พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1095 ปัญหาของนนทภู

บทที่ 1095 ปัญหาของนนทภู

เทือกเขากิสนา

หลังจากลงจากเฮลิคอปเตอร์ รพีพงษ์ไม่ได้เสียเวลามากนัก และรีบมุ่งหน้าไปยังเกาะศูนย์กลาง

เจ้าหน้าที่ในเทือกเขากิสนารู้จักตัวตนของรพีพงษ์ดีมานานแล้ว หลังจากที่เห็นเขา ใบหน้าก็แสดงความเคารพ หลังจากที่รู้ว่าเขาต้องการไปที่เกาะศูนย์กลาง ก็รีบจัดเตรียมเรือให้เขาทันที

ไม่นาน รพีพงษ์ก็มาถึงเกาะศูนย์กลางและรีบตรงไปยังสถานที่ที่นนทภูอยู่

ในพริบตาเดียว รพีพงษ์ก็มาถึงที่หน้าห้องหนังสือของนนทภูแล้ว

เขาเอื้อมมือไปเคาะประตู ประตูก็เปิดออกทันที และรพีพงษ์ก็เดินเข้าไปข้างใน

ในเวลานี้นนทภูกำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าของหน้าต่าง และจ้องมองทิวทัศน์ด้านนอกอย่างเพลิดเพลิน

หลังจากที่รพีพงษ์เข้ามาก็ไม่ได้พูดอะไร ก็ยืนอยู่ในห้องหนังสือแบบนี้ และรออย่างเงียบๆ

หลังจากนั้นไม่นาน นนทภูเอ่ยปากพูดเน้นยำว่า: “ลูกมาแล้ว”

เขาไม่ได้หันกลับมา รพีพงษ์จ้องไปที่ด้านหลังของเขาและเอ่ยปากพูดว่า: “ใช่ครับพ่อ”

“ผมได้ยินน้ำเสียงของพ่อทางโทรศัพท์ก่อนหน้านั้น ดูราวกับว่าไม่ค่อยปกติ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกเหรอครับ?”

นนทภูถึงค่อยๆหันกลับมา เมื่อตอนที่รพีพงษ์เห็นใบหน้านั้นของเขา ทั้งร่างกายก็แข็งทื่อ ในใจก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าขึ้นมา

ในเวลานี้เห็นเพียงใบหน้าทั้งหน้าของนนทภูเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำถี่ยิบหนาแน่น ในดวงตาทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย คนทั้งคนก็เหมือนปีศาจที่หมกมุ่นหลงผิด ค่อนข้างทำให้คนหวาดกลัว

ถ้าหากเมื่อกี้นี้ไม่ใช่ว่านนทภูยังคงพูดคุยกับรพีพงษ์อย่างตามปกติ รพีพงษ์คงจะคิดว่านนทภูถูกปีศาจเข้าสิงร่าง

“พ่อ ใบหน้าของพ่อ…..”

นนทภูยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “รูปลักษณ์แบบนี้ของพ่อไม่ได้ทำให้ลูกกลัวใช่มั้ย?”

รพีพงษ์หายใจเข้าลึกๆ รูปลักษณ์แบบนี้ของนนทภูในเวลานี้ ถือได้ทำให้คนหวาดกลัวอย่างแน่นอน เขายิ้มขึ้นมาอีก ก็เห็นได้ชัดว่ายิ่งน่าสยดสยองขึ้นไป

“ตกลงว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงได้กลายเป็นแบบนี้?”

นนทภูไม่ได้รีบร้อน และพูดกับรพีพงษ์ว่า: “นั่งลงมาก่อนเถอะ แม้ว่ารูปลักษณ์ตอนนี้ของพ่อจะดูน่ากลัว แต่ในชั่วครู่ชั่วยามยังไม่ตาย”

รพีพงษ์พยักหน้าเล็กน้อย และนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องหนังสือของนนทภู

นนทภูนั่งอยู่ข้างๆรพีพงษ์ บนใบหน้าปรากฏความทอดถอนใจ แล้วพูดว่า: “ลูกยังจำได้มั้ย ชื่อเทพสังหารของพ่อนี้มาได้อย่างไร”

รพีพงษ์พยักหน้า ตอนนั้นที่นนทภูเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง ในเวลานั้นรพีพงษ์เพิ่งมาถึงที่เทือกเขากิสนา เพื่อที่จะควบคุมเทือกเขากิสนาให้อยู่ในมือของตัวเอง เขามีช่วงหนึ่งที่บ้าคลั่งมาก เขาแทบจะฆ่าคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่เคยเผชิญหน้ากับเขา

ต่อมาเมื่อปีนบันไดสูง เขาก็ยังคงรักษาความโหดร้ายนี้ไว้เหมือนเดิม ไม่มีปล่อยใครที่ยืมอยู่บนเวทีประลองเดียวกันรอดไปทั้งนั้น จนถึงปีนบันไดสูงประสบความสำเร็จในที่สุด แม้กระทั่งจัดการกับเจ้าของคนก่อนของเทือกเขากิสนา ได้ควบคุมเทือกเขากิสนาอย่างแน่นหนาอยู่ในมือของตัวเอง

ชื่อเทพสังหารนี้ อยู่ในตอนนั้นก็ใครๆได้ยินก็หวาดกลัว และน่าเกรงขาม

ตอนนั้นรพีพงษ์คิดว่านนทภูเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในเทือกเขากิสนาต่อไป ดังนั้นจึงจำใจต้องเลือกทำแบบนี้

แต่ตอนนี้ดูท่าทางของนนทภู เรื่องนี้ เหมือนว่าจะยังมีเรื่องอื่นที่ปิดบังไว้อยู่

“พ่อ หรือว่าปีนั้นที่พ่อฆ่าคนทั้งหมดที่ต่อสู้กับพ่อ คือมีเหตุผลอื่นเหรอ?”รพีพงษ์เอ่ยปากถาม

นนทภูพยักหน้าเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ถูกต้อง ปีนั้นความแข็งแกร่งของพ่อแข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือเหล่านั้นของเทือกเขากิสนา แต่ว่าต่อให้พ่อจะชนะพวกเขา ก็ไม่จำเป็นต้องเข่นฆ่าพวกเขาทั้งหมด ที่สำคัญด้วยจิตใจของพ่อ จะไปฆ่าคนมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร”

“ปีนั้นเหตุผลที่พ่อกลายเป็นบ้าคลั่งแบบนั้น ความจริงเพราะตอนที่อยู่คุกใต้ดิน พ่อถูกไอพิฆาตที่มาจากใต้ดินกัดกร่อน”

“ไอพิฆาตใต้ดินเหรอ?”รพีพงษ์ขมวดคิ้วทันที มองไปที่นนทภูอย่างสงสัย ครั้งก่อนที่เขาได้ยินไอพิฆาตสองคำนี้ ยังเป็นอยู่ในสุสานของชัชพิสิฐ

โดยปกติหลังจากการตายของผู้มีพลังแข็งแกร่ง พลังในร่างกายจะไม่สลาย ถึงจะค่อยๆเกิดเป็นไอพิฆาตออกมา นนทภูจะถูกไอพิฆาตกัดกร่อนได้อย่างไร?

“ถูกต้อง เป็นเพราะการกัดกร่อนของไอพิฆาตแบบนี้ ทำให้พ่อคนทั้งคนกลายเป็นบ้าคลั่งยากที่จะควบคุมตัวเอง ในใจมักจะมีความคิดกระหายเลือดและการฆ่าฟันอยู่ตลอด ดังนั้นพ่อถึงได้ฆ่าทุกคนที่ต่อสู้กับพ่อ แม้กระทั่งฆ่าคนเหล่านั้นที่อยู่ในคุกใต้ดินเดียวกันกับพ่อทั้งหมด”นนทภูพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความทอดถอนใจ

“ที่สำคัญไอพิฆาตไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างที่คิด ตอนนี้เหตุผลที่พ่อยังมีสติสัมปชัญญะที่ชัดเจน เป็นเพราะสถานที่เทือกเขากิสนาแห่งนี้ มีประสิทธิผลในการปราบไอพิฆาตแบบนี้ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ตั้งของเกาะศูนย์กลางนี้”

“ดังนั้นพ่อไม่สามารถที่จะออกจากเทือกเขากิสนาได้ ทำได้เพียงรอให้ลูกมาหาพ่อ เกิดพ่อออกจากที่นี่ ไอพิฆาตในร่างกายของพ่อก็จะสูญเสียการควบคุมโดยสิ้นเชิง พ่อจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่รู้เพียงแต่การฆ่าเท่านั้น”

“และเมื่อไม่นานนี้ ไอพิฆาตในร่างกายของพ่อยิ่งอยู่ก็ยิ่งที่ปราบยากมากขึ้น มันทำให้พ่อกลายเป็นรูปลักษณ์อย่างที่ลูกเห็น น่าจะใช้เวลาอีกไม่นาน ต่อให้พ่อจะอยู่ที่นี่ต่อไป ก็ไม่มีทางที่จะปราบไอพิฆาตของร่างกายได้และสูญเสียการควบคุม”

“ครั้งนี้ที่พ่อตามลูกมา หนึ่งคือเพื่อที่จะบอกเรื่องนี้ให้กับลูก อีกหนึ่งอย่าง คืออยากให้ลูกก่อนที่พ่อจะสูญการควบคุมทั้งหมดไป ฆ่าพ่อซะ เพื่อหลีกเลี่ยงที่พ่อจะทำเรื่องอันตรายร้ายแรงอะไรออกมา”

เมื่อนนทภูพูดสิ่งเหล่านี้ด้วยใบหน้าที่สงบ เหมือนราวกับว่ามองแวบเดียวก็เข้าใจแล้ว

แต่ในใจของรพีพงษ์กลับไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่มีทางที่จะฆ่าพ่อของตัวเองด้วยมือของตัวเอง

รพีพงษ์มองไปที่นนทภูอย่างวิตกกังวล เอ่ยปากพูดว่า: “พ่อ พ่ออย่าเพิ่งมองโลกในแง่ร้ายไปก่อน ก็แค่ไอพิฆาตเท่านั้นเอง มีทางออกอยู่เสมอ”

นนทภูยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “หลายปีมานี้พ่อได้พยายามลองหลากหลายวิธีแล้ว ก็ไม่มีผลเลยแม้แต่น้อย ไอพิฆาตแบบนี้เกิดเข้าสู่ร่างกาย นอกจากอาศัยสถานที่แห่งนี้ของเทือกเขากิสนาปราบไว้แล้ว ก็ไม่มีทางใดที่จะแก้ไขได้”

ถ้าหากเป็นที่ผ่านมา รพีพงษ์อาจเกิดความแบบเดียวกันกับนนทภู แต่ว่าตอนที่ได้สัมผัสกับเน่ยจิ้ง และหลังจากที่กลายเป็นปรมาจารย์แดนดั่งเทพผู้แข็งแกร่ง รพีพงษ์ก็ไม่คิดเช่นนั้น

นนทภูคิดแบบนี้ เป็นเพราะต่อให้เขาจะแข็งแกร่ง ท้ายที่สุดก็เป็นแค่คนธรรมดา เขาไม่เคยสัมผัสกับเน่ยจิ้ง และพลังลึกลับมหัศจรรย์แบบนี้ของพลังวิเศษเสน

ตอนนั้นปีนบันไดสูงสำหรับรพีพงษ์ เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตไปวางเดิมพัน แต่ว่าถ้าหากตอนนี้ยอดฝีมือบันไดสูงเหล่านั้นทั้งหมดของตอนนั้นยืนอยู่ตรงหน้ารพีพงษ์ นิ้วเดียวของรพีพงษ์ ก็สามารถบดขยี้พวกเขาทั้งหมดให้ตายได้

ดังนั้นรพีพงษ์ไม่คิดว่าไอพิฆาตที่นนทภูโดนจะไม่มีทางรักษาหาย

นนทภูไม่ที่จะสามารถจินตนาการได้ว่าตอนนี้รพีพงษ์อยู่ในระดับไหนกันแน่

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ใบหน้าของนนทภูสักพัก ตอนนั้นในสุสานของชัชพิสิฐ เขาเพราะเชื่อชัชพิสิฐ ดังนั้นทานยาที่ชัชพิสิฐให้มาต้านทานไอพิฆาตลงไปทันที

แต่หลังจากนั้นเขาก็ค้นพบว่า อาศัยพลังในร่างกายของตัวเอง ความจริงก็สามารถต้านทานไอพิฆาตเหล่านั้นได้

ชัชพิสิฐพูดแบบนั้น เพียงเพื่อหลอกให้พวกเขาทานยาลงไปเท่านั้นเอง

ดังนั้นใช้พลังวิเศษเสนมาคลี่คลายไอพิฆาต ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาจึงเอ่ยปากพูดกับนนทภูว่า: “พ่อ ยื่นมือของพ่อออกมา”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท