พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1120 คุณนลินนาถ

บทที่ 1120 คุณนลินนาถ

หลังจากที่พนักงานร้านคนนั้นเห็นหญิงสาวคนนี้ สีหน้าก็ถอดสีอย่างกะทันหัน จากนั้นรีบพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ค่ะ คือคุณนลินนาถ คุณรอสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปห่อกระโปรงตัวนี้ให้คุณเดี๋ยวนี้”

ผู้คนเหล่านั้นที่กำลังดูเสื้อผ้าข้างในอยู่ในเวลานี้หลังจากที่ได้ยินคุณนลินนาถคำนี้ ต่างก็แสดงสีน่าตกใจ จากนั้นเสื้อผ้าก็ไม่ลอง วิ่งออกไปที่นอกร้านทันที

รพีพงษ์มองไปที่หญิงสาวคนนี้ด้วยความสงสัย รู้สึกได้ถึงลมปราณแปลกๆจากบนตัวของเธอ ก็เหมือนกับว่าหญิงสาวคนนี้ยืนอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็จะกลายเป็นมืดมนขึ้นมา

ตมิสาไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใคร เธอรู้เพียงว่า คนคนนี้ถูกใจกระโปรงที่ตัวเองชอบ ที่สำคัญพนักงานก็รับปากจะช่วยห่อให้กับเธอ

เธอเอ่ยปากพูดอย่างไม่พอใจว่า: “ทั้งๆที่ฉันจะเอากระโปรงนี้ก่อน ทำไมเธอบอกว่าห่อก็ต้องห่อล่ะ กระโปรงตัวนี้ฉันก็เอาแล้ว ว่ากันตามมาก่อนได้ก่อน มันควรเป็นของฉันถึงจะถูก”

หญิงสาวคนนั้นหันหน้ามองไปที่ตมิสาแวบหนึ่ง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เอ่ยปากพูดว่า: “เธอมั้ยว่าฉันเป็นใคร? กล้าแย่งของกับฉันเหรอ?”

ตมิสาเชิดหน้าขึ้น เอ่ยปากพูดว่า: “ฉันไม่สนว่าเธอจะเป็นใคร ฉันรู้เพียงว่ากระโปรงตัวนี้ควรเป็นของฉัน ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร ก็ควรจะทำตามกฎของการมาก่อนได้ก่อน”

หลังจากที่พนักงานร้านได้ยินคำพูดของตมิสา บนใบหน้าก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา: “คุณผู้หญิง เอ่อ……คุณให้กระโปรงตัวนี้กับคุณนลินนาถเถอะค่ะ สิ่งของของเธอ ไม่ควรแย่ง”

ตมิสาขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า: “ทั้งๆที่ฉันจะเอากระโปรงนี้ก่อน ทำไมกลายเป็นว่าฉันมาแย่งของเธอได้? หรือคนในยุคสมัยใหม่ของพวกเธอ ก็ไม่มีเหตุผลแบบนี้เหรอ?”

เมื่อพนักงานเห็นตมิสาพูดแบบนี้ ก็เต็มไปด้วยความกังวล และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีไปชั่วขณะ

ในเวลานี้พนักงานอีกคนมองไปที่รพีพงษ์แวบหนึ่ง รู้ว่ารพีพงษ์น่าจะเป็นผู้นำดูแลในสามคนนั้น จึงลากรพีพงษ์ไปที่ด้านข้าง

“ชายหนุ่ม ถ้าฉันเดาไม่ผิด พวกคุณสามคนน่าจะเป็นคนต่างจังหวัดใช่มั้ย?”พนักงานเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์พยักหน้า

“พวกคุณเป็นคนต่างจังหวัด ดังนั้นไม่รู้สถานการณ์ที่นี่ของพวกเรา ท่านที่อยู่ตรงนั้น คือตัวซวยที่มีชื่อเสียงในเมืองภูเขาขาว เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลณัฐรัชต์ ไม่รู้ว่าไปโดนวิญญาณชั่วร้ายอะไรมา ทุกคนที่เคยสัมผัสกับเธอมากเกินไป ก็จะประสบกับโศกนาฏกรรม ทุกคนในเมืองภูเขาขาวเห็นเธอ แทบจะหลบออกไปให้ไกล ฉันขอเตือนพวกคุณอย่าแย่งกับเธอ ให้เธอรีบเอากระโปรงตัวนั้นแล้วออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด พวกเราก็กลัวจนจะไม่ไหวแล้วนะ”พนักงานอธิบาย

เมื่อได้ยินคำของพนักงานคนนี้ ในใจของรพีพงษ์ก็เกิดความสงสัยเกี่ยวกับคุณนลินนาถเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็นตัวซวยที่มีชื่อเสียงอยู่ที่เมืองภูเขาขาว

สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์เกิดความรู้สึกเห็นใจเธอ เนื่องจากปีนั้นรพีพงษ์ก็เป็นเศษสวะที่มีชื่อเสียงของเมืองริเวอร์มาหลายปี รู้ว่าความรู้สึกที่ถูกคนดูถูกมันทรมานแค่ไหน

เพียงแต่ว่าสถานการณ์ของคุณนลินนาถดีกว่าเขามาก ทุกคนแค่หวาดกลัวเธอ ดังนั้นจึงไม่กล้าสัมผัสเธอมากเกินไปเท่านั้นเอง

รพีพงษ์ปลดปล่อยพลังจิตของตัวเองออกมา ปกคลุมคุณนลินนาถคนนั้นไว้ ตรวจสอบดีๆสักพัก และพบว่าบนร่างกายของคุณนลินนาถคนนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ

เพียงแต่บนร่างกายของเธอสวมถุงหอมไว้หนึ่งถุง ทำให้รพีพงษ์ขมวดคิ้ว

มีลมปราณสีดำโอบล้อมอยู่บนถุงหอมนั้น ทำให้ทั้งร่างกายของคุณนลินนาถมีความซวย หลังจากที่ยอมรับการสืบทอดของบวรทัต รพีพงษ์เข้าใจถึง บนโลกใบนี้มีวิชาคำนวณชะตาฮวงจุ้ยของสิ่งนี้อยู่

บางครั้งการพึ่งพาพลังภายนอกบางอย่าง คือสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของคนเราได้

ก็เหมือนกับถุงหอมที่คุณนลินนาถสวมใส่อยู่บนร่างกาย ความซวยที่แพร่กระจายออกมา จะทำให้เธอกลายเป็นค่อนข้างเสี่ยงกับความซวย พนักงานคนนี้บอกว่าคนที่สัมผัสกับคุณนลินนาถจะประสบกับโศกนาฏกรรม คงจะเกิดจากถุงหอมนี้

รพีพงษ์พยายามลองใช้พลังจิตของตัวเองเข้าสู่ในถุงหอมอันนี้ ตรวจสอบว่าข้าในถุงหอมมีของอะไรกันแน่

แต่กลับประสบกับอำนาจชั่วร้ายหลายท่านที่แว้งกัด ทำให้เขาไม่เห็นสิ่งที่อยู่ในถุงหอมนี้ได้อย่างชัดเจน

สิ่งนี้ทำให้รพีพงษ์เกิดความสนใจกับคุณนลินนาถคนนี้มากขึ้น อยากจะรู้ว่าทำไมบนร่างกายของเธอถึงมีถุงหอมแบบนี้ ที่สำคัญตัวของเธอเองดูเหมือนจะไม่รู้ว่าถุงหอมนี้มีภัยคุกคามต่อเธออย่างไร

เขายิ้มให้พนักงานคนนั้นเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “ขอบคุณมากที่เตือน แต่ว่ากระโปรงตัวนั้นพวกเราเห็นก่อนจริงๆ ตมิสาคงจะไม่มีทางให้ไปอย่างง่ายดายขนาดนี้ พวกคุณก็ไม่ต้องเป็นห่วง”

เขาไม่ได้กังวลว่าหลังจากที่ตมิสาสัมผัสกับคุณนลินนาถคนนี้แล้วจะโชคร้าย เรื่องของโชคชะตาแบบนี้ มีเพียงจะปรากฏเฉพาะกับคนเท่านั้น

โดยธรรมชาติของตมิสาและชยนต์คือหุ่นเชิด วิชาคำนวณชะตาฮวงจุ้ยของแบบนี้ คือไม่มีผลกระทบต่อพวกเขา

เมื่อพนักงานเห็นว่ารพีพงษ์ดื้อดึงมากขนาดนี้ ก็หมดคำพูด แต่เธอก็ตั้งใจจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ คิดในใจว่าถึงยังไงไม่ใช่ตัวเองที่จะโชคร้ายอยู่ดี พวกเขาอยากทำอะไรก็ทำอย่างนั้นเถอะ

จากนั้นเธอก็รีบหลบไปที่มุมห้อง ไม่กล้าเข้าใกล้คุณนลินนาถแม้แต่ครึ่งก้าว

คุณนลินนาถมองไปที่ตมิสาที่อยู่ตรงหน้า ที่ผ่านมา ไม่เคยมีใครกล้าพูดแบบนี้กับเธอ แม้ว่าตมิสาจะกำลังแย่งของอยู่ตรงหน้าของเธอ แต่ว่าเธอกลับรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย

ปกติอยู่ที่บ้าน ทุกคนก็จะหลบออกไปไกลจากเธอ แม้แต่จะพูดกับเธอไม่กี่คำก็ยังไม่เต็มใจ ทุกคนถือว่าเธอเป็นตัวซวย ดังนั้นเจอกับคนที่ไม่กลัวเธอ เธอก็รู้สึกว่าน่าสนใจ

เธอจ้องมองไปที่ตมิสาแวบหนึ่ง เอ่ยปากถามว่า: “ทั้งเมืองภูเขาขาว ทุกคนหวาดกลัวฉันมาก เพราะคนที่สัมผัสกับฉันมากเกินไป สุดท้ายไม่มีจุดจบที่ดี”

“เห็นสองคนที่ติดตามอยู่ข้างหลังฉันมั้ย? พวกเธอติดตามฉันเมื่อสองวันที่แล้ว เพราะสองคนที่ติดตามฉันก่อนหน้านั้น คนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ อีกคนหนึ่งขาหัก ผู้ติดตามอย่างพวกเธอ ฉันมีมาแล้วหลายร้อยคน”

บนใบหน้าของผู้ติดตามสองคนนั้นแสดงถึงความไม่มีทางเลือกอื่น ตระกูลณัฐรัชต์มีอำนาจ และพวกเธอก็เป็นคนที่ถูกบีบบังคับจากความจำเป็นของการดำรงชีวิต ดังนั้นต่อให้ไม่เต็มใจ ก็จำเป็นต้องตามคุณหนู

“ดังนั้นเธอแน่ใจว่ายังจะแย่งกระโปรงตัวนี้กับฉันเหรอ?”

ตมิสาไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของคุณนลินนาถ เธออยู่มาห้าพันปีกว่าแล้ว เรื่องราวแปลกประหลาดอะไรที่ไม่เคยพบเห็นมาบ้าง อย่างเรื่องความซวยของคุณนลินนาถ จากประสบการณ์ของเธอ แม้แต่จัดอันดับก็ยังไม่ขึ้น

“เธอก็แค่โชคร้ายกว่าคนอื่นเล็กน้อยเองไม่ใช่เหรอ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับกระโปรงที่ฉันชอบ” ตมิสาพูดอย่างเฉยเมย

คุณนลินนาถนิ่งอึ้งไปทันที เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน จะมีคนเพียงแค่คิดว่าเธอโชคร้าย ก่อนหน้านี้คนอื่นมองว่าเธอเป็นตัวประหลาด

ในไม่ช้า รอยยิ้มที่โล่งใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ และเอ่ยปากพูดว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว กระโปรงตัวนี้ก็ให้เธอละกัน”

ตมิสาเหลือบมองไปที่รพีพงษ์อย่างพึงพอใจ แล้วพูดว่า: “เจ้านาย จ่ายเงินให้ฉันเร็วๆ ฉันจะเปลี่ยนใส่กระโปรงตัวนี้เดี๋ยวนี้”

รพีพงษ์หมดคำพูด เดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วจ่ายเงิน จากนั้นสายตาก็จับจ้องไปที่บนร่างกายของคุณนลินนาถ เอ่ยปากพูดว่า: “ไม่ทราบว่าคุณนลินนาถพอจะให้เกียรติพูดคุยด้วยกันได้มั้ย? เรื่องของคุณ ผมสนใจมาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท