พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1149 งานแลกเปลี่ยนพูด

บทที่ 1149 งานแลกเปลี่ยนพูด

“โอเค งั้นให้คุณเป็นคนจัดการเรื่องนี้แล้วกัน”

หลังจากที่เขาพูดเสนอให้โพธิสุทธิ์ฟังเสร็จเรียบร้อย โพธิสุทธิ์รู้สึกว่าได้รับความรู้ไม่น้อยเลยทีเดียว แน่นอนว่าเขาเยินยอรพีพงษ์ว่ามีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมาก

“คุณรพีพงษ์ ผมบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนี้”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่รพีพงษ์คุยกับตัวเอง โพธิสุทธิ์รู้สึกเหมือนได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ จึงพูดออกไปตรงๆ ส่วนรพีพงษ์ก็ตอบกลับมาอย่างเหนื่อยใจ

“ต่อจากนี้ถ้าคุณมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยบอกผมมาได้เลยนะครับ ผมจะบุกน้ำลุยไฟเพื่อคุณโดยไม่เกี่ยงเลย”

เพราะโพธิสุทธิ์นับถือรพีพงษ์มาก เขาจึงคิดว่าไม่ว่าจะทำอะไรเพื่อรพีพงษ์ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

หลังจากที่โพธิสุทธิ์แจ้งเรื่องนี้ออกไป คนที่ทำงานในเกี่ยวกับยาในเมืองนี้ล้วนรู้เรื่องนี้แทบจะทุกคน ทุกคนต่างพากันเตรียมตัวอย่างดี เตรียมวัตถุดิบยาอันล้ำค่าที่อยู่มือของตัวเอง เพราะนี่เป็นโอกาสที่มีน้อยมาก

รพีพงษ์ไม่มีความกังวลเกี่ยวกับพวกยาสมุนไพรที่จะต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบอะไร เขาสามารถใช้พลังจิตในการดูและสามารถรู้ถึงอายุขัยของยารวมถึงประสิทธิภาพของมันอีกด้วย

ในขณะเดียวกัน ภายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ศาสตราจารย์ท่านหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงโพเดียมและพูดกับเหล่านักเรียนข้างหน้า

“ครั้งนี้หัวหน้าโพธิสุทธิ์จะจัดงานเสวนาเกี่ยวกับยาสมุนไพร และต้องการให้นักเรียนของโรงเรียนเราไปด้วย พวกเธอเป็นนักเรียนหัวกะทิของฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะยกโอกาสนี้ให้กับพวกเธอ ต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้นะ ทำให้เต็มที่ การที่ได้เข้าร่วมการเสวนาระดับนี้ ถือเป็นเกียรติของพวกเธอ คนที่ไปร่วมล้วนเป็นระดับปรมาจารย์ทั้งนั้น และนี่ก็เป็นเรื่องสุดท้ายที่ฉันจะให้พวกเธอได้ หวังว่าพวกเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง”

เมื่อได้ยินคำพูดของศาสตราจารย์ เหล่านักเรียนต่างก็มีสีหน้าตื้นตัน อีกอย่างแค่ได้เจอหัวหน้าโพธิสุทธิ์ก็เป็นเกียรติกับพวกเขามากแล้ว

โพธิสุทธิ์เป็นบุคคลระดับสูงด้านยาในเมืองนี้ เขาเป็นหัวหน้าโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองนี้ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะมีตำแหน่งนี้

ยิ่งไปกว่านั้น สาขาที่พวกเขาเรียนจะต้องส่งนักเรียนไปเรียนที่โรงพยาบาลแห่งนั้นทุกปี เรียกได้ว่าโพธิสุทธิ์เป็นเหมือนไอดอลของพวกเขาก็ไม่ถือว่าพูดเกินไป

การที่ไปร่วมงานเสวนาครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่บุคคลวงการยาอย่างแน่นอน จะต้องมีพวกนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง มันส่งผลดีต่อการพัฒนาในอนาคต

นี่เป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะสร้างคอนเนคชั่น ตอนนี้จารุดาก็นั่งอยู่ในกลุ่มนักเรียนเช่นกัน

เมื่อได้ยินคำพูดที่ศาสตราจารย์พูด ภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

เธอเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเพราะงานเสวนาครั้งนี้

เหล่าลูกศิษย์ที่เรียนจบมาจากโพธิสุทธิ์ ต่างก็เป็นหมอที่มีชื่อเสียง อีกทั้งคนที่มาร่วมงานเสวนาในครั้งนี้จะต้องเป็นคนมีหน้ามีตาอย่างแน่นอน ถ้าเธอสามารถเจอกับคุณชายฐานะร่ำรวยในงานเสวนาครั้งนี้ อย่าว่าแต่รถเบนซ์รุ่นใหม่เลย ถึงจะเป็นรถเฟอร์รารี่ก็สามารถเป็นของเธอได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้นเธอจึงรู้สึกพออกพอใจ และเอาแต่คิดอยู่ในใจ

“อารียา เธออย่าหวังว่าจะเหยียบย่ำฉันเลย! ฉันจะทำให้คนในครอบครัวของเธอเสียใจ ฉันนี่แหละที่เป็นความภูมิใจที่แท้จริงของตระกูลฉัตรมงคล!”

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน โพธิสุทธิ์เตรียมงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย

ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียง หรือพวกเถ้าแก่ที่ขายยาสมุนไพรล้วนเกรงใจต่อชื่อเสียงของเขา

เช้าวันต่อมา รพีพงษ์เพิ่งตื่นนอนก็ได้รับสายจากโพธิสุทธิ์

“คุณรพีพงษ์ ผมเตรียมทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้วครับ ส่วนสถานที่ผมเลือกไว้บนเกาะแห่งหนึ่งในเมืองของเรา เพราะเกาะแห่งนั้นเหมาะแก่การจัดงานเสวนาครับ อีกทั้งพวกเขายังเดินทางมาได้อย่างสะดวกด้วยครับ”

น้ำเสียงของโพธิสุทธิ์เต็มไปด้วยความพอใจ

“นี่มันเร็วไปหน่อยไหม ขอบคุณมากจริงๆ”

รพีพงษ์คิดไม่ถึงว่าโพธิสุทธิ์จะจัดการได้รวดเร็วขนาดนี้ นี่ยังผ่านไปไม่ถึงวัน เขาก็เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว

“ฮ่าๆ ผมบอกแล้วไงครับว่าเรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของผม คุณสบายใจได้เลย เพราะผมมีชื่อเสียงเล็กๆ น้อยๆ ในด้านวงการยา คุณวางใจได้เลย คืนนี้จะต้องมีคนมาร่วมอย่างมากมายแน่นอน”

น้ำเสียงของโพธิสุทธิ์เต็มไปด้วยความพออกพอใจ

“โอเค ฉันรอเจอสิ่งใหม่ๆ ที่นั่นเลย”

รพีพงษ์หัวเราะออกมา ส่วนเกาะที่โพธิสุทธิ์พูดถึง ตั้งอยู่ที่ชานเมืองของเมืองแห่งหนึ่ง มันค่อนข้างไกล รพีพงษ์คิดในใจว่าจะขับรถแลมโบกินีที่เพิ่งจองมาใหม่ไปที่นั่นดีไหม เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงกดโทรออกไปที่โชว์รูมรถ เป็นไปตามที่คาดไว้ พวกเขาได้เตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว รพีพงษ์จึงให้คนที่โชว์รูมขับรถมาให้เขา

ตอนนี้รพีพงษ์นั่งอยู่บนรถแลมโบกินี สีหน้าของเขาราบเรียบ เพราะการที่เขาขับแลมโบกินีก็ไม่ถือว่าเขาผิดปกติ มันไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักนิด

ขณะที่รพีพงษ์ขับรถอยู่บนถนนและกำลังรอสัญญาณไฟ จักรินพี่ชายของจารุดาก็กำลังขับรถ BMW ของตัวเองเช่นกัน เขากำลังจอดรออยู่บนถนน การที่ได้ขับรถ BMW มาในวันนี้ ทำให้เขาพออกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะรถ BMW คันนี้มีราคาพอสมควร ไม่ว่าเขาจะขับไปที่ไหนก็เป็นจุดสนใจของผู้คน

แต่ทว่าตอนนี้เขาพบว่ามีรถแลมโบกินีจอดอยู่ข้างรถของตัวเอง จู่ๆ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก เขาโดนรัศมีของรถแลมโบกินีกลบจนหมด

“ให้ตายเถอะ มันเป็นใครกันที่สามารถซื้อรถแลมโบกินีได้”

ตอนนี้จักรินรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เดิมทีเขากะจะอวดสักหน่อย แต่โดนคนอื่นกลบรัศมีซะงั้น เขาอดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปข้างในรถแลมโบกินี เมื่อเขาเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับ เขาอึ้งไปจนแทบไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็นตรงหน้า

“เป็นไปได้ยังไง หรือว่าฉันตาฝาดไปเอง ทำไมถึงเป็นรพีพงษ์ไปได้ล่ะ”

ไม่รอให้จักรินได้มองอีกครั้ง สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รพีพงษ์เหยียบคันเร่งทันที เสียงเครื่องยนต์ของรถแลมโบกินีดังสนั่น และเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

นี่มันเป็นไปได้ยังไง ไอ้กระจอกอย่างรพีพงษ์จะขับรถแลมโบกินีได้ยังไง สวะอย่างมันไม่สามารถทำอย่างนี้ได้อย่างแน่นอน!

ตอนนี้จักรินพูดปลอบใจตัวเองอยู่ในใจไม่หยุด เขาเอาแต่คิดว่ารพีพงษ์ไม่มีทางขับรถแบบนั้นได้อย่างแน่นอน นี่ทำให้เขาสบายใจขึ้นเยอะ เพราะครอบครัวของเขาเอาแต่ดูถูกรพีพงษ์มาตลอด

ตอนนี้รพีพงษ์ขับแลมโบกินีมาถึงบริเวณเกาะ เขาได้การ์ดเชิญจากมือของโพธิสุทธิ์มาตั้งนานแล้ว เขาบอกกับโพธิสุทธิ์ไว้ว่า เขาไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนของตัวเอง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท