พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1199 ธีรพัฒน์ลงมือ

บทที่ 1199 ธีรพัฒน์ลงมือ

“น่าเสียดายนะ บนโลกจนถึงตอนนี้น่ะยังไม่มีใครทำยาชั้นเทพออกมาได้เลย” พอพูดถึงตรงนี้ ธีรพัฒน์อดรู้สึกเสียใจไม่ได้

“ผู้อาวุโสไม่ต้องเสียใจไปหรอกครับ ผมเชื่อว่า ประเทศจีนกว้างใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีคนแบบนี้แน่” รพีพงษ์บอก

ธีรพัฒน์พยักหน้า ยิ่งมองชายหนุ่มตรงหน้ายิ่งชอบ

“ใช่ ผมเสียใจ ประเทศจีนของเราคงอยู่ยาวนานมาหลายพันปี ทุกครั้งที่เจอปัญหา มักจะมีคนกระโดดออกมาสู้มัน!” ธีรพัฒน์บอก

รพีพงษ์พยักหน้า สองมือกอดอก “ผู้อาวุโส ผมต้องไปก่อนละ พ่อตากับไอ้อ้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส แถมอารียายัง…”

“อารียา? ภรรยาคุณล่ะสิ เธอทำไมหรือ?” ธีรพัฒน์ถาม

รพีพงษ์เล่าเรื่องอารียาโดนพิษยาเปลี่ยนวิญญาณให้กับธีรพัฒน์

“ยาเปลี่ยนวิญญาณ?” ธีรพัฒน์ขมวดคิ้วแน่น “พอพิษยาชนิดนี้กำเริบ ฤทธิ์มันจะแรงมาก ใครก็ช่วยไม่ได้”

รพีพงษ์ได้ยินธีรพัฒน์พูดแบบนี้ ในใจอดเศร้าไม่ได้

ธีรพัฒน์เห็นโลกมามาก ความรู้กว้างไกล เขายังพูดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ายาเปลี่ยนวิญญาณมีฤทธิ์ร้ายแรง

แค่ไหน

“ไป อย่ารอช้าเลย คุณรีบพาผมไป บางทีผมอาจจะพอช่วยอะไรได้” ธีรพัฒน์บอก

รพีพงษ์พยักหน้า รีบเคลื่อนตัว

ชุติเทพอยู่ที่เกียวโต

อารียาสีหน้าร้อนรน

บนเตียงคนป่วย ไอ้อ้วนกับศักดานอนอยู่ตรงนั้น

ดูแล้วอาการไอ้อ้วนจะดีขึ้นหน่อย เพราะเป็นยอดฝีมือลมปราณ พอได้พักผ่อนซะหน่อย เขาก็ได้สติกลับมา

“ไอ้หยา พี่สะใภ้ แม่เลี้ยงพี่นี่ลงมือหนักไปแล้วนะ!” ไอ้อ้วนพูดอย่างเจ็บปวด

“พูดน้อยๆหน่อย แกได้รับบาดเจ็บที่อวัยวะภายใน กินยาชามนี้ลงไปจะช่วยฟื้นฟูอวัยวะภายในของแก” ชุติเทพบอก

ไอ้อ้วนรับยามา เบ้ปากบ่น “ยาชามนี้ดำมืดเชียว กินได้แน่หรือเนี่ย?”

“เหอะ แกนี่พูดจาไม่ดีเลยนะ ยาที่อาจารย์ฉันปรุงขึ้นมาแกยังกล้าเบ้ปากใส่อีก? ไม่กินก็เอามา! ตายขึ้นมาก็สมน้ำหน้า!” เจสสิก้าเบ้ปากบอก

“ผมก็แค่บ่นเท่านั้นเอง ไม่ได้บอกไม่กินซะหน่อย”

ไอ้อ้วนโอดครวญ ก่อนกลั้นใจดื่มไปหนึ่งอึก แทบจะอาเจียนเอาชาติก่อนชาตินี้ออกมาเลยทีเดียว

“นี่…ขมชะมัดเลย” ไอ้อ้วนขมวดคิ้วเบ้ปาก

“ถ้าแกไม่อยากพรุ่งนี้หลอดเลือดแตกตาย ก็กินซะ” ชุติเทพพูดอย่างเย็นชา

“เอ่อ….” ไอ้อ้วนสีหน้ากล้ำกลืนฝืนทน ยามันขมเกินไปแล้ว

“เอ้า เอานี่ไป น่าจะดีขึ้นหน่อย”

เจสสิก้ายื่นมือให้ไอ้อ้วน

“ลูกอมกระต่ายยักษ์?”ไอ้อ้วนบอกอย่างดีใจ

โยนลูกอมเข้าไป บางทีอาจทำให้ไม่ขมขนาดนั้นแล้วก็ได้

ใบหน้าไอ้อ้วนยิ้มละไม ก่อนนี้ยังเถียงคอเป็นเอ็น ไม่คิดว่าจะใจดีขนาดนี้

หรือว่าเธอชอบฉันแล้ว?

ไอ้อ้วนแอบคิดในใจ แต่เจสสิก้ากลับทำลายความคิดนี้ของเขาอย่างรวดเร็ว

“ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่านายสนิทกับรพีพงษ์ ฉันไม่สนใจนายหรอก” เจสสิก้าเบ้ปากบอก

พูดถึงรพีพงษ์ อารียาสีหน้าเป็นกังวลมาก

คิดๆดูแล้ว ผ่านไปหลายชม.แล้ว แต่รพีพงษ์ยังไม่กลับมาเลย

“รพีพงษ์ นายต้องกลับมาอย่างปลอดภัยนะ!” อารียาภาวนาในใจ

ในที่สุดไอ้อ้วนก็ดื่มยาชามนี้หมด “มีลูกอมกระต่ายยักษ์ อยู่ด้วย ดูเหมือนจะกล้ำกลืนไม่ยากเท่าไหร่“อาการไอ้อ้วนไม่เท่าไหร่ ขอแค่ดื่มยาตามเวลาทุกวัน อีกสามเดือนก็กลับเป็นปกติละ” ชุติเทพบอก

“เพียงแต่ว่า พ่อของเธอ…” ชุติเทพหันไปมองทางศักดาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าลำบากใจ

“หมอชุติเทพ หมอช่วยเขาได้ไหม? ทุกคนรู้กันดีว่า คุณเป็นหมอชื่อดังของประเทศจีน ไม่มีคนไข้ที่คุณรักษาไม่ได้” อารียาบอก

“พ่อคุณบาดเจ็บสาหัสมาก เกินกว่าที่วิชาแพทย์ของผมจะรักษาได้ พูดตามตรงนะ ที่เขานอนอยู่นี่แทบไม่ต่างกับคนตายแล้ว เพียงแต่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้น ผมคิดว่าอีกไม่เกินสิบนาที ลมหายใจของเขาคงขาดลง” ชุติเทพบอก

พอได้ยินอย่างนี้ อารียาน้ำตารื้นขึ้นมาทันที

ต่อให้ศักดาไม่ใช่พ่อแท้ๆของเธอ แต่อยู่ด้วยกันมายี่สิบกว่าปี จะบอกว่าไม่มีความผูกพันเลยมันเป็นไปไม่ได้หรอก

“คุณหนูอารียา ทำใจเถอะครับ ผม…ช่วยไม่ได้จริงๆ” ชุติเทพบอก

ในฐานะเพื่อนของรพีพงษ์ ชุติเทพต้องทำการช่วยเหลือสุดความสามารถแน่ๆ แต่ที่ศักดาโดนคือฝ่ามือของยอดฝีมือฮั่วจิ้งชั้นสูงสุด มันไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะรับได้เลย

การที่ยังหลงเหลือลมหายใจอยู่นี่ ต้องบอกเลยว่าร่างกายศักดาแข็งแรงมากจริงๆ

ในตอนที่ทุกคนเริ่มเศร้า มีเสียงคนแก่คนหนึ่งดังเข้ามา

“ให้ผมดูหน่อยละกัน”

ทุกคนหันกลับไปมองนอกประตู แต่ไม่เห็นร่างใครเลย

ผ่านไปหนึ่งนาที รพีพงษ์กับธีรพัฒน์ก็มาถึง

“รพีพงษ์!” พอเห็นรพีพงษ์โผล่มา อารียาทนไม่ไหว โดดเข้าอ้อมกอดรพีพงษ์ทันที

“วางใจเถอะ อารียา ผมไม่เป็นไร ผมกลับมาแล้ว”

รพีพงษ์กอดปลอบพลางลูบหลังอารียา

เดิมเห็นรพีพงษ์มา เจสสิก้าจะเข้าไปทักทาย พอเห็นฉากอารียากับรพีพงษ์ เธอเลยไม่กล้าเข้าไปทักแล้ว

“คนนี้คือ?” ชุติเทพมองไปทางธีรพัฒน์พลางเกริ่นถาม

พอเขาเห็นออร่าไม่ธรรมดาของธีรพัฒน์ ก็รู้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา

“ผมธีรพัฒน์ พอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง รพีพงษ์วานผมมาดูหน่อย” ธีรพัฒน์บอก และเดินมาข้างเตียงศักดา

มือหนึ่งวางจับชีพจรข้อมือศักดา ธีรพัฒน์หลับตาลงรับรู้อาการบาดเจ็บในตัวศักดา

“ผู้อาวุโส พ่อฉันยังมีทางรักษาไหมคะ?” อารียาถาม

ธีรพัฒน์ไม่ได้พูดอะไร ยังคงหลับตาแน่น

“ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งหรือเปล่า อาจารย์ฉันยังบอกไม่มีทางเลย แล้วเขามี?” เจสสิก้าเบ้ปากบ่น

“เจสสิก้า อย่าเสียมารยาท!” ชุติเทพบอก

อีกด้าน รพีพงษ์รู้ฝีมือธีรพัฒน์ดี ในเมื่อเขารับปากว่าจะช่วย เขาต้องมีทางแน่

สามนาทีผ่านไป ธีรพัฒน์ถึงลืมตาขึ้น และเงยหน้าช้าๆ

“ปัญหาไม่ใหญ่ แค่ต้องพักผ่อนมากๆ หนึ่งเดือนให้หลังก็ลงจากเตียงได้แล้ว”

“อะไรนะ? พักผ่อนให้มาก?”

คราวนี้แม้แต่ชุติเทพยังอึ้งลุกขึ้นเลย

อาการศักดาเห็นได้ชัดว่าลมหายใจอ่อนมาก ใกล้จะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อแล้ว จะพักผ่อนมากๆได้ยังไง?

เพราะพวกเขาเห็นแค่ธีรพัฒน์จับชีพจรศักดา แต่ไม่รู้กันเลยว่า ในระหว่างที่จับชีพจรนั่น ธีรพัฒน์ได้ถ่ายทอดปราณทิพย์เข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บของศักดาในตัวด้วย

รพีพงษ์รู้สึกได้ ไม่เพียงแค่นี้เขายังรู้สึกได้ว่าธีรพัฒน์รักษาวิชาพิษกู่ในตัวศักดาก่อนหน้านี้ออกไปด้วย

“ฉันสงสัยว่าคุณกำลังหลอกพวกเราหรือเปล่า คุณไม่ได้ใช้ยาอะไรเลย เขาจะอาการดีขึ้นได้ยังไง?” เจสสิก้าเดินเข้ามาพูด

ธีรพัฒน์บอกยิ้มๆ “หนูน้อย เรื่องบางเรื่องเธอยังไม่สามารถเข้าใจได้ ไว้รอโตแล้วจะเข้าใจเองนะ”

“หนูน้อยอะไร ฉันเกินสิบแปดแล้วนะ” เจสสิก้าเถียงอย่างไม่ยอม

ธีรพัฒน์ยิ้มไม่ต่อความ

ถ้าให้เจสสิก้ารู้ว่า ตัวเขาอยู่มาสองร้อยกว่าปีแล้ว เจสสิก้าคงตกใจตัวสั่นแน่

“ฮึ รพีพงษ์ นายหาใครมาน่ะ ทำไมชอบพูดจาโอ้อวดเหมือนนายเลย” เจสสิก้าพูด

“ผมไม่เคยพูดโอ้อวด” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม “ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็เข้าไปจับชีพจรศักดาตรวจดูสิ”

“จับก็จับสิ”

เจสสิก้าเถียงคอเป็นเอ็น

พอเธอยื่นมือจับชีพจรศักดาจริงๆ ก็อุทานอย่างตกใจออกมาว่า “อาจารย์ นี่…เขารอดแล้ว!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน