พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1092 ดินแดนลึกลับ

บทที่1092 ดินแดนลึกลับ

เดิมทีรพีพงษ์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวังหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่จีรภัทรพูด สีหน้าท่าทางก็นิ่งอึ้งไปทันที จากนั้นรีบถามอย่างรวดเร็วว่า: “จำเป็นต้องไปทวีปโอชวิน ถึงจะหาเครื่องยาสมุนไพรที่ท่านพูดถึงได้เหรอ?”

จีรภัทรพยักหน้าทันที แล้วพูดว่า: “ถูกต้อง เครื่องยาสมุนไพรที่ต้องใช้ในการถอนพิษยาพันพิษ ต้องผ่านการเพาะเลี้ยงของพลังทิพย์ ถึงจะสามารถแสดงสรรพคุณทางยาที่ควรมีออกมา บนโลก ไม่มีพลังทิพย์ไปตั้งนาน แล้วจะเกิดเครื่องยาสมุนไพรแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร”

“ดังนั้นต้องการจะหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้พบ ก็ทำได้เพียงไปที่ทวีปโอชวิน”

ทันใดนั้นบนร่างกายของรพีพงษ์ก็เกิดความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ตอนแรกยังคิดว่าจีรภัทรมีวิธีถอนพิษของยาพันพิษ แต่ว่าคาดไม่ถึงว่าสุดท้ายยังต้องไปที่ทวีปโอชวินถึงจะมีโอกาสถอนพิษได้

แต่ผู้คนของทวีปโอชวินต้องการมายังบนโลก ก็เป็นปัญหาใหญ่ซับซ้อนมากมากมาย แล้วเขาจะมีโอกาสไปในทวีปโอชวินได้อย่างไร

แทนที่จะบอกว่านี่เป็นความหวังอย่างหนึ่ง ถ้างั้นบอกว่าความหวังนี้เป็นความจริงไปไม่ได้จะดีกว่ามั้ย

“ไม่มีวิธีการใดแล้วจริงๆเหรอ?”รพีพงษ์พึมพำกับตัวเอง เมื่อนึกถึงว่าจากนี้ไปอารียาจะหมดสติไม่ฟื้นอยู่บนเตียง และในที่สุดก็ถูกกัดกร่อนด้วยยาพิษของยาพันพิษ เขาก็รู้สึกปวดใจอย่างฉับพลัน

เขาเอาแต่พูดว่าต้องการปกป้องอารียาไปตลอดชีวิต ตอนนี้แม้แต่พิษนี้กลับถอนไม่ได้ ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้รพีพงษ์อยากจะตบตัวเองอย่างรุนแรงหลายๆครั้ง

จีรภัทรมองดูท่าทางที่เจ็บปวดของรพีพงษ์ ก็เดาได้ว่ารพีพงษ์น่าจะรักภรรยาของตัวเองมากจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะวิ่งมาหาเขาในภูเขาป่าลึกรกร้างแบบนี้โดยเฉพาะ

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า: “นอกเหนือจากที่ทวีปโอชวินจะสามารถหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้ได้ ฉันก็พูดไม่ได้ว่าไม่มีเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นที่ฉันพูดถึงอยู่บนโลกอย่างแน่นอน”

รพีพงษ์เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง มองไปทาจีรภัทร เอ่ยปากพูดว่า: “หมายความว่าอะไร?”

“นายฆ่าชัชพิสิฐแล้ว ก็เข้าใจถึงบนโลกอย่างลึกซึ้งแล้วว่า ทำไม??ถึงได้กลายเป็นแห้งเหือดขาดหายไปใช่มั้ย?”จีรภัทรเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์พยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า:“สิ่งนี้ผมเข้าใจแล้ว ว่ากันว่าหลายปีก่อนหน้านั้น จอมมารชูร่ากับกลุ่มเซียนทำสงครามกันก่อให้เกิดขึ้น”

จีรภัทรพยักหน้า แล้วพูดว่า:“ถูกต้อง ก่อนหน้าที่จะทำสงครามนั้น บนโลกยังคงเต็มไปด้วยพลังทิพย์ ในตอนนั้น มีดินแดนลึกลับมากมายที่ไร้ผู้คนค้นหา”

“ดินแดนลึกลับเหล่านี้ส่วนใหญ่มีการผนึกไว้ ดังนั้นคนทั่วไปจึงไม่สามารถหาได้ว่าพวกมันอยู่ที่ไหน และเหตุผลก็เป็นเพราะการมีอยู่ของผนึก พลังทิพย์ของในดินแดนลึกลับเหล่านี้ น่าจะไม่ได้แห้งเหือดขาดหายไปตามบนโลก”

“ดังนั้นถ้าหากนายโชคดีพอ หาดินแดนลึกลับเหล่านี้เจอ และเข้าสู่ในนั้นได้อย่างราบรื่น บางทีอาจจะสามารถหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นที่ฉันพูดถึงเจอได้”

“แต่โดยทั่วไปดินแดนลึกลับแบบนี้มักจะมีอันตรายมากมาย ปีนั้นผู้คนของทวีปโอชวินยังไม่ได้ออกไปจากบนโลก ผู้แข็งแกร่งมากมายเหล่านั้นก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดออกมาจากในดินแดนลึกลับได้ นับประสาอะไรกับเด็กอย่างนายที่ความแข็งแกร่งมีเพียงแดนดั่งเทพชั้นยอด”

“อย่าคิดว่าฉันพูดเกินจริง ตอนนี้แดนดั่งเทพชั้นยอดอยู่บนโลกถือได้ว่าแข็งแกร่ง แม้ว่าความแข็งแกร่งของตัวฉันเองจะเหลือเพียงระดับแดนดั่งเทพ แต่ว่าอยู่ในปีนั้น แดนดั่งเทพชั้นยอดอย่างมากถือได้เป็นเพิ่งจะก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝนเท่านั้นเอง”

“ที่สำคัญต่อให้นายจะโชคดี หารดินแดนลึกลับเจอ และคิดหาวิธีเข้าสู่ดินแดนลึกลับได้ สามารถที่จะหาเครื่องยาสมุนไพรที่ฉันพูดถึงได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้”

“แม้ว่า??ของดินแดนลึกลับจะเพียงพอ แต่ไม่ใช่ว่านายต้องการเครื่องยาสมุนไพรชนิดใด ด้านในของมันก็จะมียาชนิดนั้นเติบโต”

“มีความเป็นไปได้ว่านายเข้าไปดินแดนลึกลับสิบแห่ง ก็ไม่แน่ใจว่าจะเจอเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นที่ฉันพูดถึงได้”

“ดังนั้นทางเลือกนี้เมื่อเทียบกับการไปตามหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นที่ฉันพูดถึงที่ทวีปโอชวิน ยังจะยากมากกว่า เนื่องจากเพียงแค่ค้นหาดินแดนลึกลับ ก็เพียงพอที่จะทำให้นายใช้เวลาทั้งชีวิตแล้ว”

“หลังจากที่ปีนั้นชัชพิสิฐมายังบนโลก ก็ได้ลองตามหาดินแดนลึกลับเหล่านั้น แม้ว่าต่อมาฉันจะตัดขาดความสัมพันธ์กับเขา ไม่สนใจกับเรื่องของเขาอีกต่อไป แต่ดูจากที่เขาตายอยู่ในเงื้อมมือของนาย เขาน่าจะหาดินแดนลึกลับไม่เจอ บางทีต่อให้หาเจอ ก็ไม่มีวิธีเข้าไป”

“ไม่อย่างนั้นชัชพิสิฐที่มีอยู่รอดออกมาจากดินแดนลึกลับ ไม่มีทางที่จะถูกนายฆ่า ที่สำคัญถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เขาก็ไม่จำเป็นต้องยึดครองต่อชีวิตแล้ว”

“ในดินแดนลึกลับมีทรัพย์สมบัติอันมีค่าที่นายไม่สามารถจินตนาการได้ เครื่องยาสมุนไพร แค่สิ่งของที่อาศัยสภาพแวดล้อมป่าของดินแดนลึกลับเกิดขึ้นมาเท่านั้นเอง”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ฟังสิ่งที่จีรภัทรพูดจบ ในใจก็ค่อนข้างตกใจ คาดไม่ถึงตอนนี้บนโลก ยังมีดินแดนลึกลับสถานที่แบบนี้อยู่

ว่ากันตามเหตุผลของระดับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตอนนี้ น่าจะสำรวจโลกทั้งใบมาหนึ่งรอบตั้งนานแล้ว

แต่เมื่อคิดดูอย่างละเอียด มนุษย์สำรวจโดยอาศัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้น ก็แค่สิ่งของเหล่านั้นที่อยู่บนพื้นผิวนอกสุดของบนโลกเท่านั้นเอง

ก็เหมือนกับสุสานของตัวชัชพิสิฐเอง ถ้าหากว่าตัวของเขาไม่เปิดเอง ในชีวิตนี้คนธรรมดาจะคิดเพียงว่าที่นั่นมันเป็นหน้าผาแห่งหนึ่ง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่ามีประตูหินหนึ่งบานอยู่ด้านหลังหน้าผา

แม้แต่ยอดฝีมือแดนดั่งเทพชั้นยอดอย่างรพีพงษ์ ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ

ดินแดนลึกลับที่จีรภัทรพูดถึงนั้นก็เพียงจะซ่อนเร้นมากกว่าสุสานของชัชพิสิฐ ต้องการที่จะค้นพบการมีอยู่ของสถานที่เหล่านี้โดยอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ก็ไม่ค่อยเป็นจริงเป็นธรรมดา

อย่างไรก็ตามคนอื่นหาดินแดนลึกลับที่มีอยู่ไม่เจอ เขารพีพงษ์ก็ยิ่งไม่มีทางหาเจอเป็นธรรมดา ดังนั้นสิ่งนี้สำหรับรพีพงษ์ ยังคงเป็นข่าวที่สิ้นหวัง

แต่ในขณะนี้ จู่ๆเขาตระหนักได้ว่าจีรภัทรเพิ่งบอกว่าหลังจากที่ชัชพิสิฐมาถึงบนโลกเคยตามหาดินแดนลึกลับเหล่านั้น สิ่งนี้ทำให้ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันที

เขาอยู่ในสุสานของชัชพิสิฐ คือหาแผนที่หนึ่งแผ่นที่ไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไรเจอ สถานที่บางแห่งบนแผนที่เหล่านั้นมีสัญลักษณ์อยู่ ในตอนแรกรพีพงษ์ได้ศึกษาเรื่องนี้แล้ว แต่ว่าในที่สุดก็ไม่เข้าใจว่าสัญลักษณ์ของสถานที่บนแผ่นที่เหล่านั้นเอาไว้ทำอะไร

ตอนนี้ได้ยินจีรภัทรพูดแบบนี้ ในใจของรพีพงษ์ก็คิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง!

แผนที่แผ่นนั้น น่าจะเป็นตำแหน่งที่ตั้งของดินแดนลึกลับเหล่านั้นที่ชัชพิสิฐหาเจอ

เพียงแต่ปัญหาเรื่องความแข็งแกร่ง ชัชพิสิฐไม่สามารถเข้าไปได้ ดังนั้นจึงเลือกบันทึกตำแหน่งเหล่านี้ลงมา

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ รพีพงษ์ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที ถ้าหากสัญลักษณ์ของสถานที่บนแผ่นที่แผ่นนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีสถานที่ดินแดนลึกลับอยู่จริงๆ ถ้าอย่างนั้นรพีพงษ์ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นที่จีรภัทรต้องการพบบนโลกได้

แม้ว่าความน่าจะเป็นจะน้อย แต่เขาก็ต้องพยายามลองดู ไม่อย่างนั้นแล้วก็ไม่มีความหวังแม้แต่น้อยจริงๆ

เขาหันหน้ามองไปที่จีรภัทร เอ่ยปากพูดว่า: “ผู้อาวุโส โปรดเขียนข้อมูลเครื่องยาสมุนไพรที่ต้องการมาให้ผมอย่างละเอียดเถอะ ไม่ว่าจะสามารถหาได้หรือไม่ได้ ผมก็จะไปลองดู”

“นายต้องการจะไปตามหาที่ดินแดนลึกลับเหล่านั้นเหรอ?”จีรภัทรเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างจริงจัง

“ระดับอันตรายของดินแดนลึกลับเหล่านี้ฉันได้บอกนายแล้ว แดนดั่งเทพชั้นยอด เข้าไปข้างใน คือไม่มีโอกาสรอดชีวิตอย่างแน่นอน ”จีรภัทรเอ่ยปากพูด

แววตาของรพีพงษ์กลายเป็นแน่วแน่จริงจังขึ้นมา เอ่ยปากพูดว่า: “ไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้วอย่างไร ถ้าหากไม่สามารถช่วยภรรยาผมกลับมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าผมไม่ดีกว่าเหรอ”

“ที่สำคัญถ้าหากความแข็งแกร่งแดนดั่งเทพไม่เพียงพอ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตราบใดที่ผมพยายาม ผมจะต้องหาเครื่องยาสมุนไพรเหล่านั้นกลับมาให้ได้ ก่อนที่พิษจะเริ่มออกฤทธิ์!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท