พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1121 พวกเราเป็นท่านปรมาจารย์

บทที่ 1121 พวกเราเป็นท่านปรมาจารย์

คุณนลินนาถได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ บนใบหน้าก็ปรากฏความตกตะลึง แล้วถาม: “คุณก็ไม่กลัวฉันเหรอ?”

“หาสาเหตุให้ชัดเจน ก็ไม่ต้องกลัวแล้ว” รพีพงษ์ยิ้มแล้วเอ่ยปากพูด

คุณนลินนาถเหมือนราวกับได้ยินเรื่องน่าตกใจ ดวงตาก็เบิกตากว้างทันที เอ่ยปากพูดว่า: “คุณว่าสาเหตุอะไรนะ? คุณรู้สาเหตุที่ฉันกลายเป็นแบบนี้เหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดว่า: “พอจะรู้”

คุณนลินนาถก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เกือบจะเดินไปจับมือของรพีพงษ์ไว้ กลัวว่าเขาจะวิ่งไปในทันใด

แต่ไม่นานเธอก็กลับมาเป็นปกติ หนึ่งคือเธอไม่รู้ว่ารพีพงษ์เป็นใครกันแน่ คำพูดของเขานั้นไม่แน่ใจว่าเชื่อได้หรือเปล่า อีกอย่างคือทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบ คนในครอบครัวก็อธิบายให้เธอไว้อย่างชัดเจนมานานแล้ว

“ในเมื่อคุณต้องการจะคุยด้วย ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะให้โอกาสคุณหนึ่งครั้ง แต่ว่าฉันขอเตือนคุณไว้ก่อน เวลาที่พวกคุณอยู่กับฉันยิ่งนานมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งโชคร้ายมากเท่านั้น ถึงเวลาพวกคุณเสียชีวิตจากความตาย อย่าโทษฉันนะ” คุณนลินนาถเอ่ยปากพูด

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “สิ่งนี้คุณนลินนาถไม่ต้องเป็นกังวล”

แม้ว่ารพีพงษ์ไม่สามารถตรวจสอบว่าในถุงหอมมีของอะไรอยู่กันแน่ แต่ว่าต้องการจะแยกการกัดกร่อนของความซวยเหล่านั้น ยังเป็นเรื่องที่ง่ายดาย

สำหรับชยนต์และตมิสาทั้งสองคน ก็ไม่ต้องกังวลปัญหานี้เป็นธรรมดา

หลังจากไม่นั้นนาน ตมิสาเปลี่ยนกระโปรงตัวนั้นเสร็จแล้ว เดินออกมาจากห้องเปลี่ยนชุด มองดูตัวเองในกระจกตรงหน้าด้วยท่าทางที่มีสง่าราศี บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจ

“เจ้านาย ดูสิว่าฉันสวยมั้ย? ” ตมิสาวิ่งไปตรงหน้ารพีพงษ์ด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น และโพสต์ท่าทางที่เซ็กซี่ออกมาให้เขา

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพูดว่า: “สวย”

เขาไม่ได้ทำการรับมืออยู่ แต่เขารู้สึกว่าตมิสาใส่กระโปรงตัวนี้แล้วสวยจริงๆ

แม้แต่คุณนลินนาถที่อยู่ด้านข้างหลังจากเห็นลักษณะของตมิสาที่ใส่กระโปรง บนใบหน้าก็แสดงความรู้สึกที่ละลายใจสู้ไม่ได้ออกมา

ยังดีที่เมื่อกี้นี้ตัวเองไม่ได้ยืนกรานที่จะแย่งกับเธอ ไม่อย่างนั้นแย่งมาใส่ไปแล้วไม่ได้สวยเหมือนกับที่ใส่เธอ ก็จะอับอาย

หลังจากที่ตมิสาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หลายคนก็เดินออกไปข้างนอกด้วยกัน พนักงานข้างในถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับว่าในที่สุดก็ได้ส่งตัวซวยออกไปสักที

“สามคนนั้นไม่เอาชีวิตแล้วจริงๆ ยังพูดคุยกับคุณหนูของตระกูลณัฐรัชต์ ไม่เกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง พรุ่งนี้ในข่าวจะมีเรื่องการตายที่แปลกประหลาดอีกสามราย” พนักงานคนหนึ่งพึมพำ

กลุ่มคนที่ดูความครึกครื้นอยู่ที่ด้านนอกเห็นรพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคนออกมาพร้อมกับคุณนลินนาถ ก็รีบวิ่งหนีออกไปไกลอย่างรวดเร็ว

คุณนลินนาถชินกับเรื่องแบบนี้มานานแล้ว ก็เลยเห็นว่าไม่มีอะไรประหลาดมานานแล้ว

คนเหล่านั้นจับจ้องไปที่รพีพงษ์พวกเขาสามคนที่ตามอยู่ข้างๆคุณนลินนาถ ก็ไม่เข้าใจว่าพวกเขาไปเอาความกล้ามาจากไหน กล้าเข้าใกล้คุณนลินนาถมากขนาดนั้น

“สามคนนั้นทำอะไร กล้าเดินมาพร้อมกับคุณหนูตระกูลณัฐรัชต์ หรือว่าพวกเขาไม่กลัวโชคดีร้ายตายอย่างกะทันหันเหรอ?”

“ดูท่าทางเหมือนคนต่างจังหวัด คาดว่ายังไม่รู้ความเลวร้ายของคุณหนูตระกูลณัฐรัชต์ โง่จริงๆ พวกเขาไม่เห็นท่าทีของพวกเราเหรอ ยังกล้าตามอยู่ข้างๆคุณหนูตระกูลณัฐรัชต์”

“พวกเรารีบออกไปให้ไกลหน่อย เดี๋ยวพวกเราก็จะได้ไม่โชคร้ายอะไรไปด้วย พวกเขาสามคนก็จะได้ตายโหงในที่เกิดเหตุ พวกเราโชคร้ายเพียงเล็กน้อย เกรงว่ากล้ามเนื้อกระดูกก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส”

……

คนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นที่สนใจของคนมากเกินไป รพีพงษ์แนะนำให้ไปในตรอกซอยที่ไม่มีคน

คุณหนูตระกูลณัฐรัชต์ก็ไม่รังเกียจ เดินตามรพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคนไปในตรอกซอยด้วยกัน

รพีพงษ์จ้องมองไปที่ผู้ติดตามสองคนนั้นแวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “คุณนลินนาถ เรื่องต่อไปที่ฉันจะพูดอาจจะมีความสำคัญ”

คุณนลินนาถเข้าใจความหมายของรพีพงษ์ในทันที ก็เอ่ยปากพูดกับผู้ติดตามสองคนนั้นว่า: “พวกเธอสองคนไปรอฉันที่ด้านนอกเถอะ”

ผู้ติดตามสองคนนั้นก็ผ่อนคลายอย่างกะทันหัน และรีบเดินออกไปที่ด้านนอกตรอกซอย

รพีพงษ์ยิ้มแล้วมองไปที่ผู้ติดตามสองคนนั้น เอ่ยปากพูดว่า: “คนข้างกายของคุณกลัวคุณมากขนาดนี้ ทำไมคุณยังจะพกถุงหอมนั้นด้วย หรือว่า คุณไม่รู้ว่าถุงหอมนั้นเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสถานการณ์แบบนี้กับคุณเหรอ?”

หลังจากที่คุณนลินนาถได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เอ่ยปากถามว่า:“ถุงหอม? คุณกำลังพูดอะไรนะ?”

รพีพงษ์หัวเราะเสียงดัง แล้วพูดว่า: “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้กลายเป็นแบบนี้ คุณนลินนาถ ไม่ทราบว่าคุณได้ถุงหอมนี้มาจากที่ไหน?”

คุณนลินนาถขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า: “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนลินนาถ ฉันมีชื่อ คุณสามารถเรียกฉันว่านลินได้”

“ถุงหอมนี้ของฉันคือลุงใหญ่ของฉันขึ้นไปบนภูเขาด้วยตัวเองแล้วขอกับท่านปรมาจารย์ ก็เพื่อช่วยบรรเทาความโชคร้ายของฉัน ทำไมตอนนี้คุณถึงบอกว่าสาเหตุที่ตอนนี้ฉันกลายเป็นแบบ เป็นเพราะถุงหอมถุงนี้?”

นลินพูดอยู่ ก็ยื่นมือไปหยิบถุงหอมนั้นออกมาจากบนร่างกายของตัวเอง มองดูถุงหอมบนใบหน้ายังมีความทอดถอนใจเล็กน้อย

“ถ้าหากไม่ใช่ถุงหอมนี้ พวกคุณอย่าว่าแต่ยืนพูดคุยกับฉันอยู่ที่นี่ ความโชคร้ายที่ฉันนำมา ทำให้พวกคุณจากโลกนี้ไปนานแล้ว”

รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คาดไม่ถึงว่านลินจะถือว่าถุงหอมนี้เป็นสมบัติ เห็นได้ชัดว่า เธอถูกคนที่เธอเรียกว่าลุงใหญ่หลอกแล้ว

เขาจ้องมองไปที่นลินแวบหนึ่ง และไม่รีบเร่งทำลายรูปลักษณ์ที่แท้จริงของถุงหอมนี้ แล้วเอ่ยปากพูดว่า: “ไม่ทราบว่าคุณพอจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาของคุณให้พวกเราฟังได้มั้ย แบบนี้พวกเราก็จะได้เข้าใจต่อคุณได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แบบนี้พวกเราถึงสามารถรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

นลินมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง เอ่ยปากพูดว่า: “ตอนนี้ฉันยังไม่รู้ว่าพวกคุณสามคนเป็นใคร คุณให้ฉันเล่าฉันก็เล่า แบบนั้นฉันก็โง่เกินไปแล้ว”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไร เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พบเจอกับพวกเขาสามคนแบบนี้ ในใจก็คงจะมีความหวาดระแวง

“คุณอาจจะไม่เชื่อพวกเรา แต่ว่าฉันสามารถบอกคุณได้อย่างรับผิดชอบว่า สถานการณ์ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่แบบนี้ น่าจะมีเพียงพวกเราที่สามารถช่วยคุณจัดการได้ สำหรับฐานะตัวตนของพวกเราสามคน ถ้าหากฉันบอกว่าพวกเราก็เป็นท่านปรมาจารย์ในสายตาของคุณ คุณจะเชื่อมั้ย?”

รพีพงษ์พูดจบ แตะไปตรงหน้าตัวเองเบาๆครั้งหนึ่ง คลื่นพลังก็ปรากฏขึ้นมา ต่อจากนั้น นลินขนาดเล็กลงมาปรากฏขึ้นในอากาศ

รพีพงษ์ควบคุมให้นลินขนาดเล็กนั้นมองไปที่นลิน คารวะให้กับเธอ บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา

นลินมองดูฉากนี้ด้วยความตกตะลึง เธอสามารถแน่ใจได้ว่าบนตัวของรพีพงษ์ไม่ได้พกอุปกรณ์ไฮเทคใดๆ ที่สำคัญต่อให้เป็นเทคโนโลยีชั้นสูงล้ำหน้าแค่ไหน คงจะทำวิธีการแบบเมื่อกี้นี้ของรพีพงษ์ไม่ได้

นี่เป็นเวทมนตร์ในตำนาน!

แววตาของนลินมองไปที่รพีพงษ์พวกเขาทั้งสามคนก็เปลี่ยนเป็นเคารพนับถือขึ้นมา ตั้งแต่เล็กจนโตเธอถูกมองว่าเป็นคนนำความโชคร้ายมา ดังนั้นจึงเชื่อเรื่องแบบนี้อย่างสุดซึ้งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร สำหรับคนที่มีเวทมนตร์ยอดเยี่ยมแบบนี้ เธอก็เคารพนับถือเป็นอย่างมากมาโดยตลอด

“ท่านปรมาจารย์ทั้งสามท่าน ฉันจะเล่าเรื่องราวที่ผ่านของตัวเองให้พวกท่านฟังเดี๋ยวนี้ ถ้าหากทั้งสามท่านสามารถช่วยฉันจัดการปัญหานี้ได้ นลินจะต้องขอบคุณอย่างแน่นอน!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท