธ แม้ว่าเขาจะไม่ได้มาไหว้บูชาอาจารย์ แต่ว่าอยากจะหาผู้คุมกันคนที่สี่ของชัชพิสิฐ เขาก็ทำได้เพียงรอลูกศิษย์ของผู้คุมกันคนนี้ลงจากภูเขามารับลูกศิษย์ และถามตำแหน่งที่อยู่ตอนนี้ของผู้คุมกันคนที่สี่จากปากของพวกเขา

ดังนั้นหลายวันนี้เขาต้องอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้จริงๆ

ตอนกลางคืน เวทิดาสองแม่ลูกใช้อาหารเย็นมากมายมาต้อนรับรพีพงษ์ ในระหว่างรับประทานอาหารทั้งสองคนยังแสดงความขอบคุณต่อรพีพงษ์อยู่ตลอด

ที่สำคัญสิ่งที่ทำให้รพีพงษ์ทำอะไรไม่ถูกคือ แม่ของเวทิดาตั้งใจมุ่งมั่นว่ารพีพงษ์ก็คือเทพเจ้า ไม่ว่าทานอะไร ก็ให้รพีพงษ์ทานก่อน บอกว่าอาหารที่เทพเจ้าทานแล้ว ก็จะมีโชคของเทพเจ้าติดด้วย พวกเธอทานก็จะมีความโชคดี

รพีพงษ์อธิบายหลายรอบว่าตัวเองไม่ใช้เทพเจ้า แต่ว่าแม่ของเวทิดาก็ไม่เชื่อ และเชื่อมั่นว่ารพีพงษ์คือเทพเจ้ากลับชาติมาเกิด ดังนั้นมองไปแล้วจึงเหมือนกันคนทั่วไป

รพีพงษ์รู้ว่าไม่สามารถอธิบายให้เธอได้อย่างชัดเจน ดังนั้นก็ไม่อธิบายแล้ว สงบจิตสงบใจก้มหน้าทานข้าว

เช้าวันรุ่งขึ้น รพีพงษ์ตื่นขึ้นมา พบว่าข้างเตียงของตัวเองมีกระถางธูปอยู่หนึ่งอัน ในกระถางธูปปักธูปไว้สามดอก เผาไหม้หมดแล้ว

ถ้าหากเดาไม่ผิด เมื่อคืนนี้แม่ของเวทิดาคงจะแอบเอามาวางไว้อย่างแน่นอน

มองดูธูปที่เผาไหม้หมดในกระถางธูป รพีพงษ์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา ยังไงเขาก็คาดไม่ถึงว่าจะมีวันหนึ่งที่ตัวเองถูกคนอื่นบูชาในฐานะเทพเจ้า

หลังจากนั้นหลายวัน รพีพงษ์ก็พักอยู่อาศัยในหมู่บ้านเล็กๆที่รอบล้อมไปด้วยภูเขาแม่น้ำ ข่าวคราวที่บริวุตถูกเขาฆ่าตายก็แพร่กระจายไปหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่ง หลังจากที่ทุกคนรู้ ต่างร่วมยินดีเฉลิมฉลองกันทั่วหน้า และแทบต้องการที่จะจัดงานเลี้ยงใหญ่มาเฉลิมฉลองเป็นอย่างยิ่ง

ในเวลาเดียวกันแม่ของเวทิดาก็บอกกับคนอื่นไปทั่วว่าบ้านของเธอมีเทพเจ้าพักอยู่ ก็คือเทพเจ้าท่านนี้ที่กำจัดบริวุต

ผ่านไปได้ไม่นาน คนทั้งหมู่บ้านรู้เรื่องราวนี้ ต่างก็วิ่งมาดูเทพเจ้าในบ้านของเวทิดา

เรื่องนี้ทำให้รพีพงษ์ค่อนข้างปวดหัว แต่ก็ทานต้านความกระตือรือร้นของชาวบ้านไม่ไหว ดังนั้นโดยทั่วไปในเวลากลางวันเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านของเวทิดา วิ่งไปในภูเขาเพื่อฝึกฝน

ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ ทุกคืนตอนที่รพีพงษ์กลับไป ก็จะเห็นกระถางธูปวางอยู่ที่หน้าบ้านของเวทิดา ด้านในจุดธูปที่ทั้งไหม้หมดแล้วและยังไหม้ไม่หมด

ก็แบบนี้ผ่านไปหลายวัน ในเช้าของวันนี้ ตอนที่รพีพงษ์กำลังจะออกจากบ้านของเวทิดา เวทิดาที่ออกไปแต่เช้าก็วิ่งกลับมาในบ้านอย่างรวดเร็ว เห็นรพีพงษ์กำลังจะออกไป รีบเรียกเขาไว้ แล้วพูดว่า: “พี่รพีพงษ์ พี่ไม่ต้องไปในภูเขาแล้ว วันนี้ลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์คนนั้นลงมาจากภูเขาแล้ว พวกเขามาถึงที่หมู่บ้านข้างๆพวกเราแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดเวทิดา ดวงตาของรพีพงษ์ก็เปล่งประกายทันที จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นพาฉันไปเถอะ”

เวทิดาพยักหน้า จากนั้นพารพีพงษ์รีบไปยังหมู่บ้านข้างๆอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็มาถึงพื้นที่โล่งแห่งหนึ่งที่ชาวบ้านหมู่บ้านข้างๆใช้รวมตัวกันประชุม

ในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากมายรวมตัวกันอยู่ที่นั่น คนของหมู่บ้านรอบๆหลายแห่งแทบจะวิ่งมาที่นี่ เพื่อดูฉากที่ลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์รับลูกศิษย์

แน่นอนว่า แต่ละครอบครัวก็จะส่งลูกของตัวเองมาที่นี่ ถ้าหากโชคดี เกิดถูกคัดเลือก ถ้าอย่างนั้นจากนี้ไปครอบครัวนี้ก็จะถือได้ว่าประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรืองขึ้น

ในระหว่างเดินทางที่มาเวทิดาบอกรพีพงษ์ว่า เงื่อนไขในการรับลูกศิษย์ของศิษย์ท่านปรมาจารย์คืออายุต้องไม่น้อยกว่าเจ็ดปี ไม่เกินยี่สิบปี ผู้ที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการคัดเลือก

แน่นอนว่าอายุเป็นเพียงเกณฑ์การคัดเลือกอย่างหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากคุณสมบัติดี ต่อให้อายุจะมากไปบ้างก็ไม่เป็นไร พวกเขาสามารถอาสาเสนอตัวเองได้ แน่นอนว่า และถ้าหากไปก่อกวนเพียงอย่างเดียว ก็จะถูกลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์ลงโทษ

ตอนนั้นที่เวทิดาบอกเรื่องนี้กับรพีพงษ์ ก็รู้สึกว่าคุณสมบัติของรพีพงษ์เหมาะสม ลองอาสาเสนอตัวเองดู ไม่แน่อาจมีโอกาสถูกคัดเลือก

แน่นอนว่า หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ เวทิดาก็ไม่มีความคิดแบบนี้แล้ว เนื่องจากความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ ไม่เห็นว่าจะอ่อนแอกว่าท่านปรมาจารย์คนนั้นในภูเขา

ทั้งสองคนมาถึงในกลุ่มฝูงชน เห็นด้านหน้ามีโต๊ะวางอยู่หลายโต๊ะ มีคนสามคน ผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน ในเวลานี้กำลังนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะ มองไปที่ชาวบ้านรอบๆอย่างไม่สนใจไยดี และสามารถมองออกมาได้ว่าในแววตาของพวกเขามาพร้อมกับความดูถูกเล็กน้อย

แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเกิดในหมู่บ้านใกล้เคียง แต่หลังจากที่เข้าไปฝึกฝนในภูเขากับท่านปรมาจารย์ การเปิดหูเปิดตาก็กลายเป็นกว้างขึ้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความหยิ่งยโส และย่อมดูถูกชาวบ้านเหล่านี้เป็นธรรมดา

และชาวบ้านเหล่านี้ก็ไม่กล้าพูดอะไรเป็นธรรมดา และยังรู้สึกว่าก็สมควรที่จะเป็นอย่างนั้น เนื่องจากแนวคิดของพวกเขายังอยู่ในสภาพที่ล้าหลัง

บนโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าของทั้งสามคนนั้น วางก้อนหินแปลกประหลาดไว้ก้อนหนึ่ง ทุกคนที่มาเข้าร่วมการคัดเลือก เพียงต้องวางมือของตัวเองไว้บนก้อนหินก้อนนั้น ก้อนหินก้อนนั้นก็จะเปล่งแสงออกมาบ้าง ทั้งสามคนดูตามความแข็งความอ่อนของแสง มาตัดสินว่าจะรับคนคนนี้หรือไม่

รพีพงษ์มองไปที่ก้อนหินก้อนนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น คาดไม่ถึงว่ายังมีของแบบนี้ที่สามารถทดสอบศักยภาพได้อยู่

ดูเหมือนว่าคนที่มาจากทวีปโอชวิน ไม่ธรรมดาจริงๆ

รพีพงษ์ไม่รีบร้อน รอให้ทั้งสามคนนั้นทดสอบทุกคนที่เข้าร่วมการคัดเลือกเสร็จอย่างอดทน

หลังจากที่มองดูคนสุดท้ายที่เข้าร่วมการคัดเลือกเสร็จ รพีพงษ์ก็เดินออกมาจากฝูงชน และเดินไปทางทั้งสามคนนั้น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท