พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1205 รบกวนการนอนของลูกสาว

บทที่ 1205 รบกวนการนอนของลูกสาว

รพีพงษ์หมอบตัวลง นำขวัญนลินเข้ามากอดในอ้อมกอดด้วยความรักอย่างท่วมท้น

จะว่าไปก็แปลกๆ แม้ว่ารพีพงษ์จะกลับมาหาน้อยมาก แต่ขอเพียงแค่เขากลับมา ขวัญนลินก็จะติดพ่อของเธอมาก

บางทีอาจจะ เป็นสายใยในครอบครัวที่ตัดกันไม่ขาดก็ได้มั้ง

“พวกคุณสองคนพ่อลูกเล่นก่อนไปก่อนนะ ฉันจะเข้าบ้านไปช่วยพี่สา” อารียายิ้มพร้อมพูด เดินเข้าไปในบ้าน

เมื่อเห็นว่าที่ลานบ้านไม่มีคน อารียาก็ยิ้มพร้อมพูดอย่างลึกลับว่า : “ขวัญนลิน อยากจะนั่งชิงช้าไหม?”

พูดแล้ว เขาก็ค่อยขยับจิตวิญญาณ วาดชิงช้าสีทองออกมาแล้ว

ปลายทั้งสองข้างของชิงช้าผูกติดอยู่กับต้นไม้ รพีพงษ์อุ้มขวัญนลินนั่งบนชิงช้า บนใบหน้าของขวัญนลินเผยรอยยิ้มที่มีความสุขมาก

ต่อให้พลังวิญญาณของแดนดั่งเทพชั้นยอดเป็นล้ำค่ามากแค่ไหน ขอแค่ทำให้ลูกสาวมีความสุข รพีพงษ์ก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

นี่ถ้าหากให้ผู้ปลูกฝังรู้เรื่องเข้า ไม่รู้ว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง

กลางคืน หลังจากที่เพลิดเพลินกับอาหารมื้อใหญ่ของพี่สาแล้ว รพีพงษ์และอารียาทั้งสองคนก็พักผ่อนที่ห้องนอนของบ้านพักหลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

ต้องพูดว่าบ้านพักหลังนี้ หลังจากที่ปู่ของรพีพงษ์ออกจากตระกูลนิธิวรสกุลไป ก็มาอยู่อาศัยบ้านพักนี้เป็นหลังแรกในเกียวโต

และตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโต ก็เริ่มต้นขึ้นจากที่นี่

“รพีพงษ์ คุณดูสิว่าขวัญนลินน่ารักมากแค่ไหน”

มองดูขวัญนลินตัวน้อยที่นอนหลับไปแล้วอย่างมีความสุข นัยน์ตาของอารียาก็มีความรักอย่างท่วมท้น

“แน่นอนสิ ภรรยาของผมน่ารัก ลูกสาวก็ต้องเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยอยู่แล้ว” รพีพงษ์พูดกล่าว

“ปากหวานอย่างนี้ก็พูดเยอะๆหน่อย ฉันชอบฟังคุยพูดแบบนี้” อารียายิ้มพร้อมพูดกล่าว

รพีพงษ์มองไปยังใบหน้าที่เงียบสงบของอารียา นานมากแล้ว ที่สองสามีภรรยาจะได้ใช้ช่วงเวลาที่เงียบสงบแบบนี้

แต่ว่า ช่วงเวลาที่เงียบสงบมันช่างสั้นเหลือเกิน

เมื่อคิดถึงยาเปลี่ยนวิญญาณที่อยู่ในตัวของอารียา รพีพงษ์ก็รู้ว่าตัวเองยังมีภารกิจที่หนักอึ้ง

หากว่าแม้แต่ผู้หญิงที่ตัวเองรักยังไม่สามารถรักษาไว้ได้ งั้นจะไปพูดถึงเรื่องรักษาโลกใบนี้ได้อย่างไรล่ะ?

“อารียา พรุ่งนี้เช้า ผมก็ต้องไปแล้วนะ” รพีพงษ์พูดกล่าว

“จะต้องไปอีกแล้วเหรอ?” อารียามองไปยังรพีพงษ์อย่างประหลาดใจ

รพีพงษ์พยักหน้า นำบทสรุปที่หลังจากธีรพัฒน์ช่วยรักษาอารียาแล้วบอกให้อารียาฟัง เขาก็ไม่อยากจะปิดบังมากเกินไป

เมื่อรู้ว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของตัวเองจะกลับมากำเริบอีกครั้งหลังจากหนึ่งปีผ่านไป ท่าทางของอารียากลับว่าไม่ได้ผันผวนแม้แต่นิดเดียว

“อารียา คุณ……โอเคใช่ไหม” รพีพงษ์ถามอย่างเป็นห่วง

ภายใต้สถานการณ์ปกติ เมื่อคนทั่วไปได้ยินข่าวคราวแบบนี้ จิตใจก็ค่อนข้างแย่ โดยพื้นฐานแล้วก็จะพังทลายไปเลย แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ

“ฉันโอเคนะ” อารียายิ้มพร้อมพูดว่า : “ในทางกลับกัน คุณสามารถบอกความจริงกับฉันอย่างนี้ ฉันมีความสุขมาก”

“เชื่อใจผมนะ ภายในหนึ่งปี ผมจะต้องหาวิธีกำจัดพิษที่อยู่ในร่างกายของคุณได้อย่างแน่นอน” รพีพงษ์พูดอย่างเคร่งขรึม

“แน่นอนค่ะ นี่ก็เป็นเหตุผลทั้งหมดที่ว่าทำไมฉันถึงได้เงียบสงบขนาดนั้น เพราะว่าฉันเชื่อคุณ ผู้ชายของฉันคือฮีโร่ เขาเคยบอกฉันว่าจะปกป้องฉันไปตลอดชีวิต ก็จะต้องทำได้แน่นอน” อารียาพูดกล่าว

“อารียา……”

ต่างก็ไม่ต้องพูดกัน แต่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวกันมามากมายขนาดนี้ จิตใจเชื่อมโยงกันตั้งนานแล้ว

……

“ซาบซึ้งใจมากเลย คิดไม่ถึงจริงๆว่าความรู้สึกของนายท่านและภรรยาของเขาจริงใจต่อกันเช่นนี้ ทำเอาฉันอยากจะร้องไห้แล้ว?”

บนหลังคาบ้านพักหลังใหญ่ ตมิสาร้องไห้รัวๆ แขนเสื้อกว้างๆเช็ดที่เบ้าตาเบาๆ

“ตมิสา ตอนนี้แกเป็นเพียงหุ่นเชิดนะ จะมีน้ำตาได้ที่ไหนกันล่ะ”ชยนต์พูดอย่างเยือกเย็น

“ทำไม คนเขาไม่มีน้ำตาจะซาบซึ้งใจไม่ได้เลยเหรอ?โธ่ บนโลกใบนี้ยังจะมีผู้ชายอย่างนายท่านที่รักเดียวใจเดียวอีกไหม?”ตมิสาพูดกับตัวเอง

“เอ้อ……ที่จริง ฉันก็ได้นะ”

ชยนต์ก้มหน้าพูดกล่าว ค่อนข้างที่จะเขินอาย

“โอ้?”

แววตาของตมิสาจ้องมอง ทำท่าทางตุ้งติ้งเดินเข้าไปยังชยนต์แล้ว : “ไอ้ทึ้มอย่างแก กำลังคิดอะไรอยู่?หรือว่าแกจะ……”

“ฉันเปล่านะ ฉันก็แค่พูดออกไปเฉยๆก็เท่านั้น……”

ชยนต์รีบพูดอธิบาย รู้ที่ไหนกันล่ะว่าตมิสากลับว่ามีใบหน้าที่นำมาซึ่งรอยยิ้มที่งดงาม เดินเข้ามาแล้ว

“ไอ้เจ้าทึ้ม อยู่เคียงข้างกันมาหลายรอยปีแล้ว ถ้าหากแกคิดจริงๆล่ะก็ ก็ได้นะ ไม่งั้นคืนนี้เรา……”

นัยน์ตาของตมิสาสัพยอก จงใจที่อยากจะแกล้งชยนต์

ชยนต์ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ใบหน้าของตมิสางดงามมาก บนตัวก็มีเสน่ห์แพรวพราวมาก ไม่มีทางที่จะมีใครปฏิเสธได้เลย

ไม่รู้จริงๆว่า ตอนนั้นที่รพีพงษ์อยู่ที่ก้นลึกกลางทะเลสาบนั่น ควบคุมจิตใจของตัวเองได้อย่างไรกัน ที่ไม่หลงเสน่ห์ของตมิสาได้

ทันใดนั้น มือใหญ่ของชยนต์ก็ตบไปยังบนตัวของตมิสาแล้ว

คิ้วที่งดงามของตมิสาก็ขมวดเข้าหากันแล้ว พูดด่าเสียงดังว่า : “เจ้าทึ้ม แกจะตีฉันเหรอ?”

“ตมิสาหลีกไป!”

ชยนต์พูดจาอย่างเยือกเย็น ผลักตมิสาไปข้างๆ

และในเวลาเดียวกันนี้ กริชเงินเล่มนึงก็บินเฉียดผ่านปลายผมของตมิสาไปแล้ว

ชยนต์พูดเฮิงออกมาอย่างเยือกเย็น ของเหลวในร่างกายพลุ่งพล่านออกมา

ขวานภูเขา!

ขวานยาวสีดำปรากฏขึ้นในมือของชยนต์ทันที

ในสถานการณ์วิกฤต ชยนต์นำขวานภูเขามาป้องกันข้างหน้าไว้

กริ๊งกร๊าง!

กริชเข้าไปกระทบกับขวานโดยตรง

ช่วงเวลาที่ปะทะกัน กริชเกิดพลังมหาศาลขึ้นแล้ว

ขวานภูเขาต้านรับไว้ไม่อยู่ ถูกกริชเจาะเข้าไปเลย!

“นี่……ผู้แข็งแกร่งแดนเทพ?” ชยนต์เหลือเชื่อ ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่งยังไงอย่างนั้น ถูกตอกให้อยู่ที่เดิม

แม้ว่าพลังของกริชโรยราลงหน่อย แต่การโจมตีต่อศัตรูก็ไม่เบาลงเลย

“เจ้าทึ้ม รีบหลบไปสิ!”

ตมิสาพูดเตือนอย่างเสียงดังอยู่ข้าง ในขณะเดียวกัน ก็ถือแส้ยาวอยู่ในมือ

ฟ๊าบ!

แส้ยาวสะบัดลอยออกไปอย่างรวดเร็ว ตรงเข้าไปเกี่ยวยังกริชเลย

ตมิสากัดฟันสีเงินแน่น ใช้แรงเกี่ยวไว้ให้อยู่หมัด

ภายใต้เสียงตะโกนดังลั่นของตมิสา ชยนต์คืนสติขึ้นมาได้

รูปร่างที่ใหญ่โต สาดส่องเข้ามาจากทางด้านข้างทันที

กริชหลุดออกจากแส้ ลอยเฉียดร่างของชยนต์ออกไป

ห่างไปหลายสิบเมตร เสียงดังปัง ต้นไม้โบราณถูกกริชกระแทกจนระเบิดล้มลงแล้ว……

ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนยืนมองไปตรงหน้า บนหลังคาบ้าน มีชายหนุ่มที่ใส่ชุดสไตล์จีนเดินตรงเข้ามาตรงหน้าอย่างเยือกเย็น

ชายหนุ่มคนนี้มีหน้าตาหล่อเหลา พลุ่งพล่านไปด้วยพลังแห่งความมืดสักกี่นาที

“คิดไม่ถึง ที่แท้สองตัวนี้ก็เป็นหุ่นเชิดของแดนดั่งเทพชั้นยอด ” ชายหนุ่มพูดจาดูถูก

“แกเป็นใคร!”ชยนต์ปกป้องตมิสาไว้ข้างหลัง พูดกล่าวเสียงดัง

ชายหนุ่มเหล่ตามองดูแวบหนึ่ง : “แค่ความสามารถของแก สมควรที่จะรู้ชื่อของฉันเหรอ?ฉันถามแกหน่อย เจ้าหญิงน้อยล่ะ?”

“เจ้าหญิงน้อยเหรอ?ไม่เคยได้ยินมาก่อน” ชยนต์พูดตอบกลับ

แววตาของชายหนุ่มนั้นสาดส่องเจตนาฆ่าออกมา พูดเนิบๆว่า : “ในเมื่อแกไม่รู้ งั้นก็ไปถามไอ้รพีพงษ์นั่นสิ”

พูดแล้ว ชายหนุ่มนั่นไม่สนใจชยนต์และตมิสาเลย ทำท่าทำทางที่จะพังทลายเข้าไป!

“บังอาจอย่างมาก ชื่อต้องห้ามของนายท่านของเราแกสามารถเรียกได้ตามอำเภอใจเหรอ?”

ตมิสาขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า : “จะบอกแกให้นะ แม้ว่าแกจะเป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพ ถ้าหากแกกล้าไม่เคารพนายท่าน เราจะให้แกชดใช้กับสิ่งที่แกกระทำ! ”

หลังจากที่ชายหนุ่มได้ยิน ไม่โกรธแต่กลับว่าหัวเราะ

“แค่ความสามารถของหุ่นเชิดอย่างแกสองคน ก็กล้ามาคุยกับฉันแบบนี้?”

พูดแล้ว ร่างกายของเขาก็กระจายพลังมืดออกมา พลังในมือ ครั้งนี้ เขาเสกกริชออกมาสิบด้ามออกมาอย่างมหัศจรรย์!

ชยนต์และตมิสาทั้งสองคนมีใบหน้าที่ตึงเครียด

กริชด้ามเดียวก็ทำให้เขาทั้งสองคนอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันลำบากเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกริชทั้งสิบด้ามเลย!

“เพื่อนายท่าน เราสู้สุดใจ!” ตมิสาพูดกล่าว

“อื้ม” ชยนต์พยักหน้า

“ไม่ประมาณกำลังตนเอง คืนนี้ ก็คือวันที่พวกแกต้องขวัญหนีดีฝ่อ!”

ชายคนนั้นพูดอย่างเยือกเย็น พลังกระจายทันที!

ในเวลานี้ เสียงก็แพร่ซ่านเข้ามา

“ชยนต์ ตมิสา พวกแกสองคนหลีกไป”

ระหว่างที่พูด รพีพงษ์ก็เดินมาจากหลังคานั่น

ภายใต้แสงจันทร์สีขาวสว่างไสว เงาร่างของรพีพงษ์สูงใหญ่

“นายท่าน ” ชยนต์และตมิสาเอ่ยพูดพร้อมกัน

แววตาของรพีพงษ์มองตรงไปยังชายหนุ่มคนนั้น พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “คนๆนี้ ฉันจัดการเองคนเดียว”

“ฮ่าๆ”ชายหนุ่มหัวเราะพร้อมพูดว่า : “คุยโวโอ้อวดอย่างไร้ยางอาย เด็กผู้ชายที่ยังกับมด ยังกล้ามาโอหังกับฉัน !”

รพีพงษ์มองไปอีกฝ่าย พูดเสียงเบา

“คนที่กล้ามารบกวนการนอนของลูกสาวฉัน จะต้องตาย

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท