คฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์
ห้องโถงด้านหน้าเนื่องจากเกิดการต่อสู้กับโจซี่ก่อนหน้านี้จึงทำให้พังพินาศไม่เหลือชิ้นดี
“ดูแล้ว ต้องหาคนมาซ่อมแซมใหม่อีกครั้งแล้ว” รพีพงษ์พูดกล่าว
อารียามองดูรอยด่างบนผนังในห้องโถง และหลุมที่อยู่บนพื้น เธอยากที่จะจินตนาการได้ว่า การต่อสู้ระหว่างรพีพงษ์และโจซี่จะรุนแรงมากแค่ไหน
“สิ่งเหล่านี้……ล้วนแต่เกิดจากการต่อสู้ของคุณกับผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”อารียาเอ่ยถาม
รพีพงษ์พยักหน้าแล้ว
“รพีพงษ์ ตอนนี้คุณเป็นคนแบบไหนกันแน่?ทำไมคู่ต่อสู้ของคุณถึงได้ชั่วร้ายเช่นนี้เสมอ แม้ว่าอยู่ในภาพยนตร์ ฉันก็ไม่เคยเห็นการต่อสู้แบบนี้มาก่อน” อารียาพูดกล่าว
รพีพงษ์พูดอย่างเนิบๆว่า : “อารียา คุณจำไว้แค่ว่า ไม่ว่าผมจะอยู่ไหน ผมจะเปลี่ยนเป็นคนแบบไหนก็ตาม แต่ใจที่ผมมีต่อคุณจะไม่มีวันเปลี่ยนไป”
“เรื่องนี้ฉันรู้ เพียงแต่ ฉันเป็นห่วงคุณ!”อารียาเอ่ยพูด : “เมื่อเทียบกับตอนนี้แล้ว ฉันยอมที่จะให้คุณเปลี่ยนเป็นคนธรรมนะ”
รพีพงษ์หัวเราะพร้อมส่ายหน้า
วันที่แสนธรรมดาผ่านไปแล้วไม่หวนกลับมา รพีพงษ์เกิดมาไม่ธรรมดา เฉกเช่นตอนนี้ ก็กลายเป็นความหวังที่จะช่วยโลกใบนี้ให้รอดพ้นแล้ว
“มีบางเรื่องบางราวที่ตอนนี้คุณไม่มีทางเข้าใจ รอจนถึงเวลาที่เหมาะสม ผมจะค่อยๆบอกกับคุณเอง”รพีพงษ์พูดกล่าว
“ก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นยังไง ระวังตัวให้มากๆ อย่าลืมนะ ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว” อารียาพูดกล่าว
รพีพงษ์พยักหน้าแล้ว บรรจงจูบลงบนหน้าผากของอารียาเบาๆ
หลายปีก่อน ตัวเองถูกตระกูลลัดดาวัลย์ขับไล่ออกไป แต่งเข้าตระกูลฉัตรมงคลเพียงลำพัง และตอนนี้ มีคนที่ต้องปกป้องไปตลอดชีวิตแล้ว
แน่นอนว่าอารียาเป็นหนึ่งคนนั้น และอีกคน ก็เป็นลูกสาวของตัวเอง ขวัญนลิน!
เมื่อคิดถึงขวัญนลิน รพีพงษ์ก็เอ่ยถามทันทีว่า : “จริงสิ กลับมานานมากขนาดนี้ แล้วหนูลินล่ะ?แล้วก็ชนิสราด้วย ?”
“ชนิสราพาขวัญนลินไปอยู่ที่บ้านพักหลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ที่นั่นมีลานกว้างมาก คนก็ไม่เยอะ ตอนนี้ขวัญนลินเพิ่งหัดเดิน ที่นั่นเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดในการเรียนรู้ของเธอแล้ว” อารียาพูดกล่าว
“ขวัญนลินเธอ……เริ่มเดินได้แล้วเหรอ!”
รพีพงษ์รู้สึกเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก หลังจากที่ตัวเองรับช่วงต่อจากตระกูลลัดดาวัลย์ รพีพงษ์ก็เจอเรื่องราวต่างๆมากมาย เวลาที่ได้อยู่กับขวัญนลินจริงๆมีน้อยมาก
“ดูแล้ว คุณพลาดช่วงเวลาการเติบโตของเธอไปมากมายเลยนะ” อารียาพูดกล่าว
รพีพงษ์จับมือของอารียา : “อารียา ผมยังทำตัวในฐานะพ่อได้ไม่ดีพอ หวังว่าคุณกับขวัญนลินจะไม่ตำหนิโทษผมนะ”
“จะตำหนิได้ยังไงล่ะคะ ตอนที่คุณไม่อยู่ ฉันจะเล่านิทานให้ขวัญนลินฟังทุกวัน ในนิทาน เจ้าหญิงก็คือฉัน ส่วนคุณก็คือเจ้าชาย” อารียาพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
รพีพงษ์เผยรอยยิ้มในแววตา : “อารียา ไม่งั้นคุณไปรอผมที่บ้านพักหลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ ผมสั่งงานทางนี้ก่อน แล้วจะไปหาคุณ”
“โอเคค่ะ”
พูดแล้ว อารียาก็ออกไปจากที่นี่
“ภพ นายมานี่หน่อย”
วางสายไปได้ไม่นาน เด็กผู้ชายวัยรุ่นก็เดินเข้ามาแล้ว
“นายน้อย” ไวภพพยักหน้าให้สัญญาณ
คนๆนี้ก็คือคนของตระกูลลัดดาวัลย์ที่ท้าทายกับโจซี่อย่างเปิดเผยเมื่อเช้านี้ที่ห้องโถง
เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องห่างๆของรพีพงษ์ เพิ่งจะมาที่ตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโตไม่นานมานี้เอง
“เป็นยังไงบ้าง ร่างกายดีขึ้นบ้างแล้วยัง?”รพีพงษ์เอ่ยถาม
“ไม่เป็นอะไรครับ นายน้อย ขอบคุณที่เป็นห่วง” ไวภพพูดกล่าว
รพีพงษ์มองที่ไวภพที่สาดส่องความสง่าผ่าเผยไปทั้งตั้ว ชื่นชมอย่างมาก
กาลครั้งหนึ่ง แววตาของตัวเองก็ชัดเจนเหมือนกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ มีเรื่องราวมากมายที่รอให้เขาไปจัดการ กลับไปอย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
“ตอนนี้นายทำงานตำแหน่งอะไร ในบริษัทตระกูลลัดดาวัลย์กรุ๊ป”
ไวภพตอบกลับว่า : “ผมเพิ่งจะมาอยู่ตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโตได้ไม่นาน ตอนนี้เป็นเพียงลูกมือในธุรกิจอุตสาหกรรมด้านความบันเทิงของตระกูลลัดดาวัลย์ หลักๆเลยก็คือเรียนรู้ให้เยอะๆครับ”
“ดีมาก”
ด้วยท่าทีที่เรียบง่ายของไวภพ เขาพึงพอใจอย่างมาก
“ฉันเชื่อว่า ใช้เวลาไม่นาน นายก็จะทำได้อย่างแน่นอน”รพีพงษ์พูดกล่าว
ตระกูลลัดดาวัลย์กำเนิดมังกรในหมู่มนุษย์ รพีพงษ์ก็เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์การมองคนของตัวเอง
“นายน้อย ผมเห็นคุณเป็นไอดอลของตัวเอง แม้ว่าผมจะรู้ว่า มันยากที่จะไล่ตามคุณให้ทัน แต่ผมเชื่อว่า ขอเพียงแค่ขยัน อย่างน้อยก็จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ” ไวภพพูดกล่าว
รพีพงษ์ยิ้มพร้อมพูดว่า : “วันนี้นายกล้าที่จะออกมาพูดเย้ยหยันโจซี่ ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวของนายแล้ว ตระกูลลัดดาวัลย์มีคนแบบนายอย่างนี้ ถึงจะสามารถรุ่งโรจน์ไม่เสื่อมคลาย”
“ขอบคุณคำชมของนายน้อยครับ” ไวภพพูดกล่าว
“จริงสิ มีของชิ้นนึงไม่รู้ว่านายจะชอบหรือเปล่า”
รพีพงษ์หยิบดาบสั้นเล่มนึงออกมา มีแสงสีดำปรากฏขึ้นบนใบมีด เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่ามันไม่ธรรมดา
มันก็คือดาบมารเล่มแรกของประเทศญี่ปุ่น มุรามาสะ!
เนื่องจากรพีพงษ์ในตอนนี้กับที่มุ่งหน้าไปยังประเทศญี่ปุ่นในตอนนั้น แดนเทพได้ยกระดับสูงกว่ามากแล้ว
ก็สามารถเสกอาวุธหลากหลายชนิดได้ตามอำเภอใจอย่างน่ามหัศจรรย์มาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ยังมีกระบี่สยบเซียนอาวุธวิเศษโบราณที่มีอยู่ในตัวของเขา
ดาบมารมุรามาสะ ตอนนี้สำหรับรพีพงษ์แล้ว กลายเป็นสิ่งที่ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นแล้ว
แววตาของไวภพสาดส่องแสงออกมา ความโหยหาปรารถนาอยู่เหนือคำบรรยาย
คนของตระกูลลัดดาวัลย์ ฝึกอาวุธตั้งแต่เด็ก ไวภพแค่แวบเดียวก็มองออกแล้วว่าดาบที่ล้ำค่าเล่มนี้ไม่ธรรมดา
“ชื่อของดาบเล่มนี้คือมุรามาสะ เป็นสิ่งของเล็กๆที่ฉันบังเอิญซื้อมาในตอนนั้นถ้าหากนายชอบล่ะก็ ก็จะมอบให้นายแล้วกัน” รพีพงษ์เอ่ยพูด
“สิ่งของเล็กที่บังเอิญซื้อมางั้นเหรอ?งั้น……ราคาประมาณเท่าไหร่ครับ?” ไวภพเอ่ยถามอย่างอึ้งๆ
รพีพงษ์คิดๆดูแล้ว : “ฉันก็ลืมไปแล้ว น่าจะประมาณ100กว่าล้านมั้ง”
“อะไรนะ?จ่ายไป100กว่าล้าน?แล้วยังลืมอีกเหรอ?” ไวภพมองไปยังรพีพงษ์อย่างตกใจ
ตัวเองเป็นเพียงญาติห่างๆของตระกูลลัดดาวัลย์ ตั้งแต่เด็กก็ได้ยินถึงความร่ำรวยของตระกูลลัดดาวัลย์ในเกียวโตแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้เจอกับตัวเองแล้ว
ที่สำคัญไปมากกว่านั้นก็คือ มุรามาสะกว่า100ล้าน รพีพงษ์บอกว่าให้ก็ให้เลย ใช้จ่ายอย่างสุ่รุ่ยสุ่ร่ายอย่างนี้เลยเหรอ!
“ทำไม ก็แค่100กว่าล้านดอลลาร์สหรัฐเอง?ต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลย?”รพีพงษ์พูดกล่าว
“100กว่าล้าน……ดอลลาร์สหรัฐ?” ไวภพแข็งทื่อกลายเป็นหินทันที
“ออกกำลังกายให้ดีๆ ฝึกศิลปะการต่อสู้ ดาบเล่มนี้จะช่วยเหลือนาย”
รพีพงษ์ตบๆไปที่หลังของอีกฝ่าย นี่เป็นการชื่นชมถึงการแสดงออกมาในวันนี้ของไวภพ
“เข้าใจแล้วครับนายน้อย ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน” ไวภพพูดรับรอง
“อื้ม ห้องโถงใหญ่นี้ได้รับความเสียหายแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ หากจะปรับเปลี่ยนก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ นายช่วยหาคนมาซ่อมแซมใหม่หน่อยนะ เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของนายแล้วกัน”
พูดแล้ว รพีพงษ์ก็เดินออกไปจากที่นี่ ไปยังบ้านพักหลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์
ที่นั่น มีคนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดเวลา
“ขวัญนลินเชื่อฟังนะ เร็วเข้า มาหาแม่มา!”
ในบ้านพักหลังใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์ เด็กผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่งอ้าแขนออก ค่อยๆเดินไปหาอารียา
ตอนนี้ เธอให้ความสนใจมากกับป๋องแป๋งที่อยู่ในมือของอารียา
รพีพงษ์พิงอยู่ที่ประตู ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ขวัญนลินเก่งมากๆ เดินเข้ามาได้เร็วขนาดนี้แล้ว มา ให้แม่หอมแก้มหน่อยซิ”พูดแล้ว อารียาก็จุ๊บไปที่แก้มน้อยๆของขวัญนลินแล้ว
ชนิสราที่มีผ้ากันเปื้อนพันอยู่ด้านข้าง นัยน์ตาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
เธอเงยหน้ามอง เห็นรพีพงษ์เข้าพอดี
“คุณชายรพีพงษ์ คุณกลับมาแล้ว?”ชนิสรารีบพูดทันทีว่า : “ดีจังเลย เดี๋ยวฉันจะไปเข้าครัวทำกับข้าว คืนนี้คุณจะต้องกินข้าวที่บ้านนะ”
“โอเค”
รพีพงษ์ค่อยๆเดินไปยังลานกว้าง ยิ้มพร้อมมองไปที่ขวัญนลินที่น่ารัก
“พ่อ……พ่อ!” ขวัญนลินร้องเรียกด้วยน้ำเสียงเด็กน้อย อ้าแขนออกแล้วเดินไปยังรพีพงษ์