พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1132 รักษาโรค

บทที่ 1132 รักษาโรค

ภาพที่เห็นทำให้ทุกคนตกใจ เดิมทีทุกคนคิดว่าเข็มเงินของธุวชิตจะได้ผล คิดไม่ถึงว่าภายในระยะเวลาอันสั้น อาการของแม่นลินจะทรุดลงไปแบบนี้

หลังจากคนที่ชื่นชมธุวชิตเมื่อครู่เห็นภาพตรงหน้า ก็รีบหุบปากลงทันทีและไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

ผลอุดมเห็นอาการของภรรยาตัวเองทรุดลง สีหน้าของเขาร้อนรนขึ้นมาทันที เขารีบหันไปถามธุวชิต “นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับหมอเทวดาชิต ทำไมเหมือนอาการของภรรยาทรุดหนักลงอีก คุณช่วยเธอด้วยนะครับ ขอร้องล่ะ”

ธุวชิตมีสีหน้ามึนงง เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขามองแม่ของนลิน เขาดูออกว่าอีกฝ่ายจะอยู่ได้อีกไม่นาน ทำให้เขาตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

ถ้าวันนี้รักษาอาการของผู้ป่วยคนนี้ไม่ได้ ชื่อเสียงหมอเทวดาของเขาจะต้องป่นปี้อย่างแน่นอน

ตอนนี้เหงื่อไหลออกมาเต็มหน้าผากของเขา มือที่หยิบเข็มเงินก็เริ่มสั่นขึ้นมา

รพีพงษ์หัวเราะแล้วมองธุวชิต จากนั้นจึงเอ่ยถามว่า “หมอเทวดา ทำไมถึงไม่รักษาล่ะ ผู้ป่วยจะขาดใจแล้ว อย่าบอกนะว่าคุณจะให้ผู้ป่วยตายไปต่อหน้าต่อตา”

ธุวชิตหันไปจ้องรพีพงษ์แล้วแผดเสียงออกมาว่า “แกจะไปรู้อะไร ฉันแค่ตรวจดูอาการของเธอเท่านั้น เดี๋ยวถ้าฉันรักษาเธอไม่หาย ก็เพราะแกที่มาวุ่นวาย”

ธีรเดชจ้องรพีพงษ์เขม็งแล้วแผดเสียงออกมาว่า “แกได้ยินแล้วยัง หมอเทวดาชิตบอกให้แกหุบปาก ฉันว่าแกจงใจให้หมอเทวดาชิตรักษาไม่หาย ถึงใช้วิธีการแบบนี้ หน้าไม่อายจริงๆ!”

รพีพงษ์หันไปมองธีรเดชแล้วพูดว่า “ผมว่าเสียงของคุณดังกว่าผมอีกนะ คนที่ไม่อยากให้เขารักษาหายควรจะเป็นคุณมากกว่านะ”

จู่ๆ ธีรเดชก็พูดอะไรไม่ออก ปิยะพลหันไปจ้องเขา เขาจึงทำได้เพียงหุบปากเงียบ

ธุวชิตมีสีหน้าร้อนใจ เพราะไม่รู้จะทำยังไงดี หลังจากที่เขาจ้องเข็มเงินที่อยู่ในมือ เขากำลังจะฝังเข็มลงไปอีกครั้งเพื่อจะดูว่ามีผลไหม

ครั้งนี้เขาเปลี่ยนตำแหน่งการฝังเข็ม หลังจากที่เขาฝังเข็มลงไปตัวแม่ของนลิน เธอกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง สีหน้าของเธอซีดกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย

ครั้งนี้ธุวชิตตื่นตระหนกจริงๆ เขาไม่มีวิธีรักษาแม่ของนลินจริงๆ และหลังจากที่เขารักษาเธอไปสองครั้ง แม่ของนลินก้าวไปหาความตายแล้วครึ่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าเทวดาจะมาก็ไม่สามารถช่วยได้

เขาสูดหายใจเฮือกและกลอกตาไปมา และหันหลังมาพูดว่า “อาการของเธอหนักจนไม่สามารถรักษาได้ ฉันไม่สามารถรักษาได้ พวกเธอเตรียมตัวหลังจากนี้เถอะ”

พูดจบ เขาก็มองนักเรียนแพทย์และส่งสัญญาณทางสายตาให้เขา

นักเรียนแพทย์เข้าใจความหมายทันที เขารีบเก็บกล่องยา

ผลอุดมสับสนไปหมด เขาคิดไม่ถึงว่าธุวชิตที่ถูกเรียกว่าหมอเทวดาจะพูดออกมาว่าไม่สามารถรักษาอาการป่วยของภรรยาเขาได้

เขารีบเข้าไปหาธุวชิตและพูดด้วยสีหน้าอ้อนวอน “หมอเทวดา ช่วยรักษาภรรยาของผมด้วยเถอะครับ ความหวังทั้งหมดของผมอยู่ที่คุณแล้วนะครับ”

ธุวชิตผลักเขาออกแล้วพูดว่า “อาการของเธอมาถึงขนาดนี้ นายถึงเรียกฉันมา นายคิดว่าฉันเป็นเทวดาหรือไง ถ้าพวกนายมาหาฉันเร็วกว่านี้ อาจจะมีโอกาสช่วยชีวิตเธอได้ ตอนนี้อย่ามาเสียเวลาเลย!”

ผลอุดมทรุดลงกับพื้น

ตอนนี้ธุวชิตตื่นตระหนกไปหมด เขาอยากออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ถ้าคนตระกูลณัฐรัชต์หาเรื่องเขาขึ้นมาแล้วจะซวย

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ และเดินไปที่เตียง

เมื่อคนตระกูลณัฐรัชต์เห็นเช่นนั้นต่างก็พากันมีสีหน้าสงสัยและหวาดระแวง

“ไอ้หมอนั่นจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าเขาจะลงมือรักษาอย่างนั้นเหรอ”

“เขาบ้าไปแล้วหรือไง หมอเทวดาชิตยังรักษาไม่ได้ เขาคิดว่าตัวเองจะรักษาได้อย่างนั้นเหรอ”

“การที่หมอเทวดาชิตไม่สามารถรักษาได้ อาจจะเป็นผลกระทบมาจากเขาก็ได้ ตอนนี้เขายังจะมาสร้างความวุ่นวายอีก โง่จริงๆ”

……

ธีรเดชมองรพีพงษ์แล้วแผดเสียงออกมา “ไอ้เด็กนี่ แกจะทำอะไร รีบไสหัวไปซะ การที่อาการของพี่สะใภ้ไม่สามารถรักษาได้ก็เพราะแก อย่าบอกนะว่าตอนนี้แกต้องการชีวิตของเธอ”

ผลอุดมหันไปมองรพีพงษ์ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไม ทำไมนายต้องทำร้ายภรรยาของฉันด้วย พวกเราไม่ได้มีอะไรเคียดแค้นกับนาย ทำไมนายต้องทำร้ายพวกเราด้วย!”

ธีรเดชหันไปมองปิยะพลแล้วพูดว่า “พ่อรีบไล่ไอ้หมอนี่ออกไปเลย!”

“น่ารำคาญ!” รพีพงษ์แผดเสียงออกมาอย่างเย็นชา ความกดดันที่ไม่สามารถมองเห็นได้แผ่ซ่านไปทั่วห้องรับแขก ทุกคนพากันเงียบลง ไม่รู้ว่าทำไมว่าหลังจากที่ได้ยินเสียงของรพีพงษ์ พวกเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก

ขนาดนักเรียนแพทย์คนนั้นก็ไม่กล้าเก็บของต่อ เพราะกลัวว่าจะทำให้รพีพงษ์ไม่พอใจและตบเขาจนตาย

ธุวชิตยืนอยู่ที่เดิม เขาไม่กล้าหนีออกไปในตอนนี้

รพีพงษ์มองแม่ของนลินที่อยู่บนเตียง เขายืนนิ้วออกไปสองนิ้วและออกแรงลงไป จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปกดจุดบนร่างกายของแม่นลิน เมื่อแรงถูกส่งเข้าไปในร่างกายของเธอ พิษที่กำลังออกฤทธิ์ก็สงบลง

หลังจากที่รพีพงษ์เอามือไปวางบนข้อมือของแม่นลิน และปลดปล่อยพลังออกไปตามเส้นเลือดภายในร่างกาย และเข้าไปในอวัยวะภายในของเธอ

หลังจากที่พลังไปสัมผัสกับลมปราณสีดำที่อยู่ในร่างกายของแม่นลิน มันเริ่มสลายตัวลงทันที

หลังจากที่ลมปราณสีดำพวกนั้นสัมผัสกับพลังของรพีพงษ์ ราวกับเจอผีอย่างไรอย่างนั้น และกะจะไหลออกจากร่างกายของแม่นลิน แต่ทว่ารพีพงษ์เตรียมการมาอย่างดี เขาปิดเส้นเลือดภายในร่างกายของแม่นลินทั้งหมด ดังนั้นลมปราณสีดำจึงไม่สามารถไหลออกมาได้ และทำได้เพียงรอให้สลายไป

จากความสามารถของรพีพงษ์ในตอนนี้ การที่จะสลายลมปราณสีดำพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย พละกำลังของเขามีผลต่อลมปราณสีดำพวกนี้ เพราะฉะนั้นการที่จะสลายลมปราณสีดำพวกนี้ ต้องใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง ลมปราณสีดำที่อยู่ในร่างกายแม่ของนลินถูกกำจัดไปกว่าครึ่ง อาการแม่ของนลินดีขึ้นมามาก

ทุกคนต่างพากันมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบๆ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงรบกวนรพีพงษ์

ธุวชิตคิดไม่ถึงเช่นกันว่ารพีพงษ์จะมีวิธีรักษาแม่ของนลิน เขาหรี่ตามองรพีพงษ์

ผ่านไปพักใหญ่ รพีพงษ์กำจัดลมปราณสีดำออกไปจากร่างกายแม่ของนลินจนหมด จากนั้นเขาจึงส่งพลังของตัวเองส่วนหนึ่งไปในตัวของเธอ เพื่อรักษาอวัยวะภายในของเธอ เพื่อรักษาชีวิตของเธอจากการบาดเจ็บเมื่อครู่

ตอนนี้ลมปราณสีดำที่อยู่ในตัวของแม่นลินหายไปหมดแล้ว สีหน้าของเธอก็ดีกว่าเมื่อครู่มาก นอกจากอาการอ่อนเพลียก็ไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วงอีก

หลังจากทุกคนเห็นภาพตรงหน้า ต่างก็พากันตกตะลึง

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท