เมื่อรพีพงษ์ลืมตาขึ้นมา เขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติอะไร เขาพบว่าตัวเองมาอยู่ในสถานที่ที่เป็นป่าลึกและมีต้นไม้มากมาย และข้างหน้าก็มีป้ายขนาดใหญ่ที่มีตัวอักษรพร่าเลือนจนไม่รู้ว่ามันเขียนว่าอะไร
“น่าจะเป็นที่นี่”
ในใจของรพีพงษ์มีเพียงความตื่นเต้น เขาก้าวเดินไปข้างหน้า แต่รพีพงษ์เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว มีเสียงโวยวายดังขึ้นจากไม่ไกล เมื่อได้ยินเสียงนั้นรพีพงษ์สงสัยเป็นอย่างมาก ตามหลักแล้วไม่ควรจะมีอะไรในป่าเขาแบบนี้สิ ทำไมรู้สึกเหมือนที่นี่จะมีคนอยู่ด้วยล่ะ
รพีพงษ์ยังไม่ทันได้คิดอะไร ก็มีคนสองสามคนเดินเข้ามาตรงหน้าเขา เมื่อคนพวกนั้นเห็นรพีพงษ์ก็พากันตกใจ แต่ไม่นานก็แสดงสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา เพราะพวกเขาคือคนที่ถูกส่งมาปกป้องแดนลับ เป็นคนที่ฝึกวิชามาทุกคน เมื่อเห็นว่ามีคนบุกรุกเข้ามา แน่นอนว่าพวกเขาต้องการฆ่าปิดปาก
“ถ้านายเดินเข้าไปอีก นายจะต้องถึงแก่ความตาย!”
คนที่เป็นหัวหน้าตวาดใส่รพีพงษ์ แต่รพีพงษ์กลับพูดกับคนตรงหน้าด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า
“ฉันขอเตือนว่าอย่ามาขัดขวางฉัน!”
เมื่อได้ยินรพีพงษ์พูด อีกฝ่ายก็อึ้งไป พวกเขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์จะพูดแบบนี้กับพวกเขา รู้ไหมว่าที่แห่งนี้เป็นแดนลับที่มีไม่กี่ที่บนโลก แต่รพีพงษ์บุกรุกมาที่นี่แถมยังกล้าพูดแบบนี้กับพวกเขา ต้องการจะเป็นศัตรูกับคนที่มีวิชาแบบพวกชัดๆ
“ไอ้เด็กนี่ รู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน นายกล้าพูดจาไร้มารยาทแบบนี้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่านายเบื่อการมีชีวิตอยู่จนต้องรนหาที่ตาย”
น้ำเสียงของคนนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“นายนี่พูดไร้สาระเยอะจริงๆ!”
รพีพงษ์ไม่อยากเสียเวลากับคนตรงหน้าอีกแล้ว แววตาของเขาฉายแววอาฆาตออกมา พละกำลังในตัวของเขาถูกปลดปล่อยออกมา จากนั้นก็เห็นแสงพุ่งไปหาอีกฝ่าย คนที่พูดกับรพีพงษ์ล้มลงไปกับพื้น บนหน้าผากของเขามีรอยแผลขนาดใหญ่
ส่วนคนที่อยู่รอบๆ เมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็ทำอะไรไม่ถูก พวกเขาคิดไม่ถึงว่ารพีพงษ์พูดเพียงไม่กี่ประโยคก็ฆ่าลูกพี่ของเขาในวิเดียว แถมยังไร้ซึ่งความปรานีอีกด้วย จู่ๆ พวกเขารู้สึกว่าขาทั้งสองข้างของตัวเองอ่อนยวบ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นคนที่ฝึกวิชา แถมยังอยู่ในแดนลับมาหลายปี คนที่บุกรุกเข้ามาที่นี่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แต่ทว่าพละกำลังของรพีพงษ์ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึง
ลูกพี่ของพวกเขาโดนรพีพงษ์ฆ่าไปแล้ว พวกเขาจะกล้าลงมือกับรพีพงษ์ได้ยังไง นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ
แต่ตอนนี้รพีพงษ์ไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนที่อยู่ตรงหน้า ไม่รอให้คนพวกนี้หนีไป เขาเพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อย คนพวกนี้ก็ลอยเป็นฝุ่นผงอยู่ในอากาศ
แต่ทว่าผู้ที่คอยดูแลแดนลับแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ พวกเขายังมีลูกพี่ใหญ่และลูกพี่คนนี้มีชื่อว่าธีรวีร์
ตอนนั้นเขาเป็นผู้ฝึกวิชาที่มีชื่อเสียงในโลกนี้ แต่ต่อมาเพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ตระกูลของเขาถูกทำลายทั้งตระกูล เขาไม่มีที่ไปและทำได้เพียงรับปากผู้มีอำนาจชั่วร้ายเพื่อมาดูแลความลับของแดนลับแห่งนี้ หลายปีมานี้ หลังจากที่เขาได้พัฒนาพละกำลังของตัวเอง เขาสามารถควบคุมมันได้สำเร็จ เขาถูกส่งมาดูแลผู้มีวิชาที่นี่และกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ของที่นี่
ตอนนี้ธีรวีร์กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ของตัวเอง รายล้อมไปด้วยลูกน้อง หนึ่งในลูกน้องพูดประจบประแจงขึ้นมาว่า
“ตั้งแต่คุณมาที่แดนลับและมาเป็นหัวหน้าของพวกเรา คนที่มาก่อเรื่องที่นี่น้อยลงมาก นี่เป็นเพราะชื่อเสียงของลูกพี่แท้ๆ”
เมื่อได้ยินคำเยินยอจากลูกน้องคนนี้ ลูกน้องคนอื่นๆ ต่างก็พากันพูดเสริม เมื่อธีรวีร์ได้ยินสิ่งที่ลูกน้องพูด สีหน้าของเขามีแต่ความปลาบปลื้ม ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากโม้เรื่องที่เขาเคยเจอมาในโลก จู่ๆ ก็มีลูกน้องวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก ลูกน้องวิ่งพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับพี่ใหญ่”
“จะตกใจอะไรขนาดนั้น เรื่องใหญ่สักแค่ไหนเชียว ดูท่าทางของแกสิ เหมาะสมที่จะเป็นลูกน้องของฉันไหม”
ธีรวีร์มีสีหน้าไม่พอใจและตวาดใส่ลูกน้องคนนั้น
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ พี่ใหญ่ ผมมองจากไกลๆ เห็นพี่น้องของเราโดนคนที่บุกรุกเข้ามาทำร้ายจนตายครับ!”
เมื่อลูกน้องคนนั้นนึกถึงภาพที่ตัวเองได้เห็นก็ขาอ่อนจนทรุดลงกับพื้น เหงื่อไหลออกมาเต็มตัว น้ำเสียงสั่นเครือไปหมด
“อะไรนะ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเข้ามาก่อเรื่องในถิ่นของฉัน มันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วน่ะสิ”
เมื่อธีรวีร์ได้ยินสิ่งที่ลูกน้องพูด เขาก็โมโหเป็นอย่างมาก เขาตบที่วางแขนบนบัลลังก์ด้วยความโมโห
“ผมไม่รู้ว่าไอ้นั่นทำยังไง แต่เหมือนว่าพวกเขาถูกฆ่าภายในวิเดียวครับ แต่จู่ๆ ไอ้นั่นก็หายตัวไป”
น้ำเสียงของคนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หึ ฉันล่ะอยากเห็นจริงๆ ว่าใครกันที่กล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ก็ดี ไม่มีใครเข้ามาที่นี่นานแล้ว พวกเราจะได้ยืดเส้นยืดสายกันหน่อย”
จู่ๆ ธีรวีร์ก็พูดกับเหล่าลูกน้องที่อยู่รอบๆ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ใช่ครับพี่ใหญ่ หลังจากที่พี่มาก็ไม่ค่อยมีใครเข้ามาก่อเรื่อง โดยเฉพาะคนที่มองการณ์ไกลแบบพี่ ตั้งแต่ที่พี่ใช้แผ่นหินสีดำปิดทางเขาแดนลับ คนที่สามารถหาเจอมีน้อยมาก ดังนั้นช่วงนี้พวกเราจึงได้พักผ่อนนานมาก ผมอยากรู้เหมือนกันว่าครั้งนี้จะเป็นใครที่กล้าเข้ามาที่นี่ พวกเราเอามันมาซ้อมมือกันดีกว่า!”
เหล่าลูกน้องต่างพากันสะบัดไม้สะบัดมือ