พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1117 โชคดีดวงแข็ง

บทที่ 1117 โชคดีดวงแข็ง

ปวิชล้มลงไปก่อน ร่างกายของเขาก็ล้มลงอยู่บนพื้น อ่อนทรุดลงไป เหมือนราวกับว่ากระดูกทั้งร่างกายถูกสับเป็นชิ้นๆ

รพีพงษ์ใช้พลังจิตตรวจสอบดูทันที พบว่าเขาไม่หายใจแล้ว และในร่างกายไม่มีโอกาสรอดชีวิตได้

ในตรงกันข้ามกับปวัตร ยังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย ดวงตาทั้งสองมองไปที่รพีพงษ์อย่างเหลือเชื่อ และเอ่ยปากถามว่า: “นี่……นี่มันคืออะไรกันแน่? ทำไมการโจมตีของแกถึงได้น่ากลัวมากขนาดนี้?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย หลังจากที่มองดูกระบี่สยบเซียนในมือของตัวเองแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “อาจเป็นเพราะกระบี่เล่มนี้ในมือของฉัน เมื่อก่อนเคยสยบเซียนมาก่อน”

จากนั้นรพีพงษ์จ้องมองไปที่ปวิชแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า: “ถ้าหากตอนนี้แกส่งมอบยาถอนพิษของยาพันพิษออกมา ฉันสามารถไว้ชีวิตแกได้ ไม่อย่างนั้น แกก็จะไม่มีทางได้เห็นดวงอาทิตย์ของพรุ่งนี้”

ปวัตรยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ต่อให้ฉันจะมียาถอนพิษยาพันพิษ น้องชายของฉันได้ตายในเงื้อมมือของนายแล้ว ฉันยังจะกลัวตายอยู่เหรอ?”

“ที่สำคัญฉันสามารถบอกแกได้ในฐานะผู้รับผิดชอบ ยาพันพิษ ไม่มียาถอนพิษ ยาถอนพิษของมัน มีเพียงในทวีปโอชวินถึงมี แกอยากช่วยภรรยาของแก ชาตินี้เป็นไปไม่ได้แล้ว”

“รพีพงษ์ ฉันตายไปแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ภรรยาของนายทำได้เพียงอยู่ในสภาพที่ตายไปครึ่งหนึ่งแบบนี้ เธอจะไม่ตายอย่างกะทันหัน แต่ว่าแกก็ไม่สามารถช่วยเธอได้ ความรู้สึกแบบนี้ ทรมานมากใช่มั้ย?”

“แกในชาตินี้ ก็ใช้ชีวิตในความทรมานแบบนี้ตลอดไปเถอะ!”

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยินคำพูดของปวิช สีหน้าไม่พอใจ จากนั้นถือกระบี่สยบเซียนแทงไปที่หัวใจของเขาทันที

เมื่อกี้นี้เขาได้ใช้พลังจิตตรวจสอบแล้ว บนร่างกายของพี่น้องสองคนนี้ไม่มีสิ่งใดที่คล้ายกับยาเม็ด ก็หมายความว่าบนร่างกายของพวกเขาไม่มียาถอนพิษของยาพันพิษ

ต่อให้เก็บปวัตรไว้ เขาก็ไม่มีทางที่จะส่งมอบยาถอนพิษของยาพันพิษให้กับตัวเอง ที่สำคัญตามความเข้าใจที่ตัวเองมีต่อชัชพิสิฐ ความเป็นไปได้ที่พวกเขาสองคนจะมียาถอนพิษของยาพันพิษน้อยมาก

หลังจากที่ดึงกระบี่สยบเซียนออกมาจากร่างกายของปวิช เขาเหมือนกับปวิช ล้มลงไปบนพื้นอย่างอ่อนทรุดลงไป ไม่มีโอกาสรอดชีวิต

และบนกระบี่สยบเซียนไม่มีเลือดของปวัตรแม้แต่หยดเดียว ก็เหมือนกับเลือดของคนธรรมดาแบบนี้ ไม่คู่ควรที่จะหยดลงบนตัวของมัน

หลังจากที่จัดการปวัตรและปวิชสองคนพี่น้อง รพีพงษ์ก็รีบไปยังสถานที่ที่นนทภูอยู่อย่างรวดเร็ว

ในเวลานี้ร่างกายของรพีพงษ์มีความรู้สึกอ่อนแอเป็นอย่างรุนแรง พลังอานุภาพของท่วงท่าเมื่อกี้นี้ทรงพลังมากจริงๆ แต่กลับดูดพลังทั้งหมดของรพีพงษ์ไปหมดทันที

รพีพงษ์ภายใต้สภาพแบบนี้ นับประสาอะไรกับการต่อสู้ต่อไป แม้แต่เดินก็ค่อนข้างลำบาก

ในเวลานี้นนทภูยังตกตะลึงไม่ทันตอบสนองกลับคืนมา หลังจากที่เห็นรพีพงษ์ปรากฏตัวขึ้น รีบเอ่ยปากอย่างรวดเร็ว: “ลูกไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”

รพีพงษ์ยิ้มแล้วส่ายหัว แล้วพูดว่า: “ผมไม่เป็นอะไร ทำให้พ่อเป็นห่วงแล้ว”

นนทภูถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดว่า: “ตราบใดที่ลูกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ลูกไม่ออกมาจากข้างในมานานขนาดนี้ พ่อยังคิดว่าลูก…..ไม่เป็นอะไรก็ดีก็ไม่เป็นก็ดีแล้ว”

รพีพงษ์ก็ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ผมลูกชายของพ่อโชคดีดวงแข็ง เป็นไปไม่ได้ที่จะตายไปง่ายดายขนาดนั้น”

นนทภูก็หัวเราะเสียงดัง เอ่ยปากพูดว่า: “พ่อก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ลูกชายของพ่อโชคดีดวงแข็ง ใครตายเขาก็ไม่มีทางตาย”

“พวกเราไปที่พักผ่อนกันก่อนเถอะ ครั้งนี้ผมได้รับประโยชน์จากข้างในมากมาย ผมต้องการเวลาดูดซึมซับพวกมัน”รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

หลังจากที่พูดจบ หลายคนก็เดินไปที่คฤหาสน์ของเทือกเขากิสนา

ในใจรพีพงษ์รู้ดี เรื่องราวในครั้งนี้ถือได้ว่าไม่เท่าไหร่หรอก นับตั้งแต่นี้ไปเขายังจะไปแดนลับที่เต็มไปด้วยความไม่รู้จักมาก่อน ตามหาเครื่องยาสมุนไพร

การเดินทางของเขา ก็เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท