พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1137 นายน่ะเหรอเป็นหมอ

บทที่ 1137 นายน่ะเหรอเป็นหมอ

ตอนนี้ธีรเดชมองท่าทางของรพีพงษ์ที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกว่าขี่หลังเสือแล้วลงยาก อีกอย่างตอนนี้เขาเองก็ดื่มไปไม่น้อย ตอนนี้รู้สึกมึนเล็กน้อย ขืนดื่มต่อไปแบบนี้กลัวว่าก่อนที่รพีพงษ์จะเมา เขาจะเป็นฝ่ายเมาเองก่อน

ไม่ได้ จะให้เป็นแบบนี้ไม่ได้ วันนี้ยังไม่ได้จัดการไอ้หมอนี่เลย เขาจะยอมแพ้ได้อย่างไร

เขากวาดตามองคนที่อยู่รอบๆ ทุกคนมีสีหน้าไม่สู้ดี จู่ๆ ธีรเดชก็ยิ้มออกมา “ทุกคนคงจะดื่มไปไม่น้อยแล้ว อย่ามัวแต่ดื่ม วันนี้ฉันสั่งอาหารอร่อยๆ มาด้วย ทานกันเถอะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของธีรเดช ทุกคนจึงมีท่าทีจริงจังขึ้นมา และวางแก้วในมือลง เพราะพวกเขาไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ขืนดื่มต่อไปพวกเขาคงจะไม่มีแรงลุกแล้ว

ตอนนี้ธีรเดชกำลังมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างรพีพงษ์ แววตาของธีรเดชเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ถือว่าไอ้หมอนี่โชคดี ในเมื่อดื่มเก่งขนาดนี้ แต่ดื่มเก่งแล้วยังไง อีกเดี๋ยวเขาก็มีอีกหลายวิธีที่จะจัดการไอ้หมอนี่

ธีรเดชกระแอมออกมา เพื่อที่จะชื่นชมทักษะทางการแพทย์ของรพีพงษ์ ในคำพูดของเขาคือต้องการให้คนพวกนี้หาโอกาสพูดดูถูกรพีพงษ์ต่อ

“โห ฝีมือทางการแพทย์ของคุณรพีพงษ์ช่างล้ำเลิศ”

เมื่อได้ยินคำพูดและสีหน้าของธีรเดช จู่ๆ ส้มที่กำลังนั่งอยู่ก็แสยะยิ้มอย่างไม่พอใจ เธอไม่ชอบรพีพงษ์ตั้งแต่แรกแล้ว เธอจึงพูดประชดออกมาทันที

“เหอะ เหอะ เป็นแค่คนกระจอกๆ ก็กล้าเรียกตัวเองว่าหมอ ฉันว่ามันก็แค่โชคดีเท่านั้น ก็แค่คนที่ไม่มีความสามารถอะไรเจอเรื่องโชคดีเท่านั้น ถึงรักษาได้ ถ้าวันนั้นมันทำให้คนตาย มันก็ตายไปแล้ว อีกอย่างพวกหมอเป็นอาชีพที่มีหน้ามีตา จะมีสภาพจนๆ แบบมันได้ยังไงกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดของส้ม ธีรเดชชอบใจเป็นอย่างมาก และรอให้คนอื่นพูดดูถูกรพีพงษ์ต่อ วันนี้เขาอยากให้รพีพงษ์อับอาย

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดที่ส้มพูดออกมา ก็เริ่มมองรพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า หลังจากที่เห็นเสื้อผ้าบนตัวของรพีพงษ์ ทุกคนต่างก็พากันมองด้วยสีหน้าเหยียดหยาม พวกเขาล้วนเป็นทายาทของตระกูลร่ำรวย วันนี้พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ แต่รพีพงษ์กลับได้รับเชิญมาร่วมงานด้วย นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับพวกเขามาก

“ทำไมเฮียเดชถึงชวนคนกระจอกแบบนี้มาล่ะ คนกระจอกแบบนี้กล้าเรียกตัวเองว่าหมออย่างนั้นเหรอ ผมว่าเขากำลังหลอกพี่อยู่นะ เขาต้องเป็นพวกขอทานข้างถนนแน่ๆ วันนี้คงจะไม่มีอะไรกินเลยบอกพี่ว่าเป็นหมอเพราะอยากมาทานอาหาร ผมว่าพี่รีบไล่มันออกไปเถอะ”

“ใช่ คนกระจอกแบบนี้มีสิทธิ์อะไรมานั่งกับพวกเรา มันนั่งอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะแปดเปื้อน!”

“รปภ. อยู่ไหน รีบเรียกรปภ. มาลากตัวไอ้หมอนี่ออกไป ถ้าเขาไม่มีเงินกินข้าวจริงๆ ฉันจะเมตตาให้เงินมันไปซื้อซาลาเปากินตามข้างทาง”

“ฮ่าๆๆ คนกระจอกแบบนี้จะกินซาลาเปาได้เหรอ ฉันว่าเขาทำได้แค่แย่งอาหารหมาตามข้างทางเท่านั้นแหละ!”

ขณะนี้ ทุกคนในห้องอาหารต่างพากันพูดเหยียดหยามรพีพงษ์ และตอนนี้ธีรเดชยืนอยู่ข้างหลังรพีพงษ์ เขายืนฟังคำพูดอันเย็นชาของทุกคน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข

แต่ตอนนี้คนที่ได้ยินคำพูดของทุกคนอย่างรพีพงษ์ เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ดูเหมือนว่าการที่ธีรเดชชวนเขามาทานข้าว ก็เพราะอยากให้คนพวกนี้พูดดูถูกเขา ธีรเดชช่างไม่เอาไหนจริงๆ เลย เขารอว่าธีรเดชจะทำอะไรต่อไป

รอให้ธีรเดชทำทุกอย่างออกมา เขาจะได้บอกธีรเดชว่าการตอบโต้กลับมันเป็นอย่างไร ตอนนี้ธีรเดชมองทุกคนที่กำลังดูถูกรพีพงษ์พอสมควรแล้ว จู่ๆ เขาก็หันหน้าไปมองดนัทธ์ที่กำลังยิ้มอย่างเย็นชา

เมื่อดนัทธ์เห็นสายตาของธีรเดชเขาก็เข้าใจทันที เพราะพวกเขาได้ปรึกษากันมาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าจะใช้โอกาสในมื้ออาหารเย็นนี้จัดการรพีพงษ์ เพื่อจะสั่งสอนให้รพีพงษ์ว่าอย่าเหิมเกริมเช่นนี้

จู่ๆ ดนัทธ์ก็ลุกขึ้นและเดินมาข้างรพีพงษ์ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขายื่นมือออกไปข้างหน้าแล้วพูดกับรพีพงษ์ว่า

“สวัสดี ฉันชื่อดนัทธ์ เป็นเพื่อนกับธีรเดช ยินดีที่ได้รู้จัก”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาข้างหู เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและปรายตามองดนัทธ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ แววตาของรพีพงษ์เต็มไปด้วยความไม่พอใจ เขาหันหน้าไปมองโดยไม่มีท่าทีว่าจะยื่นมือออกไปทักทาย

เมื่อเห็นท่าทางของรพีพงษ์ เมื่อลูกคนร่ำรวยรอบๆ เห็นต่างก็พากันผิวปากขึ้นมา ในสายตาของพวกเขา รพีพงษ์เป็นแค่คนกระจอกที่อวดดี นี่เขากำลังตบหน้าดนัทธ์ชัดๆ อีกอย่างพวกเขารู้จักดนัทธ์ดี ดนัทธ์เพิ่งจะกลับมาจากการเป็นทหาร เขาเป็นทหารหมาดๆ บนตัวของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ เขาอาจจะซัดหมัดใส่ไอ้กระจอกตรงหน้าให้ตายในหมัดเดียว

ทุกคนพากันมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น พวกเขาต่างพากันเฝ้ารอให้ดนัทธ์สั่งสอนรพีพงษ์ให้สาสม แต่เมื่อเห็นรพีพงษ์ทำท่าไม่สนใจดนัทธ์แม้แต่น้อย จู่ๆ เขารู้สึกเหมือนโดนดูถูกจนโมโหมาก และจ้องรพีพงษ์เขม็งและกัดฟันพูดกับรพีพงษ์ว่า

“นี่ไอ้หนุ่ม ฉันกำลังพูดกับนายอยู่นะ นายไม่ได้ยินเหรอ หรือว่าหูหนวก”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของดนัทธ์ ความโกรธก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที เขาเข้าใจแล้วว่า การที่ธีรเดชเตรียมอาหารมื้อใหญ่ให้เขา คงจะเป็นไอ้ผู้ชายร่างกำยำที่ยืนอยู่ข้างเขาแน่นอน เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถ้าธีรเดชคิดว่าการทำแบบนี้จะสามารถจัดการเขาได้ นับว่าเป็นการสบประมาทเขามาก เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า

“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันได้ยินสิ่งที่นายพูด แต่ฉันแค่ไม่อยากสนใจนายเท่านั้นเอง”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท