ในห้องโถงสีทอง
รพีพงษ์นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องโถง แสงสีทองจางๆถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกาย
ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนต่างก็เฝ้าอยู่ที่ข้างกายรพีพงษ์อย่างเบื่อหน่าย
ชยนต์ยังคงรักษาอยู่ในท่าทางเดียวนี้อยู่ตลอด นิ่งไม่ขยับเขยื้อน แต่ตมิสาจะสังเกตดูเจ้านายใหม่คนนี้ของตัวเองเป็นครั้งเป็นคราว อยากจะดูว่าเขาตื่นขึ้นมาหรือยัง
ตอนนี้เธอค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่ของตัวเอง ที่สำคัญตอนนี้ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ยังอ่อนแอมาก เธอยังมาโอกาส“พยศ”ตรงหน้ารพีพงษ์ได้ ไม่อย่างนั้นรอหลังจากที่พลังของรพีพงษ์แข็งแกร่งในอนาคต เธอก็ไม่มีโอกาสใดๆที่จะลวนลามเจ้านายของตัวเองแล้ว
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นหุ่นเชิด แต่ก็เกิดมีสติสัมปชัญญะของตัวเองแล้ว ดังนั้นจึงเกิดความคิดแบบนี้ออกมา
พวกเขาทั้งสองคนก็จะรู้สึกเบื่อหน่อยเหมือนกับคนปกติ ก็จะมีอารมณ์ที่แตกต่างออกไปเหมือนกับคนทั่วไป
ความแตกต่างระหว่างพวกเขากับคนปกติ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าโครงสร้างร่างกายที่ไม่เหมือนกัน และไม่มีวันเกิดพฤติกรรมที่ทรยศเท่านั้นเอง
และในเวลานี้กระบี่สยบเซียนที่ลอยอยู่ข้างๆของรพีพงษ์ ก็กลายเป็นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และไม่มีข้อบกพร่องใดๆ
มันลอยอยู่ที่ข้างๆของรพีพงษ์อย่างเงียบๆ ต่อให้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ก็สามารถสัมผัสเจตจำนงดาบที่เข้มข้นได้ทั่วทั้งห้องโถง
กระบี่สยบเซียนที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ มีพลังมหาศาลที่ไม่มีอะไรเทียบได้
แม้แต่ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ในเวลานี้ก็ยังมีความหวาดกลัวต่อกระบี่สยบเซียน
กระบี่เซียนมีจิตวิญญาณ ในฐานะที่เป็นกระบี่เล่มหนึ่งที่อยู่มาหลายปีขนาดนี้ และเป็นกระบี่จิตวิญญาณที่ฆ่าเซียนมานับไม่ถ้วน เกิดมีสติปัญญาเป็นของตัวเองนานแล้ว
แม้ว่าระดับสติปัญญาจะไม่สูงนัก แต่ก็ห่างไกลเกินกว่าที่อาวุธทั่วไปจะเทียบได้
แน่นอนว่า แม้ว่ากระบี่สยบเซียนจะทรงพลัง แต่ต้องการปล่อยอานุภาพพลังของมันออกมา ท้ายที่สุดก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเจ้านายของมันมีความสามารถมากแค่ไหน
เหมือนกับความแข็งแกร่งตอนนี้ของรพีพงษ์ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ พลังอานุภาพส่วนใหญ่ของกระบี่สยบเซียน ไม่สามารถแสดงออกมาได้ตามธรรมชาติ
มันก็ทำได้เพียงช่วยให้รพีพงษ์ได้เปรียบมากกว่าในบรรดายอดฝีมือระดับเดียวกัน
ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์ที่นั่งขัดสมาธิเงียบๆอยู่รอบตัวก็มีคลื่นพลังที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ต่อจากนั้น มีควันชี่พ่นออกมาจากในปากของเขา สามารถมองเห็นได้ว่าด้านบนหัวของเขามีควันดำปนอยู่ ก็เหมือนราวกับว่าสิ่งสกปรกในร่างกายถูกขับออกมาอยู่ภายนอกร่างกายด้วยวิธีนี้
ในไม่ช้า การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็หยุดลง ผิวทั้งตัวของรพีพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นขาวขึ้นมาก แม้ว่ารูปลักษณ์จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่กลับดูขาวนวลกว่าก่อนหน้านั้นมาก
นี่เป็นข้อดีบางอย่างที่ยอมรับการสืบทอดของบวรทัต
แม้ว่าที่ผ่านมาร่างกายของรพีพงษ์จะดีเป็นอย่างมาก แต่ว่ายังคงมีสิ่งเจือปนอยู่บ้าง ครั้งนี้การสืบทอดของบวรทัตได้ระบายสิ่งเจือปนเหล่านี้ออกมาภายนอกร่างกายของรพีพงษ์ สำหรับการฝึกฝนของเขาในอนาคตแล้ว ก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีเป็นธรรมดา
ในชั่วพริบตา รพีพงษ์ก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น แสงสองดวงส่องออกมา และมีคลื่นที่ยากที่จะอธิบายปรากฏขึ้นทั่วทั้งห้องโถง
รพีพงษ์ยิ้มแล้วลุกขึ้นมาจากบนพื้น เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ในที่สุดเขายอมรับการสืบทอดที่บวรทัตทิ้งไว้ได้แล้วทั้งหมด
มุมปากของเขากระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาให้เห็น มีการสืบทอดเหล่านี้ของบวรทัต เขาไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะไม่สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกได้
ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนพบว่ารพีพงษ์ตื่นขึ้นมาแล้ว ดังนั้นก็เดินไปที่ตรงหน้ารพีพงษ์ คารวะให้เขาแล้วพูดว่า: “เจ้านาย!”
รพีพงษ์ยิ้มแล้วมองไปที่พวกเขาทั้งสองแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเธอสองคนก็ติดตามฉัน พวกเธอต่างคนต่างมีสติสัมปชัญญะ อยู่ต่อหน้าฉันไม่จำเป็นต้องมองข้ามการระมัดระวังคำพูด”
“รับทราบ!”ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนตอบพร้อมกัน