พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1204 รพีพงษ์มอบดาบให้ฟรี

บทที่ 1204 รพีพงษ์มอบดาบให้ฟรี

คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

ห้องโถงด้านหน้าเนื่องจากเกิดการต่อสู้กับโจซี่ก่อนหน้านี้จึงทำให้พังพินาศไม่เหลือชิ้นดี

“ดูแล้ว ต้องหาคนมาซ่อมแซมใหม่อีกครั้งแล้ว” รพีพงษ์พูดกล่าว

อารียามองดูรอยด่างบนผนังในห้องโถง และหลุมที่อยู่บนพื้น เธอยากที่จะจินตนาการได้ว่า การต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และโจซี่จะรุนแรงมากแค่ไหน

“สิ่งเหล่านี้……ล้วนแต่เกิดจากการต่อสู้ของคุณกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”อารียาเอ่ยถาม

รพีพงษ์พยักหน้าแล้ว

“รพีพงษ์ ตอนนี้คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่?ทำไมคู่ต่อสู้ของคุณถึงได้ชั่วร้ายเช่นนี้เสมอ แม้ว่าอยู่ในภาพยนตร์ ฉันก็ไม่เคยเห็นการต่อสู้แบบนี้มาก่อน” อารียาพูดกล่าว

รพีพงษ์พูดอย่างเนิบๆว่า : “อารียา คุณจำไว้แค่ว่า ไม่ว่าผมจะอยู่ไหน ผมจะเปลี่ยนเป็นคนแบบไหนก็ตาม แต่ใจที่ผมมีต่อคุณจะไม่มีวันเปลี่ยนไป”

“เรื่องนี้ฉันรู้ เพียงแต่ ฉันเป็นห่วงคุณ!”อารียาเอ่ยพูด : “เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้ว ฉันยอมที่จะให้คุณเปลี่ยนเป็นคนธรรมนะ”

รพีพงษ์หัวเราะพร้อมส่ายหน้า

วันที่แสนธรรมดาผ่านไปแล้วไม่หวนกลับมา รพีพงษ์เกิดมาไม่ธรรมดา เฉกเช่นตอนนี้ ก็กลายเป็นความหวังที่จะช่วยโลกใบนี้ให้รอดพ้นแล้ว

“มีบางเรื่องบางราวที่ตอนนี้คุณไม่มีทางเข้าใจ รอจนถึงเวลาที่เหมาะสม ผมจะค่อยๆบอกกับคุณเอง”รพีพงษ์พูดกล่าว

“ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไง ระวังตัวให้มากๆ อย่าลืมนะ ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว” อารียาพูดกล่าว

รพีพงษ์พยักหน้าแล้ว บรรจงจูบลงบนหน้าผากของอารียาเบาๆ

หลายปีก่อน ตัวเองถูกตระกูลลัดดาวัลย์ขับไล่ออกไป แต่งเข้าตระกูลฉัตรมงคลเพียงลำพัง และตอนนี้ มีคนที่ต้องปกป้องไปตลอดชีวิตแล้ว

แน่นอนว่าอารียาเป็นหนึ่งคนนั้น และอีกคน ก็เป็นลูกสาวของตัวเอง ขวัญนลิน!

เมื่อคิดถึงขวัญนลิน รพีพงษ์ก็เอ่ยถามทันทีว่า : “จริงสิ กลับมานานมากขนาดนี้ แล้วหนูลินล่ะ?แล้วก็ชนิสราด้วย ?”

“ชนิสราพาขวัญนลินไปอยู่ที่บ้านพักหลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ที่นั่นมีลานกว้างมาก คนก็ไม่เยอะ ตอนนี้ขวัญนลินเพิ่งหัดเดิน ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดในการเรียนรู้ของเธอแล้ว” อารียาพูดกล่าว

“ขวัญนลินเธอ……เริ่มเดินได้แล้วเหรอ!”

รพีพงษ์รู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก หลังจากที่ตัวเองรับช่วงต่อจากตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงษ์ก็เจอเรื่องราวต่างๆมากมาย เวลาที่ได้อยู่กับขวัญนลินจริงๆมีน้อยมาก

“ดูแล้ว คุณพลาดช่วงเวลาการเติบโตของเธอไปมากมายเลยนะ” อารียาพูดกล่าว

รพีพงษ์จับมือของอารียา : “อารียา ผมยังทำตัวในฐานะพ่อได้ไม่ดีพอ หวังว่าคุณกับขวัญนลินจะไม่ตำหนิโทษผมนะ”

“จะตำหนิได้ยังไงล่ะคะ ตอนที่คุณไม่อยู่ ฉันจะเล่านิทานให้ขวัญนลินฟังทุกวัน ในนิทาน เจ้าหญิงก็คือฉัน ส่วนคุณก็คือเจ้าชาย” อารียาพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ

รพีพงษ์เผยรอยยิ้มในแววตา : “อารียา ไม่งั้นคุณไปรอผมที่บ้านพักหลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ผมสั่งงานทางนี้ก่อน แล้วจะไปหาคุณ”

“โอเคค่ะ”

พูดแล้ว อารียาก็ออกไปจากที่นี่

“ภพ นายมานี่หน่อย”

วางสายไปได้ไม่นาน เด็กผู้ชายวัยรุ่นก็เดินเข้ามาแล้ว

“นายน้อย” ไวภพพยักหน้าให้สัญญาณ

คนๆนี้ก็คือคนของตระกูลลัดดาวัลย์ที่ท้าทายกับโจซี่อย่างเปิดเผยเมื่อเช้านี้ที่ห้องโถง

เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆของรพีพงษ์ เพิ่งจะมาที่ตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโตไม่นานมานี้เอง

“เป็นยังไงบ้าง ร่างกายดีขึ้นบ้างแล้วยัง?”รพีพงษ์เอ่ยถาม

“ไม่เป็นอะไรครับ นายน้อย ขอบคุณที่เป็นห่วง” ไวภพพูดกล่าว

รพีพงษ์มองที่ไวภพที่สาดส่องความสง่าผ่าเผยไปทั้งตั้ว ชื่นชมอย่างมาก

กาลครั้งหนึ่ง แววตาของตัวเองก็ชัดเจนเหมือนกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ มีเรื่องราวมากมายที่รอให้เขาไปจัดการ กลับไปอย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว

“ตอนนี้นายทำงานตำแหน่งอะไร ในบริษัทตระกูลลัดดาวัลย์กรุ๊ป”

ไวภพตอบกลับว่า : “ผมเพิ่งจะมาอยู่ตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโตได้ไม่นาน ตอนนี้เป็นเพียงลูกมือในธุรกิจอุตสาหกรรมด้านความบันเทิงของตระกูลลัดดาวัลย์ หลักๆเลยก็คือเรียนรู้ให้เยอะๆครับ”

“ดีมาก”

ด้วยท่าทีที่เรียบง่ายของไวภพ เขาพึงพอใจอย่างมาก

“ฉันเชื่อว่า ใช้เวลาไม่นาน นายก็จะทำได้อย่างแน่นอน”รพีพงษ์พูดกล่าว

ตระกูลลัดดาวัลย์กำเนิดมังกรในหมู่มนุษย์ รพีพงษ์ก็เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์การมองคนของตัวเอง

“นายน้อย ผมเห็นคุณเป็นไอดอลของตัวเอง แม้ว่าผมจะรู้ว่า มันยากที่จะไล่ตามคุณให้ทัน แต่ผมเชื่อว่า ขอเพียงแค่ขยัน อย่างน้อยก็จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ” ไวภพพูดกล่าว

รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดว่า : “วันนี้นายกล้าที่จะออกมาพูดเย้ยหยันโจซี่ ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของนายแล้ว ตระกูลลัดดาวัลย์มีคนแบบนายอย่างนี้ ถึงจะสามารถรุ่งโรจน์ไม่เสื่อมคลาย”

“ขอบคุณคำชมของนายน้อยครับ” ไวภพพูดกล่าว

“จริงสิ มีของชิ้นนึงไม่รู้ว่านายจะชอบหรือเปล่า”

รพีพงษ์หยิบดาบสั้นเล่มนึงออกมา มีแสงสีดำปรากฏขึ้นบนใบมีด เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่ามันไม่ธรรมดา

มันก็คือดาบมารเล่มแรกของประเทศญี่ปุ่น มุรามาสะ!

เนื่องจากรพีพงษ์ในตอนนี้กับที่มุ่งหน้าไปยังประเทศญี่ปุ่นในตอนนั้น แดนเทพได้ยกระดับสูงกว่ามากแล้ว

ก็สามารถเสกอาวุธหลากหลายชนิดได้ตามอำเภอใจอย่างน่ามหัศจรรย์มาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยังมีกระบี่สยบเซียนอาวุธวิเศษโบราณที่มีอยู่ในตัวของเขา

ดาบมารมุรามาสะ ตอนนี้สำหรับรพีพงษ์แล้ว กลายเป็นสิ่งที่ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้ว

แววตาของไวภพสาดส่องแสงออกมา ความโหยหาปรารถนาอยู่เหนือคำบรรยาย

คนของตระกูลลัดดาวัลย์ ฝึกอาวุธตั้งแต่เด็ก ไวภพแค่แวบเดียวก็มองออกแล้วว่าดาบที่ล้ำค่าเล่มนี้ไม่ธรรมดา

“ชื่อของดาบเล่มนี้คือมุรามาสะ เป็นสิ่งของเล็กๆที่ฉันบังเอิญซื้อมาในตอนนั้นถ้าหากนายชอบล่ะก็ ก็จะมอบให้นายแล้วกัน” รพีพงษ์เอ่ยพูด

“สิ่งของเล็กที่บังเอิญซื้อมางั้นเหรอ?งั้น……ราคาประมาณเท่าไหร่ครับ?” ไวภพเอ่ยถามอย่างอึ้งๆ

รพีพงษ์คิดๆดูแล้ว : “ฉันก็ลืมไปแล้ว น่าจะประมาณ100กว่าล้านมั้ง”

“อะไรนะ?จ่ายไป100กว่าล้าน?แล้วยังลืมอีกเหรอ?” ไวภพมองไปยังรพีพงษ์อย่างตกใจ

ตัวเองเป็นเพียงญาติห่างๆของตระกูลลัดดาวัลย์ ตั้งแต่เด็กก็ได้ยินถึงความร่ำรวยของตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโตแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้เจอกับตัวเองแล้ว

ที่สำคัญไปมากกว่านั้นก็คือ มุรามาสะกว่า100ล้าน รพีพงษ์บอกว่าให้ก็ให้เลย ใช้จ่ายอย่างสุ่รุ่ยสุ่ร่ายอย่างนี้เลยเหรอ!

“ทำไม ก็แค่100กว่าล้านดอลลาร์สหรัฐเอง?ต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลย?”รพีพงษ์พูดกล่าว

“100กว่าล้าน……ดอลลาร์สหรัฐ?” ไวภพแข็งทื่อกลายเป็นหินทันที

“ออกกำลังกายให้ดีๆ ฝึกศิลปะการต่อสู้ ดาบเล่มนี้จะช่วยเหลือนาย”

รพีพงษ์ตบๆไปที่หลังของอีกฝ่าย นี่เป็นการชื่นชมถึงการแสดงออกมาในวันนี้ของไวภพ

“เข้าใจแล้วครับนายน้อย ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน” ไวภพพูดรับรอง

“อื้ม ห้องโถงใหญ่นี้ได้รับความเสียหายแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ หากจะปรับเปลี่ยนก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ นายช่วยหาคนมาซ่อมแซมใหม่หน่อยนะ เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของนายแล้วกัน”

พูดแล้ว รพีพงษ์ก็เดินออกไปจากที่นี่ ไปยังบ้านพักหลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์

ที่นั่น มีคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา

“ขวัญนลินเชื่อฟังนะ เร็วเข้า มาหาแม่มา!”

ในบ้านพักหลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ เด็กผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่งอ้าแขนออก ค่อยๆเดินไปหาอารียา

ตอนนี้ เธอให้ความสนใจมากกับป๋องแป๋งที่อยู่ในมือของอารียา

รพีพงษ์พิงอยู่ที่ประตู ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ขวัญนลินเก่งมากๆ เดินเข้ามาได้เร็วขนาดนี้แล้ว มา ให้แม่หอมแก้มหน่อยซิ”พูดแล้ว อารียาก็จุ๊บไปที่แก้มน้อยๆของขวัญนลินแล้ว

ชนิสราที่มีผ้ากันเปื้อนพันอยู่ด้านข้าง นัยน์ตาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

เธอเงยหน้ามอง เห็นรพีพงษ์เข้าพอดี

“คุณชายรพีพงษ์ คุณกลับมาแล้ว?”ชนิสรารีบพูดทันทีว่า : “ดีจังเลย เดี๋ยวฉันจะไปเข้าครัวทำกับข้าว คืนนี้คุณจะต้องกินข้าวที่บ้านนะ”

“โอเค”

รพีพงษ์ค่อยๆเดินไปยังลานกว้าง ยิ้มพร้อมมองไปที่ขวัญนลินที่น่ารัก

“พ่อ……พ่อ!” ขวัญนลินร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเด็กน้อย อ้าแขนออกแล้วเดินไปยังรพีพงษ์

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท