นอกจากร่างเทพชูรา ในการสืบทอดที่บวรทัตทิ้งไว้ให้รพีพงษ์ ยังมีความรู้มากมายเกี่ยวกับโลกแห่งการฝึกฝน ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหามากมายที่อาจพบเจอระหว่างทางการฝึกฝน
เพราะความผิดพลาดในการฝึกฝนของบนโลก ดังนั้นของบางอย่างที่รพีพงษ์รู้ แค่สิ่งที่สืบทอดมาในโลกศิลปะการต่อสู้ สำหรับเรื่องราวในโลกแห่งการฝึกฝนสามารถเรียกได้ว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย
แต่การสืบทอดที่บวรทัตให้กับเขา ชดเชยข้อบกพร่องของเขาได้พอดี บนโลกตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีใครมีความรู้ในด้านนี้มากไปกว่ารพีพงษ์
ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นของทวีปโอชวิน สิ่งที่รู้ก็อาจจะไม่มากไปกว่ารพีพงษ์
แน่นอนว่า ตอนนี้รพีพงษ์ไม่มีเวลาไปจัดการสะสางสิ่งของเหล่านี้ในการสืบทอด แม้แต่ร่างเทพชูรา เขาก็กวาดตามองผ่านไปแวบเดียว ยังไม่ทันได้ฝึกฝน
การสืบทอดนี้เพียงพอที่จะสนับสนุนเส้นทางการฝึกฝนระยะยาวของรพีพงษ์ในอนาคตได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียนรู้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆไม่กี่วัน สิ่งนี้เขาจำเป็นต้องสำรวจและซึมซับทีละนิด
ดังนั้นต่อให้มีการสืบทอดของบวรทัต เขาก็จำเป็นต้องหมั่นฝึกฝน และทำให้รากฐานของตัวเองมั่งคงแข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะว่างเปล่า
ว่าบนกระบี่สยบเซียนไม่มีช่องว่างแล้ว ความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เขาถือกระบี่สยบเซียนไว้ในมือของตัวเอง เจตจำนงดาบพุ่งทะยานตรงไปที่ก้นบึ้งหัวใจของรพีพงษ์ ในขณะนี้ รพีพงษ์รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับกลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง และแสดงความสามารถออกมาให้หมด
ในเวลาเดียวกันเมื่อเขากับกระบี่สยบเซียนสัมผัสกัน ความทรงจำส่วนหนึ่งก็ผ่านเขามาปรากฏในหัวสมองของเขาด้วยวิธีพิเศษ
“วิชาสยบเซียนเก้าท่า!”
รพีพงษ์รู้สึกถึงความทรงจำส่วนนั้นที่ปรากฏในหัวสมองของตัวเอง บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ คาดไม่ถึงกระบี่สยบเซียนที่สมบูรณ์แบบ จะมาพร้อมกับกลยุทธ์ทั้งชุด
เพียงแค่เหลือบมองไปที่ความทรงจำส่วนนั้นผ่านๆแวบหนึ่ง รพีพงษ์ก็รู้สึกได้ว่า วิชาสยบเซียนเก้าท่านี้ไม่ธรรมดา
ถ้าหากเดาไม่ผิด ถ้ารพีพงษ์สามารถชำนาญวิชาสยบเซียนเก้าท่านี้ เกรงว่าพลังอานุภาพก็จะต่างกันไม่มากกว่าร่างเทพชูรา
กระบี่สยบเซียนก็แสดงความสนิทสนมออกมาต่อรพีพงษ์ หลังจากที่พลังจิตดวงสุดท้ายของบวรทัตหายไป รพีพงษ์ก็กลายเป็นเจ้านายคนใหม่ของกระบี่สยบอย่างสมบูรณ์ ยังมีความสัมพันธ์ที่แปลกประหลาดเกิดขึ้นกับระหว่างทั้งสอง นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปดาบเล่มนี้ ออกจากร่าง ก็เพียงเพื่อรพีพงษ์!
ควบคุมความตื่นเต้นภายในใจของตัวเอง รพีพงษ์เก็บกระบี่สยบเซียนไว้ในสมองของตัวเอง จากนั้นถามชยนต์และตมิสาว่า: “ฉันอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแค่ไหนแล้ว?”
“ตอบเจ้านาย ทั้งหมดสิบวัน”ตมิสาตอบ
รพีพงษ์นิ่งอึ้ง เมื่อนับเวลาที่เขาใช้ในช่องทางก่อนหน้านั้น เขาไม่ได้ออกไปมาเป็นเวลาสองอาทิตย์กว่าแล้ว
ตอนนั้นเขาตกลงกับนนทภูเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์ ตอนนี้นนทภูคงจะรู้สึกว่าตัวเองตายอยู่ข้างในนี้แล้ว
เขาเอ่ยปากพูดทันทีว่า: “เวลาไม่เคยคอยท่า ตอนนี้พวกเราออกจากที่นี่กันเถอะ”
ชยนต์และตมิสาพูดพร้อมเพรียงกัน: “รับทราบ!”
ต่อจากนั้นทั้งสามคนก็เดินออกไปที่ด้านนอกของห้องโถง
ในห้องโถงนี้มีทางออกอีกทางหนึ่ง พวกเขาไม่ต้องออกไปทางช่องทางเดินเกิดใหม่
หลังจากที่มาถึงด้านของห้องโถง รพีพงษ์ก็รู้สึกถึงไอพิฆาตอันน่าสะพรึงกลัวที่แพร่กระจายอยู่ด้านนอก
แม้ว่าพลังจิตของบวรทัตจะหายไปแล้ว แต่ว่าไอพิฆาตเหล่าไม่ได้หายไปพร้อมกับเขา ถ้าหากอยู่ที่นี่ ก็ยังคงภัยอันตรายแอบแฝงที่ยิ่งใหญ่อยู่
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ในหัวสมองของเขาก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมา ต่อจากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วหยิบหยกรวมทิพย์ออกมา
จิตใจสั่นไหวเล็กน้อย แรงดูดที่ยิ่งใหญ่ปรากฏออกมาบนหยกรวมทิพย์อย่างกะทันหัน ต่อจากนั้น ไอพิฆาตเหล่านั้นในช่องทางก็เริ่มหลอมรวมไปในหยกรวมทิพย์
ในหยกรวมทิพย์มีพื้นที่ภายในขนาดใหญ่มาก ในเมื่อมันสามารถกักเก็บปราณทิพย์ได้ ถ้าอย่างนั้นก็สามารถที่จะกักเก็บไอพิฆาตได้เป็นธรรมดา ดังนั้นรพีพงษ์จึงคิดใช้วิธีนี้มาเพื่อดูดซับไอพิฆาตเหล่านี้
รวมทั้งตอนนี้รพีพงษ์รู้ถึงความรู้ด้านการฝึกฝนมากมาย ดังนั้นจัดการไอพิฆาตเหล่านี้จึงเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ
แม้ว่าความเร็วในการดูดซับของหยกรวมทิพย์จะเร็วมาก แต่ว่าไอพิฆาตอยู่ที่นี่มาเกือบห้าพันปี ค่อนข้างเข้มข้น ดังนั้นรพีพงษ์จึงดูดซับมานานกว่าสองชั่วโมง ถึงได้ดูดซับไอพิฆาตดินนี้ มาไว้ในหยกรวมทิพย์ทั้งหมด
จนถึงตอนนี้ รพีพงษ์ก็ไม่ต้องกังวลว่าไอพิฆาตของที่นี่จะรั่วไหลออกมาอีกต่อไป
หลังจากที่ดูดซับไอพิฆาตหมด รพีพงษ์ไม่ได้เก็บหยกรวมทิพย์ทันที แต่วางมือไว้บนหยกรวมทิพย์ และแพร่กระจายพลังภายในของตัวเอง เข้าไปในหยกรวมทิพย์
ไม่นานหลังจากนั้น รพีพงษ์ก็แขวนหยกรวมทิพย์ไว้ที่เอวของตัวเอง จากนั้นพลิกมือ บนฝ่ามือ สิ่งที่เหมือนกับยาเม็ดสีดำห้าเม็ดก็ปรากฏ
ยาเม็ดทั้งห้าเม็ดนี้ กลายเป็นจากไอพิฆาตเหล่านั้นที่หยกรวมทิพย์ดูดซับแล้ว
พวกมันแต่ละเม็ด มีพลังไอพิฆาตที่ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวรวมอยู่ ถ้าหากระเบิดออกมา สามารถก่อให้เกิดพลังอานุภาพ ก็ยากเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
“ยาเม็ดนี้แปลงร่างมาจากไอพิฆาต ก็ตั้งชื่อว่ายาพิฆาตเถอะ”รพีพงษ์เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ยาพิฆาตนี้มีพื้นฐานมาจากความทรงจำในการสืบทอดของเขา ใช้พลังของตัวเองทำให้เป็นกลาง และหลอมรวมกลายเป็นออกมา
ตราบใดที่รพีพงษ์ใช้การสัมผัสทั้งสองของตัวเอง ไอพิฆาตนี้ก็จะเกิดการระเบิด ทำให้เกิดการทำลายล้างที่เหนือจินตนาการ
ที่สำคัญเดิมทีไอพิฆาตก็กัดกร่อนโดยเนื้อแท้ รวมทั้งหลังจากที่พลังของรพีพงษ์ทำให้ระเบิด นอกจากจะทำให้เกิดความเสียหายมหาศาล ยังทำให้ผู้คนถูกไอพิฆาตกัดกร่อนจนสำเร็จ ต่อให้จะโชคดีพอที่จะอยู่รอด ก็จะถูกไอพิฆาตทรมานให้ตายทั้งเป็น
ดังนั้นยาพิฆาตนี้เป็นอาวุธฆ่าที่ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัว หากถูกโยนไปทำให้ระเบิดในขณะที่คนไม่ได้เตรียมการไว้ เกรงว่าผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ก็ไม่สามารถต้านทานไว้ได้
ทุกสิ่งในบนโลกใบนี้มีข้อดีข้อเสีย แม้ว่าไอพิฆาตจะเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง แต่ว่าถ้าหากใช้ด้วยวิธีที่ชาญฉลาด ก็จะกลายเป็นอาวุธวิเศษปราบข้าศึกจนได้ชัยชนะ
หลังจากที่รวบรวมยาพิฆาตลงในหยกรวมทิพย์ รพีพงษ์ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป รีบเดินไปที่ด้านนอกของช่องทางอย่างรวดเร็ว
เขาจำเป็นต้องรีบไปรายงานความปลอดภัยกับนนทภู ก็ไม่รู้ว่าช่วงนี้นนทภูได้ส่งคนมาหาตัวเองมั้ย
ถ้าหากเขาคิดว่าตัวเองเสียชีวิตแล้ว ทำเรื่องบ้าบออะไรขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นก็วุ่นวายแล้ว
ชยนต์และตมิสาทั้งสองติดตามอยู่ข้างหลังของรพีพงษ์ ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองแข็งแกร่งกว่ารพีพงษ์ แต่ว่าอยู่ต่อหน้ารพีพงษ์กลับต้องคุกเข่าลง สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์รู้สึกว่าไม่สบายใจ
ที่สำคัญที่ผ่านมาเขาไปมาอย่างอิสระคนเดียวมาโดยตลอด ไม่เคยให้ใครติดตามมาก่อน ตอนนี้มีบอดี้การ์ดที่ยอดเยี่ยมเพิ่มมาสองคน เขายังปรับตัวไม่ได้เล็กน้อย
ความรู้สึกที่ชยนต์ให้กับรพีพงษ์ยังดี แต่ตมิสาก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์
สาวสวยแบบนี้ติดตามอยู่ข้างกายของตัวเอง เกรงว่าไม่ว่าจะไปถึงที่ไหน ก็จะสร้างปัญหามาให้ไม่น้อย
รพีพงษ์หันหน้ามองไปที่เสื้อที่โป๊ะบนร่างกายของตมิสาแวบหนึ่ง จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า : “เสื้อผ้าประเภทนี้ไม่เป็นที่นิยมในสังคมสมัยใหม่อีกต่อไป รอออกไปแล้วฉันจะพาเธอไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไม่อย่างนั้นเธอแต่งตัวแบบนี้ออก ดึงดูสายของผู้คนมากเกิดไป”
หลังจากที่ตมิสาได้ยิน ยิ้มแล้วพูดว่า: “เจ้านาย ตมิสาก็เพื่อให้ท่านได้ชมความงดของทิวทัศน์ถึงได้แต่งตัวแบบนี้ ถ้าหากท่าต้องการ ตมิสาก็สามารถที่จะไม่สวมใส่อะไรเลย”
รพีพงษ์กระแอมขึ้นมาสองครั้งในทันที แล้วพูดว่า: “ไม่ไม่ไม่ เธอสวมใส่มากกว่านี้จะดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจจะมีปัญหาได้”
ในเวลาเดียวกันเขาก็แอบบ่นในใจ บวรทัตที่เป็นคนสง่ามีวิชาความรู้ลุ่มลึกมากขนาดนี้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงทำหุ่นเชิดที่เซ็กซี่แบบนี้ออกมาได้