พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1196 ระดับต้นแดนเทพ

บทที่ 1196 ระดับต้นแดนเทพ

พอฝุ่นเริ่มจางลง จิตของรพีพงษ์ก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาหน่อย

เขาลุกขึ้นยืน สายตาคมปลาบมองไปด้านหน้า

จากนั้น นอกจากรูโหว่ขนาดใหญ่ที่กำแพงตรงกันข้ามสองสามอันก็ไม่มีแม้แต่เงาของโจซี่เลย

กระบี่สยบเซียนโดนเก็บเข้าที่ รพีพงษ์เดินไปข้างหน้าสองก้าว ก่อนปล่อยจิตวิญญาณเทพของเขาปกคลุมทั่วทั้งห้องโถง

จากนั้น ทั่วทั้งห้องโถงไม่มีใครอื่นเลย รพีพงษ์เองจับกระแสจิตโจซี่ไม่ได้เลยด้วย

“หรือว่า หล่อนจะกลายเป็นเถ้าธุลีไปแล้ว?”

รพีพงษ์คิดพลางเดินไปที่กำแพงฝั่งตรงข้าม

ทันใดนั้นเขาหันหัวกลับมาอย่างรวดเร็ว

ภายใต้จิตวิญญาณเทพ เขารับรู้จิตได้ว่ามีคนอยู่ด้านหลัง

“เหอะเหอะ รพีพงษ์ แกเก่งมากจริงๆ แต่ถ้าคิดว่าแค่นี้จะฆ่าฉันได้ล่ะก็ ดูจะดูถูกฉันไปหน่อยแล้วล่ะ”

ด้านนอกห้องโถง เสียงโจซี่ลอยมา ใบหน้าเธอเผยรอยยิ้มซึ่งมีเลือดสดไหลจากมุมปาก

เห็นได้ชัดว่า การปะทะกันเมื่อกี้ทำเอาบาดเจ็บไม่น้อยเลย

“ฝีมือแกเองก็ไม่เลว”

รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชา เขารวบรวมสติ เตรียมรับศึกยกต่อไป

จิตวิญญาณเทพของเขาพึ่งจะผสานกับมังกรทอง ซึ่งเขาใช้มันไปกว่าครึ่งแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้เป็นศึกที่ยากที่สุดเท่าที่รพีพงษ์เคยเจอมาเลย

แต่รพีพงษ์กลับตั้งตารอคอยมาก เพราะทุกการต่อสู้กับคู่ต่อสู้เก่งๆ นอกจากจะช่วยเพิ่มประสบการณ์การต่อสู้แล้ว ยังช่วยเพิ่มพูนระดับแดนของตนได้เร็วมากด้วย

“ที่นี่เล็กเกินไป แสดงพลังได้ไม่เต็มที่ ลูกเขย ถ้าเก่งก็ออกมาสู้กับแม่ข้างนอก” โจซี่ยิ้มกระเซ้าบอก

“ตามสบาย”

รพีพงษ์ตอบรับเสียงเย็นชา “ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ผลก็เหมือนกัน คนทวีปโอชวินต้องตาย!”

ต้องฆ่าคนทวีปโอชวินนี่ไม่เพียงเป็นสิ่งที่รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ แต่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเขาด้วย!

คนฉลาดไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ สำหรับฐานะของอีกฝ่าย ทั้งโจซี่กับรพีพงษ์ต่างรู้ดีแก่ใจด้วยกันทั้งคู่

“ดี ถ้าแน่จริงก็ตามฉันมา!”

ระหว่างพูด โจซี่เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย หมุนตัววิ่งออกไปข้างนอก

รพีพงษ์รีบตามไป ภายในไม่กี่อึดใจ ทั้งคู่ก็ออกมาถึงพื้นที่รกร้าง

“นี่ ที่นี่กว้างพอละ เล่นเป็นเพื่อนแกได้ละ พ่อลูกเขย” โจซี่ยืนอยู่บนพื้นหญ้า พูดเสียงเรียบ

รพีพงษ์กวาดตามองรอบด้าน จิตวิญญาณเทพแผ่ซ่านกระจายไปในระยะห้าลี้ ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ

“จริง” รพีพงษ์มองโจซี่ด้วยสายตาราบเรียบ “ที่นี่ทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม มีทั้งน้ำและภูเขา เหมาะจะทำเป็นสุสานให้แกมากเลย!”

“ไอ้เด็กบ้า กล้าหัวเราะเยาะฉัน!”

โจซี่พูดอย่างโกรธแค้น สถานที่ที่ตนเลือกนี่กลับโดนหาว่าจะเป็นสุสานตน หมอนี่อวดดีมากไปไหม!

“พูด คนทวีปโอชวินอย่างพวกแกมาที่นี่ มีเป้าหมายอะไรกันแน่!” รพีพงษ์ชี้ไปที่โจซี่พลางว่า

โจซี่ไม่โกรธกลับยิ้ม “ไอ้เด็กบ้า แกพูดจาแบบนี้กับแม่ยายแกหรือไง?”

“แม่ยาย? เหอะ ถึงฉันจะไม่แน่ใจว่าแกมาทำอะไรที่บ้านลัดดาวัลย์เรา แต่ในฐานะคนทวีปโอชวินอย่างแก ในเมื่อกล้ามาที่นี่ ก็ต้องตายเท่านั้น!” รพีพงษ์บอก

โจซี่เดินไปเดินมาหลายก้าว ดูไม่แคร์เท่าไหร่ “แกเผยไพ่ตายออกมาหมดแล้ว ถ้าฉันเดาไม่ผิด พลังจิตวิญญาณเทพของแกน่าจะเสียหายไม่น้อยล่ะสิ เป็นยังไง แกคิดว่าตอนนี้แกยังพูดกับฉันแบบนี้ได้หรือไง?”

“ไพ่ตาย?”

รพีพงษ์ยิ้มมุมปาก “ในเมื่อเป็นไพ่ตาย จะให้แกเห็นได้ไงล่ะ?”

ระหว่างพูด พลังในตัวรพีพงษ์เริ่มแล่นพล่าน พลังเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

“นี่…เป็นไปได้ยังไงกัน?”

โจซี่ตกใจมาก ก่อนจะหรี่ตามองรพีพงษ์เขม็ง “ที่แท้เจ้าเด็กนี่มีวิชาลับเพิ่มพลังระยะหนึ่ง”

ศึกนี้เป็นการเผชิญหน้าคนทวีปโอชวินครั้งแรกหลังได้รับสืบทอดจิตวิญญาณมารชูรามา

ตั้งแต่ตอนอยู่ในทะเลสาบแล้วที่รพีพงษ์รับปากจอมมารว่า จะทำลายล้างคนทวีปโอชวินที่กล้ามาโลกทุกคน โดยไม่แคร์ว่าจะสละชีวิตตนหรือไม่

การผสมผสามวิชาลับ ทำให้พลังรพีพงษ์พุ่งขึ้นถึงระดับครึ่งแดนเทพ

จากนั้น รพีพงษ์รู้สึกว่ามีพลังไร้รูปร่างในตัวคอยพยุงร่างกายตนไว้

เขาที่เป็นร่างเทพชูราแล้ว พลังที่ร่างเนื้อสามารถทานรับไว้เพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่รู้เท่าไหร่

ขาที่ก้าวเท้าเข้าแดนเทพไปครึ่งก้าวแล้ว รู้สึกว่ามันยังไม่พอ

พลังเพิ่มขึ้นไม่หยุดหย่อน รพีพงษ์กัดฟันอดทน

ต้นไม้รอบข้างโดนขุดรากถอนโคนภายใต้บรรยากาศแบบนี้ ต้นหญ้าต่างๆลอยปลิวกันว่อน!

รพีพงษ์ส่งเสียงหวีดยาว

ระดับต้นแดนเทพ!

ถ้าการก้าวเท้าเข้าแดนครึ่งดั่งเทพคือสูงกว่าระดับสุดฮั่วจิ้งขึ้นมาหน่อย ถ้าอย่างนั้นระดับต้นแดนเทพก็ถือเป็นการเข้าสู่แดนเทพจริงๆ

พลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เขากำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว จนสามารถรับรู้ถึงพลังมหาศาลของตนได้อย่างชัดเจน

“นี่คือพลังแดนเทพหรือเนี่ย? รู้สึกดีชะมัดเลย!”

รพีพงษ์แอบร้องในใจอย่างลิงโลด สายตาดูชัดเจนขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนัก

“ระดับต้นแดนเทพ!”

สายตาโจซี่เริ่มเครียดขึ้นมา

วิชาลับมีผลต่อการเพิ่มพลังของรพีพงษ์มากขนาดนี้ มันเป็นสิ่งที่โจซี่คาดไม่ถึงเลย

“แกไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉัน ยอมแพ้เถอะ!”

มือถือกระบี่สยบเซียนแน่น รพีพงษ์ขมวดคิ้วเกร็ง น้ำเสียงเข้มแต่นุ่มขรึมมาก

“แกนี่ จะอวดดีเกินไปแล้วนะ!”

โจซี่กัดฟันพูด

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นแกก็ไปตายซะเถอะ”

กระบี่สยบเซียนปล่อยออกมา ทอประกายแสงไปไกลมาก

ในเวลาเดียวกัน พลังจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขาและแม่น้ำ

โจซี่ขยับตัวอย่างรวดเร็ว อยากจะหนี ทันใดนั้น ปรากฏของสีดำทะมึนกลางท้องฟ้า

นั่นไม่ใช่เมฆดำ แต่เป็นหินก้อนใหญ่ของภูเขาและแม่น้ำ!

ภายใต้การขับเคลื่อนของพลังจิตวิญญาณเทพ แผ่ซ่านไปทั่ว สุดท้ายมารวมกันเหนือหัวโจซี่ปกปิดท้องฟ้ามืดมิด!

“ปล่อย!”

รพีพงษ์สั่งการออกมา ก้อนหินทั้งหมดร่วงหล่นใส่หัวโจซี่ทันที

กระบี่สยบเซียนแทงเข้าที่หน้าอกอย่างจัง

วิชามังกรเลื้อย!

ท่าไม้ตายรพีพงษ์ปล่อยออกมาหมดไปทุกทิศทาง

มังกรทองเก้าตัวขดตัวรายล้อมรอบตัวรพีพงษ์ รพีพงษ์ที่มีพลังจิตวิญญาณเทพพุ่งเข้าหาโจซี่อย่างไม่เกรงกลัว

รพีพงษ์เชื่อท่านี้ต้องฆ่าได้แน่!

เข้าแดนครึ่งดั่งเทพกับระดับต้นแดนเทพ ระดับมันห่างกันเกินไป ฝีมือก็ห่างกันราวฟ้ากับเหว

ดูจากคุณสมบัติแล้ว นี่เป็นก้าวแรกที่มนุษย์จะเปลี่ยนเป็นเทพ แต่ก็เป็นก้าวที่ยากที่สุด

มีบางคนใช้ทั้งชีวิตก็ไม่สามารถก้าวผ่านเข้าแดนเทพได้

ภายใต้แรงกดดัน สองขาของโจซี่ติดตรึงอยู่ในรอยเท้าหนักๆบนพื้น เสื้อผ้าเธอฉีกขาดจนได้เลือด

“ไปตายซะ! โลกของพวกเราไม่ใช่ที่ที่แกจะมาทำอะไรก็ได้!” รพีพงษ์ออร่าแผ่กระจาย

พอเห็นโจซี่ทำท่าจะรับไม่ไหว มุมปากเธอก็มีเลือดไหลออกมามากขึ้นกว่าเดิม

แต่ในตอนที่จะเอาชีวิตเธอ รพีพงษ์ค้นพบอย่างน่าตกใจว่า สีหน้าโจซี่ไม่ได้มีร่องรอยตื่นเต้นอะไร กลับเป็นรอยยิ้มหยัน

“น่าสนุกดี สามารถบีบฉันจนถึงขั้นนี้ได้ ถือว่าแกเก่งมาก แต่ว่า…พอแค่นี้แหละ” โจซี่พูดเสียงเบา ยาเม็ดสีทองหนึ่งเม็ดปรากฏขึ้นมาในมือ และเข้าปากเธออย่างรวดเร็ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท