พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1128 แกล้งเป็นผี

บทที่ 1128 แกล้งเป็นผี

นลินมองไปที่รพีพงษ์ด้วยท่าทางที่ตกตะลึง เหมือนราวกับว่าคาดไม่ถึงว่าจะมีคนเข้ามาตอนที่ตัวเองกำลังอาบน้ำ ก็สบตาแบบนี้กับรพีพงษ์ไปเป็นหลายวินาที

เมื่อเวลาผ่านไปนาน นลินถึงนึกออกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังนอนอยู่ในอ่างอาบน้ำโดยไม่ได้ใส่เสื้อผ้า มุมที่รพีพงษ์ยืนอยู่ที่นั่นสามารถเห็นเธอได้ทั่วทั้งร่างกาย ดังนั้นรีบเอื้อมมือมาปกปิดร่างกายของตัวเองทันที เริ่มกรีดร้องขึ้นมา

รพีพงษ์ถูกดึงสติกลับมาด้วยเสียงกรีดร้องของนลิน จากนั้นรีบหันหลังไปอย่างรวดเร็ว เอ่ยปากพูดว่า: “ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังอาบน้ำอยู่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

นลินใช้โอกาสที่รพีพงษ์หันหลัง รีบลุกขึ้นมาจากอ่างอาบน้ำ และหาผ้าเช็ดตัวมาคลุมที่ร่างกายตัวเองไว้

“เมื่อกี้นี้ฉันเห็นว่าประตูไม่ได้ล็อก คิดว่าคุณยังไม่นอน ดังนั้นก็เลยผลักประตูเข้ามาทันที” รพีพงษ์อธิบายอีกครั้ง

นลินพูดอย่างตื่นตระหนกว่า: “เพราะปกติแล้วที่ของฉันไม่มีใครมา ต่อให้ฉันเชิญคนอื่นมา คนอื่นก็ไม่มีทางมา ดังนั้นเวลาที่ฉันอาบน้ำก็เลยไม่ล็อกประตูไว้”

รพีพงษ์ยังคงเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ตอนนั้นเขาคิดว่าอาบน้ำคงจะต้องล็อกประตูอย่างแน่นอน ไม่ได้สนใจสถานการณ์ของนลิน

“ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันควรจะเคาะประตูก่อนจริงๆ ฉันไร้มารยาทเกินไป ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้”พูดจบ รพีพงษ์ก็จะออกจากห้องของนลิน

นลินรีบเอ่ยปากพูดว่า: “ไม่ต้อง พี่รพีพงษ์ ฉันนุ่งผ้าเช็ดตัวไว้แล้ว พี่สามารถหันกลับมาได้แล้ว”

รพีพงษ์ถึงได้หันหน้ากลับมา และมองไปทางนลิน

เพราะนลินนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากอ่างอาบน้ำ โดยที่ไม่ได้เช็ดร่างกายของตัวเอง ดังนั้นตอนนี้ผมของเธอจึงเปียกชุ่ม ร่างกายเต็มไปด้วยหยดน้ำ ซึ่งดูมีเอกลักษณ์เป็นพิเศษ

รพีพงษ์จ้องมองไปที่นลินเพียงแวบเดียว ก็รีบหันหน้าไปออกอย่างรวดเร็ว เอ่ยปากพูดว่า: “ความจริงที่ฉันมา ก็เพียงแค่อยากจะถามว่าในสถานที่ที่คุณพักอยู่มีอะไรผิดปกติมั้ย ถ้าหากว่าไม่มี ฉันก็จะไม่รบกวนมากเกินไปแล้ว”

นลินพูดอย่างรวดเร็ว: “ไม่เป็นไร”

“พี่รพีพงษ์ ถ้าไม่อย่างนั้นพี่รอข้างนอกก่อนดีมั้ย ฉันไปเปลี่ยนเสื้อที่ข้างใน รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จค่อยมาพูดกับพี่”

รพีพงษ์พยักหน้า

นลินรีบเดินเข้าไปในห้องด้านในอย่างรวดเร็ว

ไม่นานหลังจากนั้น นลินที่เช็ดร่างกายตัวเองแห้งเรียบร้อย เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้วเดินออกมาจากในห้อง

อาจเป็นเพราะเหตุผลที่วันนี้รพีพงษ์ช่วยนลินคลี่คลายหนอนพิษตัวนั้น ตอนนี้นลินดูเหมือนมั่นใจกว่าก่อนหน้ามาก ความหมองมัวที่คลุมเครือก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

สิ่งนี้ทำให้ที่เดิมทีที่สวยอยู่แล้วก็ยิ่งมีรัศมีเปล่งประกายขึ้นหลายเท่า

นลินเดินไปที่ตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วพูดว่า: “พี่รพีพงษ์ มานั่งที่นี่เถอะ”

รพีพงษ์พยักหน้า ตามไปที่นั่งที่โซฟากับนลินที่ด้านนั่น

เพราะเป็นครั้งแรกที่ต้อนรับแขก เห็นได้ชัดนลินมือไม้อ่อนจนทำอะไรไม่ถูก ทำตามเหมือนในทีวีแบบนั้น เทน้ำมาให้รพีพงษ์หนึ่งแก้ว

รพีพงษ์จ้องมองไปที่นลินแวบหนึ่ง เอ่ยปากถามว่า: “ในห้องที่เธอพักอยู่นี้ รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติมั้ย?”

นลินครุ่นคิดอย่างจริงจัง เอ่ยปากพูดว่า: “ถ้าจะพูดถึงอะไรที่ผิดปกติจริงๆ แต่กลับไม่ใช่ไม่มีนะ ตอนที่ฉันเข้านอนทุกคืน ก็สามารถมองเห็นแสงดาวตกลงมาจากฟากฟ้า เมื่อก่อนนี้ฉันคิดว่านี่เป็นเรื่องปกติมาโดยตลอด หลังจากที่มีครั้งหนึ่งฉันถามอื่นแล้ว ถึงได้รู้ว่ามีเพียงฉันเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้”

“แสงดาวเหรอ?” รพีพงษ์เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ต่อให้เขาเปิดใช้พลังจิต ก็ไม่สามารถมองเห็นแสงดาวที่นลินพูดถึงได้

นลินพยักหน้า แล้วพูดว่า: “ก็เหมือนกับตอนนี้ ฉันก็สามารถมองเห็นแสงดาวตกลงมาเล็กน้อย”

“ใช่แล้ว พ่อแม่ของฉันก็สามารถมองแสงดาวนี้ด้วย พวกเขาบอกว่าเป็นเพราะครอบครัวของพวกเราโดนสาป ดังนั้นถึงสามารถมองเห็นแสงดาวเหล่านี้ ตั้งแต่ฉันยังเด็กก็ถูกมองว่าเป็นตัวแปลกประหลาด ดังนั้นก็เลยเห็นว่าไม่มีอะไรประหลาดมานานแล้ว”

“แต่ว่าวันนี้พี่รพีพงษ์ทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่มีทางที่จะนำความโชคร้ายมาสู่คนอื่น หลังจากที่ความจริงฉันก็เป็นคนธรรมดา แสงดาวเหล่านี้ก็มีความแปลกประหลาด ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองสามารถมองเห็นแสงดาวนี้”

เมื่อรพีพงษ์ฟังคำพูดของนลิน ก็เต็มไปด้วยความสงสัย จากนั้นเอ่ยปากถามว่า: “ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด คนที่พักอยู่ข้างๆ น่าจะเป็นพ่อแม่ของคุณใช่มั้ย?”

นลินพยักหน้า แล้วพูดว่า: “พ่อแม่ของฉันพักอยู่ที่นั่นจริงๆ เพราะคนตระกูลณัฐรัชต์กลัวครอบครัวพวกเรา ดังนั้นสวนลานหลายแห่งในคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลณัฐรัชต์ ก็เป็นของครอบครัวพวกเรา”

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด วันนี้ตอนที่เขาใช้พลังจิตตรวจสอบ ในสวนลานที่ของนลินและสวนลานอีกด้านหนึ่งมีความพิเศษจริงๆ

ที่สำคัญตามการคาดการณ์ของรพีพงษ์ เหตุผลที่ครอบครัวพวกเขาสามคนสามารถเห็นแสงดาวเหล่านั้นได้ น่าจะเป็นผลมาจากการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานาน

เพราะเขาไม่ได้พบความผิดปกติอะไรจากบนตัวของนลิน สิ่งที่มีความผิดปกติ ก็คือสถานที่แห่งนี้

หรือว่าที่นี่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแดนลับจริงๆเหรอ?

ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ไม่แน่ใจ แต่ว่าตอนนี้รู้สึกว่าแบบนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก

แต่ว่าต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ยังต้องให้รพีพงษ์ตรวจสอบต่อไป

และเหตุผลที่ปิยะพลและคนที่ถูกเรียกว่าท่านปรมาจารย์เพ่งเล็งมาที่นลิน ไม่แน่ก็เป็นเพราะความพิเศษของที่นี่

บางทีท่านปรมาจารย์คนนั้น รู้ว่าเกิดนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

รพีพงษ์สามารถรอตอนที่ท่านปรมาจารย์คนนั้นมาพานลินไป คิดหาทางไปถามให้ชัดเจน

“พี่รพีพงษ์ แสงดาวเหล่านี้ ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พี่รู้ว่าพวกมันมาจากไหนเหรอ?”นลินเอ่ยปากถาม

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “เดี๋ยวนี้ยังไม่แน่ชัด ตอนนี้ฉันก็ต้องรอท่านปรมาจารย์คนนั้นมาหาคุณก่อน ไปถามเขา ดูว่าเขารู้มั้ยเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

หลังจากที่นลินได้ยินก็พยักหน้า แม้แต่รพีพงษ์ก็ไม่รู้ แน่นอนว่าเธอก็ยิ่งไม่สามารถตรวจสอบออกมาได้ว่าแสงดาวนั้นมาจากที่ไหนกันแน่

“ใช่แล้ว คนคนนี้ เป็นคนในตระกูลณัฐรัชต์ของคุณใช่มั้ย?” รพีพงษ์พูด และโบกมือ ใบหน้าของธีรเดชปรากฏขึ้นในอากาศ ก็คือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

นลินพยักหน้า แล้วพูดว่า: “เขาเป็นลูกชายลุงใหญ่ของฉัน ชื่อว่าธีรเดช เขาเกลียดฉันเป็นอย่างมากมาตั้งแต่เด็กแล้ว มักจะกลั่นแกล้งฉัน เขาแทบจะขับไล่ฉันออกจากตระกูลณัฐรัชต์ ดังนั้นเขาอาจจะเป็นเพราะฉันถึงได้ไปสร้างปัญหาให้พี่รพีพงษ์ หรือว่าวันนี้เขาสร้างปัญหาให้กับพี่รพีพงษ์เหรอ?”

รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า: “เขาพาคนหลายคนมาต้องการหลอกฉัน แต่ว่าโดนฉันหลอกจนวิ่งหนีไปแล้ว”

“ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่มากเท่าไหร่หรอก คุณไม่ต้องเอาไปใส่ใจ”

นลินพยักหน้า คิดในใจว่าท่านปรมาจารย์อย่างรพีพงษ์ ไม่ใช่ว่าธีรเดชจะสามารถหาเรื่องได้อย่างตามใจชอบ ก็สบายใจ

“ถ้าหากไม่มีอะไรผิดปกติ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รบกวนแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงรอท่านปรมาจารย์คนนั้นมา ดูว่าสามารถที่จะรู้อะไรจากเขาได้บ้างมั้ย” รพีพงษ์เอ่ยปากพูด

นลินลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นราวกับว่าตัดสินใจได้แล้ว เอ่ยปากพูดว่า: “พี่รพีพงษ์ ฉัน…..มีเรื่องจะขอให้ช่วยแต่ไม่รู้จะช่วยได้มั้ย ไม่รู้ว่าพี่รพีพงษ์สามารถที่จะช่วยฉันได้มั้ย?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท