“คุณโพธิสุทธิ์”
หัวหน้ารปภ.มีสีหน้าตกใจ เขาเรียกโพธิสุทธิ์ด้วยสีหน้าเอาอกเอาใจ เพราะชื่อเสียงของโพธิสุทธิ์ในเมืองแห่งนี้ถือว่าน่ากลัวเลยทีเดียว
ชื่อเสียงด้านยาของเขาก็โด่งดังมาก ในเมืองแห่งนี้คนที่กล้าเหิมเกริมกับโพธิสุทธิ์มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เพราะไม่มีใครรับรองว่าทั้งชีวิตจะไม่เจ็บป่วย โดยเฉพาะพวกคนรวย ยิ่งมีเงินก็ยิ่งกลัวตาย ดังนั้นพวกตระกูลใหญ่ๆ ต่างพากันประจบสอพลอหมอท่านนี้
“อะไรนะ เขาคือโพธิสุทธิ์เหรอ”
ตอนนี้ปารย์กับทามินีตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขาทั้งสองคิดไม่ถึงว่าคนที่รพีพงษ์โทรไปหาจะเป็นโพธิสุทธิ์
นี่มันน่ากลัวจริงๆ และการที่ปารย์มางานนี้ก็เพราะอยากตีสนิทโพธิสุทธิ์ เพราะตอนนี้ปู่ของเขาป่วยหนัก และรอให้คนไปช่วยชีวิต
และก่อนหน้านี้เขาเคยช่วยโพธิสุทธิ์มาครั้งหนึ่ง แต่เขาไม่เคยเห็นแม้แต่หน้าของโพธิสุทธิ์ ก็โดนไล่ออกมาก่อน
“ขอโทษจริงๆ ครับคุณโพธิสุทธิ์ ผมไม่รู้ว่าเขาคือแขกที่คุณเชิญมาด้วยตัวเอง”
ปารย์ตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบพูดขอโทษ เมื่อรพีพงษ์เห็นโพธิสุทธิ์มาถึง เขาจึงพยักหน้าแล้วพูดกับโพธิสุทธิ์ว่า
“สวัสดีคุณโพธิสุทธิ์”
“คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
โพธิสุทธิ์ร้อนใจขึ้นมาและรีบเอ่ยปากถามรพีพงษ์
“ไม่เป็นไร คุณช่วยจัดการคนพวกนี้หน่อย”
ตอนนี้สีหน้าของรพีพงษ์ไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก เขาไม่อยากเห็นคนพวกนี้อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ได้ครับ ผมจะจัดการพวกเขาเองครับ”
สีหน้าของโพธิสุทธิ์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ตอนนี้เขาแปลกใจมาก ทำไมรพีพงษ์ถึงถือหินอยู่ในมือ
ที่นี่เป็นงานเสวนาด้านสมุนไพร ถ้ารพีพงษ์มาซื้อสมุนไพรก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่ทำไมเหมือนเขาซื้อหินมาหนึ่งก้อนล่ะ
แต่ทว่าโพธิสุทธิ์ไม่ได้ถามอะไร เพราะตอนนี้รพีพงษ์กำลังหงุดหงิดกับปารย์ ทามินีรวมไปถึงรปภ.พวกนี้ด้วย
หลังจากที่ได้ยินทั้งสองคนพูด ทุกคนถึงกับตกใจจนงงไปหมด ท่าทีที่รพีพงษ์คุยกับโพธิสุทธิ์ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รู้จักกันธรรมดา เหมือนกับว่าเขากำลังบอกให้โพธิสุทธิ์จัดการเรื่องนี้อีกด้วย
แถมโพธิสุทธิ์ยังมีท่าทีเห็นด้วยอีกต่างหาก นี่มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก นี่คือโพธิสุทธิ์เชียวนะ
“ขอโทษจริงๆ ครับ”
ปารย์ตกใจเป็นอย่างมาก เดิมทีเขายังหวังว่าจะตีสนิทกับโพธิสุทธิ์ เพื่อที่จะรักษาปู่ของเขา ตอนนี้มันอะไรกัน เขากำลังผิดใจกับโพธิสุทธิ์
“ฉันต้องคิดบัญชีกับพวกนายอย่างแน่นอน ตอนนี้พวกนายรีบไล่สองคนนี้ออกไป!”
โพธิสุทธิ์พูดออกมาทันที เมื่อรปภ.ได้ยินโพธิสุทธิ์พูดออกมาจากปากของตัวเอง พวกเขาจึงไม่กล้ารอช้า
พวกเขาวิ่งเข้าไปโดยไม่สนว่าทามินีจะเป็นผู้หญิง พวกเขาลากอีกฝ่ายไปทางประตู ส่วนปารย์ก็มีจุดจบที่ไม่สวยเช่นกัน เขาโดนกดตัวลงกับพื้น
ตอนนี้ทามินีกับปารย์อับอายเป็นอย่างมาก แต่ทว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย
เพราะฐานะของพวกเขาเทียบกับโพธิสุทธิ์ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เมื่อโพธิสุทธิ์เห็นทั้งสองคนถูกพาตัวออกไป เขาจึงหันกลับมาขอโทษรพีพงษ์
“ขอโทษจริงๆ นะครับ ผมดูแลลูกน้องไม่ดีเอง เลยทำให้คุณเจอเรื่องแบบนี้”
“คุณไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนี้หรอก เรื่องนี้จะว่าคุณก็ไม่ได้ วางใจเถอะ ผมไม่โกรธคุณเพราะเรื่องนี้หรอก”
รพีพงษ์เอ่ยขึ้นมา
“ดีใจที่คุณไม่โกรธผม ไปนั่งข้างบนกับผมดีกว่าครับ”
โพธิสุทธิ์รู้ว่ารพีพงษ์ไม่ใช่คนที่คิดเล็กคิดน้อย ในเมื่อรพีพงษ์พูดว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นอะไรแล้ว จากนั้นเขาจึงพารพีพงษ์ขึ้นไปข้างบน
ภายในห้องชั้นบน ท่านปุณยธรกับนาถินีกำลังนั่งดื่มชากันอยู่ นาถินีถามขึ้นว่า
“คุณปู่ว่าคุณโพธิสุทธิ์จะช่วยเราไหม”
“เธอวางใจเถอะ จากชื่อเสียงของโพธิสุทธิ์ เรื่องนี้ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขาหรอก ถ้าอยู่ในถิ่นของเรา ก็ไม่ต้องให้โพธิสุทธิ์ช่วยหรอก”
ท่านปุณยธรพูดด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
“แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ใครจะไม่รู้ว่าในถิ่นของเรา ตระกูลของเรามีชื่อเสียงทางด้านยาแพทย์”
นาถินีพูดด้วยสีหน้ายโสโอหัง
“ถ่อมตนหน่อย นี่เราอยู่ในที่ของโพธิสุทธิ์ ชื่อเสียงของโพธิสุทธิ์เป็นที่โด่งดังที่นี่ พวกเราอย่าแสดงออกเยอะ”
ท่านปุณยธรหัวเราะออกมาทันที เขาคิดว่าในเมืองนี้โพธิสุทธิ์มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แต่ถ้าเป็นถิ่นของเขา ชื่อเสียงของพวกเขาก็ไม่น้อยไปกว่าโพธิสุทธิ์
“ฉันหวังว่าโพธิสุทธิ์จะสามารถเอาตัวไอ้หมอนั่นมาอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันอยากถามว่ามันมีสิทธิ์อะไรที่ไม่ขายสมุนไพรให้ฉัน!”
นาถินีพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ห่างจากท่านปุณยธรและนาถินีไม่ถึงสิบเมตร รพีพงษ์กับโพธิสุทธิ์กำลังเดินเข้ามา สีหน้าของโพธิสุทธิ์เต็มไปด้วยความยิ้มแย้ม
“ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านสมุนไพร เป็นเพื่อนที่มาจากอีกเมือง เดี๋ยวผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก ไม่แน่ตระกูลของเขาอาจจะมีสิ่งที่คุณต้องการก็ได้”
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินก็พยักหน้าแล้วพูดว่า
“งั้นรบกวนคุณด้วยแล้วกัน”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เป็นเรื่องที่ผมควรทำเพื่อคุณครับ”
โพธิสุทธิ์หัวเราะออกมา ในความคิดของเขา ทักษะทางการแพทย์ของรพีพงษ์เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุด
ถึงเขาจะนับถือรพีพงษ์เป็นอาจารย์ ก็ถือว่าเป็นเกียรติกับเขา ต่อหน้ารพีพงษ์เขาเป็นแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น เขาไม่ใช่ปรมาจารย์ด้านสมุนไพรที่มีชื่อเสียงอะไรเลย
แน่นอนว่าการที่รพีพงษ์มาที่นี่ เป้าหมายหลักของเขาคือต้องการมาหาสมุนไพรที่เหมือนกับหญ้าบริสุทธิ์และหินก้อนนี้ เขาคิดว่าเป็นการได้รับมาโดยบังเอิญ
ไม่นานทั้งสองเดินเข้ามาถึงหน้าประตู
โพธิสุทธิ์ผลักประตูและเดินนำรพีพงษ์เข้ามาในห้อง
นาถินีหันมามองทางประตู สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที เธอพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ทำไมถึงเป็นนาย”
ตอนนี้นาถินีคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่โพธิสุทธิ์พามาจะเป็นไอ้คนจนที่มีหญ้าบริสุทธิ์อยู่ในมือ
ท่านปุณยธรลุกขึ้นมาทันที เขาเดินเข้ามากุมมือโพธิสุทธิ์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น จากนั้นจึงพูดขึ้นมาว่า
“ไม่เสียแรงที่เป็นคุณโพธิสุทธิ์ เมื่อคุณช่วยพูดก็ได้ผลทันที เอาสมุนไพรมาให้ผมได้เร็วขนาดนี้เลยนะครับ”
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินสิ่งที่ชายชราคนนี้พูด ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ส่วนโพธิสุทธิ์กลับอึ้งไป
เขาไม่รู้ว่าท่านปุณยธรกำลังหมายความว่าอะไร จึงหันไปพูดกับรพีพงษ์
“นี่คือตระกูลที่ผมบอกคุณว่าทำเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพร เขาเป็นคนที่อยู่อีกเมือง พวกคุณสามารถพูดคุยกันได้ บางทีพวกเขาอาจจะมีสิ่งที่คุณต้องการ”