พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1160 คุณคือโพธิสุทธิ์

บทที่ 1160 คุณคือโพธิสุทธิ์

“คุณโพธิสุทธิ์”

หัวหน้ารปภ.มีสีหน้าตกใจ เขาเรียกโพธิสุทธิ์ด้วยสีหน้าเอาอกเอาใจ เพราะชื่อเสียงของโพธิสุทธิ์ในเมืองแห่งนี้ถือว่าน่ากลัวเลยทีเดียว

ชื่อเสียงด้านยาของเขาก็โด่งดังมาก ในเมืองแห่งนี้คนที่กล้าเหิมเกริมกับโพธิสุทธิ์มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

เพราะไม่มีใครรับรองว่าทั้งชีวิตจะไม่เจ็บป่วย โดยเฉพาะพวกคนรวย ยิ่งมีเงินก็ยิ่งกลัวตาย ดังนั้นพวกตระกูลใหญ่ๆ ต่างพากันประจบสอพลอหมอท่านนี้

“อะไรนะ เขาคือโพธิสุทธิ์เหรอ”

ตอนนี้ปารย์กับทามินีตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งสองคิดไม่ถึงว่าคนที่รพีพงษ์โทรไปหาจะเป็นโพธิสุทธิ์

นี่มันน่ากลัวจริงๆ และการที่ปารย์มางานนี้ก็เพราะอยากตีสนิทโพธิสุทธิ์ เพราะตอนนี้ปู่ของเขาป่วยหนัก และรอให้คนไปช่วยชีวิต

และก่อนหน้านี้เขาเคยช่วยโพธิสุทธิ์มาครั้งหนึ่ง แต่เขาไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าของโพธิสุทธิ์ ก็โดนไล่ออกมาก่อน

“ขอโทษจริงๆ ครับคุณโพธิสุทธิ์ ผมไม่รู้ว่าเขาคือแขกที่คุณเชิญมาด้วยตัวเอง”

ปารย์ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบพูดขอโทษ เมื่อรพีพงษ์เห็นโพธิสุทธิ์มาถึง เขาจึงพยักหน้าแล้วพูดกับโพธิสุทธิ์ว่า

“สวัสดีคุณโพธิสุทธิ์”

“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

โพธิสุทธิ์ร้อนใจขึ้นมาและรีบเอ่ยปากถามรพีพงษ์

“ไม่เป็นไร คุณช่วยจัดการคนพวกนี้หน่อย”

ตอนนี้สีหน้าของรพีพงษ์ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเห็นคนพวกนี้อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว

“ได้ครับ ผมจะจัดการพวกเขาเองครับ”

สีหน้าของโพธิสุทธิ์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนนี้เขาแปลกใจมาก ทำไมรพีพงษ์ถึงถือหินอยู่ในมือ

ที่นี่เป็นงานเสวนาด้านสมุนไพร ถ้ารพีพงษ์มาซื้อสมุนไพรก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่ทำไมเหมือนเขาซื้อหินมาหนึ่งก้อนล่ะ

แต่ทว่าโพธิสุทธิ์ไม่ได้ถามอะไร เพราะตอนนี้รพีพงษ์กำลังหงุดหงิดกับปารย์ ทามินีรวมไปถึงรปภ.พวกนี้ด้วย

หลังจากที่ได้ยินทั้งสองคนพูด ทุกคนถึงกับตกใจจนงงไปหมด ท่าทีที่รพีพงษ์คุยกับโพธิสุทธิ์ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รู้จักกันธรรมดา เหมือนกับว่าเขากำลังบอกให้โพธิสุทธิ์จัดการเรื่องนี้อีกด้วย

แถมโพธิสุทธิ์ยังมีท่าทีเห็นด้วยอีกต่างหาก นี่มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก นี่คือโพธิสุทธิ์เชียวนะ

“ขอโทษจริงๆ ครับ”

ปารย์ตกใจเป็นอย่างมาก เดิมทีเขายังหวังว่าจะตีสนิทกับโพธิสุทธิ์ เพื่อที่จะรักษาปู่ของเขา ตอนนี้มันอะไรกัน เขากำลังผิดใจกับโพธิสุทธิ์

“ฉันต้องคิดบัญชีกับพวกนายอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกนายรีบไล่สองคนนี้ออกไป!”

โพธิสุทธิ์พูดออกมาทันที เมื่อรปภ.ได้ยินโพธิสุทธิ์พูดออกมาจากปากของตัวเอง พวกเขาจึงไม่กล้ารอช้า

พวกเขาวิ่งเข้าไปโดยไม่สนว่าทามินีจะเป็นผู้หญิง พวกเขาลากอีกฝ่ายไปทางประตู ส่วนปารย์ก็มีจุดจบที่ไม่สวยเช่นกัน เขาโดนกดตัวลงกับพื้น

ตอนนี้ทามินีกับปารย์อับอายเป็นอย่างมาก แต่ทว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย

เพราะฐานะของพวกเขาเทียบกับโพธิสุทธิ์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อโพธิสุทธิ์เห็นทั้งสองคนถูกพาตัวออกไป เขาจึงหันกลับมาขอโทษรพีพงษ์

“ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมดูแลลูกน้องไม่ดีเอง เลยทำให้คุณเจอเรื่องแบบนี้”

“คุณไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนี้หรอก เรื่องนี้จะว่าคุณก็ไม่ได้ วางใจเถอะ ผมไม่โกรธคุณเพราะเรื่องนี้หรอก”

รพีพงษ์เอ่ยขึ้นมา

“ดีใจที่คุณไม่โกรธผม ไปนั่งข้างบนกับผมดีกว่าครับ”

โพธิสุทธิ์รู้ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนที่คิดเล็กคิดน้อย ในเมื่อรพีพงษ์พูดว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นอะไรแล้ว จากนั้นเขาจึงพารพีพงษ์ขึ้นไปข้างบน

ภายในห้องชั้นบน ท่านปุณยธรกับนาถินีกำลังนั่งดื่มชากันอยู่ นาถินีถามขึ้นว่า

“คุณปู่ว่าคุณโพธิสุทธิ์จะช่วยเราไหม”

“เธอวางใจเถอะ จากชื่อเสียงของโพธิสุทธิ์ เรื่องนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขาหรอก ถ้าอยู่ในถิ่นของเรา ก็ไม่ต้องให้โพธิสุทธิ์ช่วยหรอก”

ท่านปุณยธรพูดด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ

“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ใครจะไม่รู้ว่าในถิ่นของเรา ตระกูลของเรามีชื่อเสียงทางด้านยาแพทย์”

นาถินีพูดด้วยสีหน้ายโสโอหัง

“ถ่อมตนหน่อย นี่เราอยู่ในที่ของโพธิสุทธิ์ ชื่อเสียงของโพธิสุทธิ์เป็นที่โด่งดังที่นี่ พวกเราอย่าแสดงออกเยอะ”

ท่านปุณยธรหัวเราะออกมาทันที เขาคิดว่าในเมืองนี้โพธิสุทธิ์มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเป็นถิ่นของเขา ชื่อเสียงของพวกเขาก็ไม่น้อยไปกว่าโพธิสุทธิ์

“ฉันหวังว่าโพธิสุทธิ์จะสามารถเอาตัวไอ้หมอนั่นมาอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันอยากถามว่ามันมีสิทธิ์อะไรที่ไม่ขายสมุนไพรให้ฉัน!”

นาถินีพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

ห่างจากท่านปุณยธรและนาถินีไม่ถึงสิบเมตร รพีพงษ์กับโพธิสุทธิ์กำลังเดินเข้ามา สีหน้าของโพธิสุทธิ์เต็มไปด้วยความยิ้มแย้ม

“ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านสมุนไพร เป็นเพื่อนที่มาจากอีกเมือง เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก ไม่แน่ตระกูลของเขาอาจจะมีสิ่งที่คุณต้องการก็ได้”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินก็พยักหน้าแล้วพูดว่า

“งั้นรบกวนคุณด้วยแล้วกัน”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เป็นเรื่องที่ผมควรทำเพื่อคุณครับ”

โพธิสุทธิ์หัวเราะออกมา ในความคิดของเขา ทักษะทางการแพทย์ของรพีพงษ์เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุด

ถึงเขาจะนับถือรพีพงษ์เป็นอาจารย์ ก็ถือว่าเป็นเกียรติกับเขา ต่อหน้ารพีพงษ์เขาเป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ด้านสมุนไพรที่มีชื่อเสียงอะไรเลย

แน่นอนว่าการที่รพีพงษ์มาที่นี่ เป้าหมายหลักของเขาคือต้องการมาหาสมุนไพรที่เหมือนกับหญ้าบริสุทธิ์และหินก้อนนี้ เขาคิดว่าเป็นการได้รับมาโดยบังเอิญ

ไม่นานทั้งสองเดินเข้ามาถึงหน้าประตู

โพธิสุทธิ์ผลักประตูและเดินนำรพีพงษ์เข้ามาในห้อง

นาถินีหันมามองทางประตู สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าตกตะลึง

“ทำไมถึงเป็นนาย”

ตอนนี้นาถินีคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่โพธิสุทธิ์พามาจะเป็นไอ้คนจนที่มีหญ้าบริสุทธิ์อยู่ในมือ

ท่านปุณยธรลุกขึ้นมาทันที เขาเดินเข้ามากุมมือโพธิสุทธิ์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า

“ไม่เสียแรงที่เป็นคุณโพธิสุทธิ์ เมื่อคุณช่วยพูดก็ได้ผลทันที เอาสมุนไพรมาให้ผมได้เร็วขนาดนี้เลยนะครับ”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่ชายชราคนนี้พูด ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ส่วนโพธิสุทธิ์กลับอึ้งไป

เขาไม่รู้ว่าท่านปุณยธรกำลังหมายความว่าอะไร จึงหันไปพูดกับรพีพงษ์

“นี่คือตระกูลที่ผมบอกคุณว่าทำเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพร เขาเป็นคนที่อยู่อีกเมือง พวกคุณสามารถพูดคุยกันได้ บางทีพวกเขาอาจจะมีสิ่งที่คุณต้องการ”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท