พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1171 ของตระกูลพวกเรา

บทที่ 1171 ของตระกูลพวกเรา

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ รพีพงษ์ก็นิ่งอึ้งไปทันที เขาคาดไม่ถึงว่าโรงแรมแห่งนี้จะเป็นของตระกูลตัวเอง

เขาบอกเรื่องราวที่ตัวเองประสบอยู่ให้เส้นไหมฟังหนึ่งรอบ ให้เส้นไหมรีบจัดการอย่างรวดเร็ว และอย่าได้เปิดเผยฐานะตัวตนของเขา

ต่อจากนั้นเขาก็วางสายโทรศัพท์ในมือของตัวเอง เรื่องนี้ง่ายเกินไปสำหรับเส้นไหมแล้ว

ต่อจากนั้นเขาก็โทรหาพ่อบ้านของในบ้านอีกครั้ง สำหรับภาพลักษณ์เขามีต่อวิลเลียมนั้นลึกซึ้งมาก วิลเลียมไม่เหมือนทายาทเศรษฐีธรรมดา รพีพงษ์มองแวบเดียวก็มองออก คนคนนี้มีความทะเยอทะยานที่ใหญ่เป็นอย่างยิ่ง

โดยเฉพาะยาพิษที่วิลเลียมเคยใช้ตรงหน้าโพธิสุทธิ์ก่อนหน้านี้ เขาจดจำไว้ในใจเสมอ

ความจริงเขาจำได้คลับคล้ายคลับคลา ตอนเด็กๆตอนที่เขาอยู่ในบ้าน เคยได้ยินตระกูลวอลบิลซีเป่ยอะไรนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นตระกูลที่ชอบใช้ยาพิษ

เพียงแต่ว่าต่อมาก็ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้อีกเลย ก็เหมือนกันตระกูลวอลบิลได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยในโลกมนุษย์ สันนิษฐานว่าต่อให้ตอนนี้พ่อบ้านอาจจะจำเรื่องราวตอนนั้นของตระกูลวอลบิลได้

แต่ว่าเขายังต้องตรวจสอบ โดยเฉพาะหลังจากที่เขารู้แล้วว่าตระกูลวอลบิลอยู่ที่ซีเป่ย ก็ยิ่งตรวจสอบได้ง่ายมากขึ้น

ในห้องวีไอพีในเวลานี้ผู้จัดการยังถือได้ว่ามีความอดทนอยู่บ้าง เนื่องจากสามารถเข้ามาในห้องวีไอพีห้องนี้ก็ไม่มีทางเป็นคนธรรมดา และยังมีบางคนแม้แต่เจ้านายพวกเขาปรากฏตัวก็ต้องนอบน้อม

ต่อให้รพีพงษ์จะแต่งตัวได้ธรรมดาแค่ไหน แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาเคยเห็นทายาทเศรษฐีแต่งตัวธรรมดามาจำนวนมากมาย

ในไม่ช้าเขาก็เห็นรพีพงษ์กลับมาถึงที่ห้องวีไอพีอีกครั้ง

“โทรศัพท์เสร็จแล้วเหรอ?”

ทันทีที่รพีพงษ์เดินเข้ามา อารียาก็เอ่ยปากถามในทันที

เธอคาดเดาได้ว่ารพีพงษ์คงจะมีวิธีจัดการกับปัญหานี้อย่างแน่นอน

“ฮ่าๆ ไอ้หมอนี่ไปโทรศัพท์มีประโยชน์ เขาก็เป็นแค่เศษสวะเท่านั้นเอง พวกเธอก็ยังต้องชดใช้เงินอยู่ดี ดังนั้นสู้ให้เขารีบคุกเข่าให้จารุดาไม่ดีกว่าเหรอ ให้จารุดาไปขอร้องวิลเลียมให้ช่วยพวกเรา!”

โสรญาเอ่ยปากพูดทันที และจารุดาก็เต็มไปด้วยท่าทางที่ได้ใจ เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึง

รพีพงษ์นะรพีพงษ์ ตอนนั้นที่แกตบหน้าฉัน ก็ไม่เคยคิดว่าแกจะมีวันนี้ใช่มั้ย

แต่ไม่นานโทรศัพท์ของผู้จัดการที่ยืนอยู่ข้างๆก็ดังขึ้นมา เขารีบรับสายอย่างนอบน้อม

นั่นเป็นโทรศัพท์ที่โทรมาจากเจ้านาย เห็นเพียงเขาพยักหน้าต่อปลายสายอีกหนึ่งอย่างเคารพ เหงื่อเย็นบนหน้าผากก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากที่เขาวางโทรศัพท์ เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดกับทุกคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างนอบน้อม

“เรียนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอโทษด้วยจริงๆ วันนี้พวกคุณไม่ต้องชดใช้ภาพวาดนี้แล้ว ที่สำคัญค่าอาหารที่พวกคุณรับประทานในวันนี้พวกเราก็จ่ายแล้ว”

หลังจากพูดจบเขาก็โค้งคำนับอย่างลึกซึ้งแล้วหันหลังจากไป ใบหน้าของพนักงานที่เดิมที่ยืมรออยู่ที่ข้างนอกก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาตามหลังผู้จัดการไปแล้วเอ่ยปากถาม

“ผู้จัดการ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมจู่ๆก็ให้มันแล้วๆไป?”

“หรือว่าแบบนี้ก็ไม่ให้มันแล้วๆไป แกยังจะรอให้ตกงานเหรอ? รีบไสหัวไปทำให้ฉันเดี๋ยวนี้!”

ในเวลานี้ในใจของผู้จัดการเต็มไปด้วยความโชคดี โชคดีที่เมื่อกี้นี้ตัวเองมีความอดทนที่เพียงพอ ไม่ได้พูดจารุนแรงต่อคนเหล่านี้

ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะถูกไล่ออกไปแล้ว หรือว่าผู้ชายที่แต่งตัวเรียบง่ายเมื่อกี้นี้จะโทรหาใครสักคนแล้วจริงๆเหรอ?

แต่นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? ผู้ชายที่ชื่อว่ารพีพงษ์คนนี้จะรู้จักกับเจ้านายของพวกเขาได้อย่างไร?

ในเวลานี้ทุกคนในห้องวีไอพีก็นิ่งอึ้งอยู่ที่เดิมไปทั้งหมด พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

“นายโทรหาหญิงสาวคนนั้นที่อยู่ด้วยกันกับนายในรูปภาพก่อนหน้านี้ใช่มั้ย?”

ในขณะนี้เหมือนจารุดาจะคิดอะไรบางอย่างออกมา ชี้ไปที่รพีพงษ์แล้วตะโกนทันที

และเมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของจารุดา ในใจกลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ

เขาไม่มีความจำเป็นที่ต้องโทรหาคนอื่น เพราะเขาก็เป็นคนที่แข็งแกร่งมากที่สุด!

แต่เมื่อจารุดาพูดแบบนี้ ทุกคนก็ดูเหมือนจะดึงสติกลับมาได้ ศักดาก็รู้สึกว่าตัวเองขายขี้หน้าแก่ๆมาก เอ่ยปากตะโกนด้วยความโกรธทันที

“รพีพงษ์ แกทำให้ครอบครัวพวกเราขายขี้หน้ามากจริงๆ ไม่นึกเลยว่าแกจะโทรศัพท์หาผู้หญิงที่แกคบหาอยู่ข้างนอก!”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยินคำพูดของศักดาก็ขมวดคิ้วทันที

“พอได้แล้วๆ อารียาวันนี้ลูกต้องฟังน้า รีบหย่ากับเศษสวะอย่างรพีพงษ์ซะ!”

โสรญาก็ดึงอารียาไปที่ด้านนอกประตู

แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะไม่เหมือนกับความคิดของตัวเอง แต่ว่าสามารถบีบคั้นให้ทั้งครอบครัวกลายเป็นแบบนี้ได้ ในใจของจารุดาก็เต็มไปด้วยความได้ใจ

อย่างไรก็ตามในความคิดของเธอสักวันหนึ่งในไม่ช้าก็เร็วรพีพงษ์จะคุกเข่าขอความเมตตาต่อเธอ

ในเวลานี้ ใต้อาคารใหญ่แห่งหนึ่ง เฟอร์รารี่คันหนึ่งที่ได้รับการปรับแต่งอย่างสมบูรณ์ก็จอดลงมาแบบนี้ คนที่เดินลงมาจากรถไม่ใช่คนอื่นที่ไหน ก็คือนลิน

หลังจากที่ก่อนหน้านี้นลินตามรพีพงษ์มาถึงเมืองแห่งนี้แล้ว ก็เที่ยวเล่นไปทั่วมาโดยตลอด และในเวลานี้ก็ค่อนข้างเบื่อหน่าย ก็เตรียมตัวจะไปเดินเล่นอย่างสบายๆ

ตอนนี้เธอยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองกลายเป็นคนที่เลี้ยงดูรพีพงษ์แล้ว แต่ว่านี่ก็ถือได้ว่าสำเร็จภารกิจที่ปู่ของตัวเองมอบให้ตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอ?

หลังจากที่กลับมาจากโรงแรม เวลาก็ดึกมาแล้ว รพีพงษ์ก็ตรงกลับไปที่ห้องของตัวเอง

ก่อนหน้าอยู่ที่ทุ่งยาสมุนไพร รพีพงษ์ก็ได้มอบจอกหนูที่อยู่บนร่างกายให้กับเส้นไหมแล้ว ให้เขาเพาะปลูกอย่างดี แต่ก้อนหินก้อนนั้นเขากลับนำกลับมา

ในขณะนี้เขากำลังเล่นอย่างระมัดระวังอยู่ในห้อง ก้อนหินที่ใช้มาบดขยี้ยาแบบนี้ก็ถูกจัดลำดับเช่นกัน และก้อนที่อยู่ในมือของเขาในเวลานี้ เทียบเท่ากับเป็นก้อนที่ดีที่สุดในบรรดาก้อนที่ดีที่สุด

การประชุมแลกเปลี่ยนในครั้งนี้เขาได้กำไรเป็นอย่างมาก เนื่องจากก้อนหินแบบนี้ผ่านการขัดมาหลายปี ถึงได้ขัดให้เงาออกมากลายเป็นลักษณ์แบบนี้

ตอนที่บดยาสมุนไพร แทบจะไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียสรรพคุณทางยาแม้แต่น้อย

เพียงแต่เมื่อนึกถึงการประชุมแลกเปลี่ยน ในหัวสมองของรพีพงษ์ก็อดไม่ได้ที่จะปรากฏเหตุการณ์ที่โพธิสุทธิ์คุกเข่าให้กับวิลเลียม

ในขณะนี้จู่ๆรพีพงษ์ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องตัวเองหนึ่งครั้ง ต่อจากนั้นก็ได้เสียงตะคอกของโสรญา

“รพีพงษ์แกไม่ต้องหลบแล้ว ฉันรู้ว่าแกอยู่ข้างใน! ทางที่ดีแกควรจะจำไว้ พรุ่งนี้ก็ไปทำเรื่องหย่ากับอารียา และรีบไสหัวออกจากบ้านของพวกเราซะ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท