พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1111 สิ้นสุดการสืบทอด

บทที่ 1111 สิ้นสุดการสืบทอด

ในห้องโถงสีทอง

รพีพงษ์นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องโถง แสงสีทองจางๆถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกาย

ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนต่างก็เฝ้าอยู่ที่ข้างกายรพีพงษ์อย่างเบื่อหน่าย

ชยนต์ยังคงรักษาอยู่ในท่าทางเดียวนี้อยู่ตลอด นิ่งไม่ขยับเขยื้อน แต่ตมิสาจะสังเกตดูเจ้านายใหม่คนนี้ของตัวเองเป็นครั้งเป็นคราว อยากจะดูว่าเขาตื่นขึ้นมาหรือยัง

ตอนนี้เธอค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเจ้านายคนใหม่ของตัวเอง ที่สำคัญตอนนี้ความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ยังอ่อนแอมาก เธอยังมาโอกาส“พยศ”ตรงหน้ารพีพงษ์ได้ ไม่อย่างนั้นรอหลังจากที่พลังของรพีพงษ์แข็งแกร่งในอนาคต เธอก็ไม่มีโอกาสใดๆที่จะลวนลามเจ้านายของตัวเองแล้ว

แม้ว่าพวกเขาทั้งสองต่างก็เป็นหุ่นเชิด แต่ก็เกิดมีสติสัมปชัญญะของตัวเองแล้ว ดังนั้นจึงเกิดความคิดแบบนี้ออกมา

พวกเขาทั้งสองคนก็จะรู้สึกเบื่อหน่อยเหมือนกับคนปกติ ก็จะมีอารมณ์ที่แตกต่างออกไปเหมือนกับคนทั่วไป

ความแตกต่างระหว่างพวกเขากับคนปกติ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าโครงสร้างร่างกายที่ไม่เหมือนกัน และไม่มีวันเกิดพฤติกรรมที่ทรยศเท่านั้นเอง

และในเวลานี้กระบี่สยบเซียนที่ลอยอยู่ข้างๆของรพีพงษ์ ก็กลายเป็นสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และไม่มีข้อบกพร่องใดๆ

มันลอยอยู่ที่ข้างๆของรพีพงษ์อย่างเงียบๆ ต่อให้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ก็สามารถสัมผัสเจตจำนงดาบที่เข้มข้นได้ทั่วทั้งห้องโถง

กระบี่สยบเซียนที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ มีพลังมหาศาลที่ไม่มีอะไรเทียบได้

แม้แต่ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ในเวลานี้ก็ยังมีความหวาดกลัวต่อกระบี่สยบเซียน

กระบี่เซียนมีจิตวิญญาณ ในฐานะที่เป็นกระบี่เล่มหนึ่งที่อยู่มาหลายปีขนาดนี้ และเป็นกระบี่จิตวิญญาณที่ฆ่าเซียนมานับไม่ถ้วน เกิดมีสติปัญญาเป็นของตัวเองนานแล้ว

แม้ว่าระดับสติปัญญาจะไม่สูงนัก แต่ก็ห่างไกลเกินกว่าที่อาวุธทั่วไปจะเทียบได้

แน่นอนว่า แม้ว่ากระบี่สยบเซียนจะทรงพลัง แต่ต้องการปล่อยอานุภาพพลังของมันออกมา ท้ายที่สุดก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเจ้านายของมันมีความสามารถมากแค่ไหน

เหมือนกับความแข็งแกร่งตอนนี้ของรพีพงษ์ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ พลังอานุภาพส่วนใหญ่ของกระบี่สยบเซียน ไม่สามารถแสดงออกมาได้ตามธรรมชาติ

มันก็ทำได้เพียงช่วยให้รพีพงษ์ได้เปรียบมากกว่าในบรรดายอดฝีมือระดับเดียวกัน

ผ่านไปไม่นาน รพีพงษ์ที่นั่งขัดสมาธิเงียบๆอยู่รอบตัวก็มีคลื่นพลังที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ต่อจากนั้น มีควันชี่พ่นออกมาจากในปากของเขา สามารถมองเห็นได้ว่าด้านบนหัวของเขามีควันดำปนอยู่ ก็เหมือนราวกับว่าสิ่งสกปรกในร่างกายถูกขับออกมาอยู่ภายนอกร่างกายด้วยวิธีนี้

ในไม่ช้า การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็หยุดลง ผิวทั้งตัวของรพีพงษ์ก็เปลี่ยนเป็นขาวขึ้นมาก แม้ว่ารูปลักษณ์จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่กลับดูขาวนวลกว่าก่อนหน้านั้นมาก

นี่เป็นข้อดีบางอย่างที่ยอมรับการสืบทอดของบวรทัต

แม้ว่าที่ผ่านมาร่างกายของรพีพงษ์จะดีเป็นอย่างมาก แต่ว่ายังคงมีสิ่งเจือปนอยู่บ้าง ครั้งนี้การสืบทอดของบวรทัตได้ระบายสิ่งเจือปนเหล่านี้ออกมาภายนอกร่างกายของรพีพงษ์ สำหรับการฝึกฝนของเขาในอนาคตแล้ว ก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีเป็นธรรมดา

ในชั่วพริบตา รพีพงษ์ก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น แสงสองดวงส่องออกมา และมีคลื่นที่ยากที่จะอธิบายปรากฏขึ้นทั่วทั้งห้องโถง

รพีพงษ์ยิ้มแล้วลุกขึ้นมาจากบนพื้น เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ ในที่สุดเขายอมรับการสืบทอดที่บวรทัตทิ้งไว้ได้แล้วทั้งหมด

มุมปากของเขากระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาให้เห็น มีการสืบทอดเหล่านี้ของบวรทัต เขาไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะไม่สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของโลกได้

ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนพบว่ารพีพงษ์ตื่นขึ้นมาแล้ว ดังนั้นก็เดินไปที่ตรงหน้ารพีพงษ์ คารวะให้เขาแล้วพูดว่า: “เจ้านาย!”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วมองไปที่พวกเขาทั้งสองแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกเธอสองคนก็ติดตามฉัน พวกเธอต่างคนต่างมีสติสัมปชัญญะ อยู่ต่อหน้าฉันไม่จำเป็นต้องมองข้ามการระมัดระวังคำพูด”

“รับทราบ!”ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนตอบพร้อมกัน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท