พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1135 คำเชิญจอมปลอม

บทที่ 1135 คำเชิญจอมปลอม

รพีพงษ์งงกับการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของนลิน เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่านลินจะถอดผ้าขนหนูอย่างกะทันหันเช่นนี้ แถมยังมากอดเขาด้วย

เมื่อได้สัมผัสถึงความอบอุ่นที่มาจากร่างกายของนลิน อีกทั้งความอ่อนโยนที่แปลกประหลาด ตอนนี้รพีพงษ์งงไปหมด

ตอนนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะก้มมองคนที่กำลังกอดตัวเอง และไม่กล้าใช้มือผลักเธอออกไป เพราะตอนนี้นลินกำลังโป๊ ถ้าเกิดไปโดนส่วนที่ไม่ควรไปโดนจะกระอักกระอ่วนเปล่าๆ

“พี่รพีพงษ์ เราไปที่เตียงกันเถอะ” นลินพูดอย่างหน้าแดง

รพีพงษ์กระแอมออกมาเบาๆ แล้วพูดว่า “เธอรีบปล่อยฉัน ฉันไม่ต้องการให้เธอตอบแทนฉันด้วยวิธีนี้”

จู่ๆ นลินก็ร้อนใจขึ้นมา และพูดว่า “พี่รพีพงษ์ ฉันมีเสน่ห์ไม่พอใช่ไหม ฉันอยากมอบกายให้พี่รพีพงษ์จริงๆ นะ เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของพี่”

รพีพงษ์สูดหายใจลึกแล้วพูดว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับที่เธอทำเลย เธอรีบเอาตัวออกไปเลย ไม่งั้นฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ”

นลินเห็นว่ารพีพงษ์ไม่ได้พูดเล่น จู่ๆ เธอก็ลังเลขึ้นมา

เมื่อคิดว่ารพีพงษ์อาจจะโกรธจริงๆ สุดท้ายเธอจึงยอมปล่อยมือที่กอดรพีพงษ์ออก

รพีพงษ์ไม่มองนลินแม้แต่น้อยและเดินออกไปข้างนอก

เมื่อมาถึงหน้าประตู เขาหันหลังให้นลินแล้วพูดว่า “นี่ก็ดึกแล้ว เธอรีบพักผ่อนเถอะ”

พูดจบ เขาก็เดินออกไป

นลินมองรพีพงษ์จากไปด้วยสีหน้าสิ้นหวัง แววตาของเธอฉายแววความหดหู่ออกมา

เธอถูกคนมองว่าเป็นตัวซวยตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเธอโตมาขนาดนี้จึงไม่มีสิ่งของล้ำค่าอะไร มีเพียงร่างกายของเธอเท่านั้นที่ถือว่าเป็นของมีค่า

เธอคิดว่าจะใช้วิธีนี้ตอบแทนรพีพงษ์ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ารพีพงษ์จะไม่รับความรู้สึกของเธอ

สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความทุกข์ จากนั้นจึงถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ หญิงสาวเก็บผ้าขนหนูและเดินเข้าไปในห้อง

หลังจากที่รพีพงษ์เดินกลับมาที่ห้อง เขาถอนหายใจออกมา คนที่เป็นผู้ชายและเจอกับสถานการณ์เมื่อครู่ เขาจะไม่รู้สึกอะไรได้ยังไงกัน

แต่เขาไม่สามารถทำเรื่องแบบนั้นกับนลินได้ ตอนนี้อารียายังไม่ฟื้น ถ้าเขาทำเรื่องแบบนี้จะเจอหน้าอารียาได้ยังไง

เขาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากเบาๆ แล้วพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ต่อจากนี้คงไม่สามารถเข้าไปในห้องของนลินได้ตามอำเภอใจอีกแล้ว ครั้งหน้าก่อนที่จะไปต้องใช้พลังจิตก่อน ไม่งั้นอันตรายแน่ๆ”

……

บ่ายวันต่อมา รพีพงษ์กำลังฝึกวิชาอยู่ในห้อง

จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังอยู่ข้างนอก จู่ๆ รพีพงษ์ก็ลืมตาขึ้นมา เขาใช้พลังจิตมองพบว่าคนที่มาคือธีรเดช

เขาลงมาจากเตียงและเดินมาที่หน้าประตู ตอนที่ธีรเดชกำลังจะเคาะประตู เขาก็เปิดประตูออกมา

ธีรเดชตกใจจนสะดุ้งโหยงและถอยหลังกรูด หลังจากที่เขามองรพีพงษ์ ก็ยิ้มออกมาและพูดว่า “นายนี่ทำให้คนตกใจจริงๆ นี่ยังกลางวันแสกๆ ถ้าเป็นกลางคืนฉันคงจะตกใจตายไปแล้ว”

รพีพงษ์มองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นจึงพูดว่า “นายคิดจะทำอะไรอีก อย่าบอกนะว่าอยากตกใจจนเยี่ยวแตกอีก”

ธีรเดชรีบหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ๆ นายเข้าใจผิดแล้ว การที่ฉันมาหานายก็เพราะอยากชวนนายไปทานข้าวเย็นด้วยกัน และถือโอกาสขอโทษนายด้วย นายรักษาแม่ของนลินจนหายดี เป็นผู้มีพระคุณกับตระกูลของฉันมาก ฉันไม่ผิดใจอะไรกับนายอีกแล้ว ดังนั้นฉันเลยมาเชิญนายน่ะ”

รพีพงษ์มองเขาอย่างแปลกใจ จากนั้นจึงถามว่า “นายมีจิตใจดีขนาดนี้เลยเหรอ เชิญฉันทานข้าวเนี่ยนะ”

ธีรเดชรีบพูดขึ้นมาว่า “นายอย่าคิดมากสิ ฉันมาเชิญนายเพราะอยากขอโทษจริงๆ”

รพีพงษ์คิดว่าเย็นนี้เขาก็ไม่มีเรื่องอะไร รับปากธีรเดชก็ไม่เห็นเป็นอะไร ถึงธีรเดชจะมาหาเรื่องเขา เขาก็ไม่กังวล คิดเสียว่าเป็นเรื่องสนุกที่เอาไว้ฆ่าเวลา

“ได้สิ งั้นฉันจะไปทานข้าวกับนาย” รพีพงษ์เอ่ยขึ้น

เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์ตอบตกลง สีหน้าของธีรเดชเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่นานเขาก็กลับมามีสีหน้าปกติ

แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจมาขอโทษรพีพงษ์ เขาเกลียดรพีพงษ์จนแทบอยากจะฆ่าอยู่แล้ว

การที่เขามาเชิญรพีพงษ์ไปทานข้าว เพราะเขาได้ข่าวจากเพื่อนคนหนึ่งว่าพี่ชายที่เป็นทหารของเพื่อนเขากลับมาวันนี้

ว่ากันว่าพี่ชายของเพื่อนเขาเป็นทหารอยู่ในกองทัพที่ลึกลับและแข็งแกร่งของประเทศจีน เป็นหนึ่งในสมาชิกของทหารมังกร ถือว่าเก่งมาก หลังจากที่ธีรเดชได้ยินเช่นนั้น ก็รีบบอกกับเพื่อนของเขาและรอให้พี่ชายของเพื่อนกลับมา พวกเขาจะหาวิธีทำให้พี่ชายของเพื่อนจัดการกับรพีพงษ์ เขาจะได้ระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจ

เพื่อที่จะแก้แค้นรพีพงษ์ จำเป็นต้องมีความอดกลั้น ดังนั้นธีรเดชจึงอ่อนน้อมกับรพีพงษ์

“งั้นเราไปกันเถอะ ฉันนัดเพื่อนมาสองสามคน พวกเขาถึงที่ร้านอาหารแล้ว เราจะได้ไปทานอาหารกันเลย” ธีรเดชยิ้มแล้วพูดออกมา

รพีพงษ์พยักหน้าแล้วเดินตามธีรเดชออกไป

ธีรเดชขับรถของตัวเองเข้ามา เป็นรถสปอร์ตราคาสูง ตระกูลณัฐรัชต์ที่เป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองภูเขาขาว มีภูมิหลังที่ไม่เลวเลยทีเดียว

หลังจากที่ขึ้นมาบนรถ ธีรเดชพารพีพงษ์ไปที่ร้านอาหารที่เขาได้จองไว้เรียบร้อยแล้ว

ถึงเมืองภูเขาขาวจะสู้เมืองใหญ่ๆ ไม่ได้ แต่ด้วยการพัฒนาของประเทศ ทำให้เศรษฐกิจของที่นี่ไม่ถือว่าล้าหลัง

ที่นี่ครบครันไปด้วยภัตตาคาร ผับบาร์ ร้านคาราโอเกะและห้างสรรพสินค้า เมื่อตกเย็นบนถนนในเมืองภูเขาขาวเต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีทำให้ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก

ผ่านไปไม่นาน ธีรเดชจอดรถลงหน้าภัตตาคารที่ดีที่สุดของเมืองภูเขาขาว

ทั้งสองเดินลงมาจากรถ มีวัยรุ่นหญิงชาวในชุดแฟชั่นรออยู่ที่นี่แล้ว

ธีรเดชพารพีพงษ์เดินเข้าไปหาคนพวกนั้น จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า “ทุกคน ฉันมาสายไปหน่อย ทำให้พวกนายรอนาน”

“ฉันจะแนะนำให้พวกนายรู้จัก นี่คือรพีพงษ์ เป็นเพื่อนของนลิน”

เมื่อเขาพูดจบ ทุกคนต่างพากันมองไปที่รพีพงษ์ แววตาของพวกเขาแสดงความรังเกียจออกมาอย่างชัดเจน

ในสายตาของพวกเขา นลินคือชื่อของความโชคร้าย เพื่อนของเธอคงไม่ดีไปกว่าเธอหรอก

ผู้หญิงบางคนถึงขนาดที่เดินถอยหลังออกไป เพราะกลัวว่ารพีพงษ์จะนำพาความโชคร้ายมาให้เธอ

“คุณชายเดช ทำไมถึงพาเขามาที่นี่ล่ะ การที่เป็นเพื่อนกับนลินคงไม่มีอะไรดีไปกว่าเธอหรอกมั้ง คุณพาเขามาแล้วเราจะทานอาหารมื้อนี้กันยังไง” หญิงสาวที่แต่งหน้าจัดจ้านพูดขึ้นอย่างรังเกียจ

ธีรเดชเห็นปฏิกิริยาของทุกคน เขาก็รู้สึกได้ใจ เขาอยากทำให้รพีพงษ์อับอาย จึงจงใจพูดแบบนั้น

“อย่าพูดแบบนั้นสิส้ม รพีพงษ์เป็นคนรักษาแม่ของนลินให้หายนะ เขาเป็นผู้มีบุญคุณกับตระกูลของเรา อีกอย่างฉันก็พิสูจน์แล้วว่าการที่อยู่กับเขาไม่ใช่เรื่องไม่ดี” ธีรเดชพูดขึ้น

ทุกคนต่างพากันโล่งใจ แต่สายตาที่มองไปยังรพีพงษ์ยังคงเป็นสายตาที่ดูถูก

ผู้หญิงที่ชื่อส้มปรายตามองรพีพงษ์ แล้วพูดพึมพำว่า “หมดคำจะพูดจริงๆ ขยะแบบไหนก็สามารถมาอยู่ในกลุ่มของเราได้ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ฉันไม่มาหรอก”

เหมือนธีรเดชไม่ได้ยินคำพูดของส้ม เขาพูดขึ้นมาว่า “พวกเรารีบเข้าไปเถอะ ไม่งั้นจะไม่มีที่นั่งนะ”

ทุกคนพากันเดินเข้าไปข้างใน

ผู้ชายที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับธีรเดชเดินเข้ามาข้างเขา ผู้ชายคนนี้ชื่อว่าดนัทธ์ พี่ชายของเขาอยู่ในกองทัพทหารมังกร

ดนัทธ์ส่งสายตาให้ธีรเดช รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสองคน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท