พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1203 พี่น้องที่สนิทสนมกัน

บทที่ 1203 พี่น้องที่สนิทสนมกัน

“อารียา คุณฟื้นแล้ว”

เมื่อเดินเข้าประตูห้องมา รพีพงษ์ก็เห็นอารียานั่งอยู่ข้างเตียง มีกระดาษเซวียนจื่อสามสี่แผ่นอยู่ในมือของเธอ

“รพีพงษ์”

อารียาเผยรอยยิ้มเบาๆ

พิษของยาเปลี่ยนวิญญาณถูกพลังของไม้เทพควบคุมไว้ อารียาในตอนนี้ กำลังกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งไม้เทพ ดูแล้วแข็งแรงมากกว่าเมื่อก่อนอีก สีผิวก็เป็นสีขาวอมชมพูอีกด้วย

“เมื่อกี้เพิ่งจะรักษาให้คุณเสร็จเรียบร้อย คุณพักผ่อนอีกสักหน่อยเถอะ”รพีพงษ์พูดกล่าว

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉัน ไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อนเลย ” อารียายิ้มพร้อมพูดว่า: “จริงสิ ท่านผู้อาวุโสธีรพัฒน์ล่ะ?”

“เขา……ไปแล้ว”รพีพงษ์พูดกล่าว

“ไปแล้ว?คุณก็จริงๆเลยนะ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องขอบพระคุณเขาอย่างมาก เดี๋ยวคุณก็ช่วยเรียกท่านผู้เฒ่ามาหน่อยนะ ฉันอยากจะขอบคุณต่อหน้าเขา” อารียาพูดกล่าว ค่อนข้างกล่าวตำหนิรพีพงษ์เล็กน้อย

“ได้สิ เรื่องนี้ค่อยว่ากันนะ”รพีพงษ์พูดตอบ

หากอารียาเห็นท่าทางแบบนั้นของธีรพัฒน์เข้า ด้วยจิตใจที่เมตตาของอารียา เกรงว่าจะต้องกล่าวตำหนิตัวเองเป็นเวลานาน

“เอ๊ะ?ในมือของคุณถืออะไรอยู่?”

รพีพงษ์มองไปยังกระดาษเซวียนจื่อที่อยู่ในมือของอารียาพร้อมเอ่ยถาม

“สิ่งนี้ฉันเห็นมันที่บนชั้นวางหนังสือข้างๆ คิดไม่ถึงว่า เจสสิก้าสาวน้อยคนนี้จะวาดรูปได้เก่งมาก เพียงแค่คนที่อยู่ข้างบน ฉันมองแล้วรู้สึกคุ้นๆจัง ” อารียาพูดกล่าว

“งั้นเหรอ ให้ผมดูหน่อยสิ”

หลังจากที่รพีพงษ์เอากระดาษเซวียนจื่อมาดูแล้ว เพียงแค่เหลือบๆมอง ใจก็สั่นคลอน

เด็กผู้หญิงคนนี้ คนที่วาดไว้ข้างบนเป็นตัวเองไม่ใช่เหรอ?

ทุกรูปภาพล้วนเป็นฉากที่รพีพงษ์พบเจอกับเจสสิก้าครั้งแรกในตอนนั้น โดยเฉพาะเป็นภาพเหมือนในตอนที่ทั้งสองคนแข่งขันหมากล้อมด้วยกันเป็นครั้งแรก เลียนแบบได้เหมือนจริงมาก

สาวน้อยอยากมีความรักอยากแต่งงาน เจสสิก้ายังคงคิดถึงอยู่เสมอ

เพราะงั้น รพีพงษ์ก็จนปัญญาอย่างมาก สิ่งที่ตัวเองสมควรพูดก็ได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนเจสสิก้าจะคิดยังไง นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองสามารถควบคุมได้

“รพีพงษ์ คุณเป็นอะไรไป?”อารียาพูดถามข้างๆ : “ทำไม ผู้ชายคนที่อยู่ในภาพวาดนั่น คุณรู้จักเหรอ?”

“ไม่รู้จัก ผมจะรู้จักได้ยังไงกันล่ะ” รพีพงษ์รีบปฏิเสธทันที

สีหน้าของอารียาเกิดความสงสัย : “ฉันคิดว่า สาวน้อยเจสสิก้าน่าจะชอบผู้ชายคนนี้ที่อยู่ในรูปมากนะ ไม่อย่างงั้น เธอคงไม่นำติดตัวไปทุกที่ด้วยหรอก”

“เด็กผู้หญิงในปัจจุบัน วันนี้ชอบคนนี้พรุ่งนี้ชอบคนนั้น บางทีพอผ่านไปช่วงระยะหนึ่งก็เปลี่ยนคนแล้ว คนที่รักเดียวใจเดียวเหมือนผม ตอนนี้มีไม่เยอะแล้ว”รพีพงษ์พูดกล่าวอย่างหยอกล้อ

“จริงๆเลยนะ กลายมาเป็นเยินยอตัวเองซะงั้น”

อารียาพูดจาอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ในใจกลับเหมือนละเลงด้วยน้ำผึ้งยังไงอย่างนั้น

เพราะว่าที่รพีพงษ์พูดก็ถูก เขามีจิตใจที่จดจ่อกับตัวเองเพียงผู้เดียวจริงๆ

ก่อนหน้านี้ อารียายังเข้าใจผิดในตัวของรพีพงษ์ ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้ว เรื่องราวเหล่านั้นเป็นเพราะตัวเองที่คิดมากเกินไป

“ความรู้สึกของเราสองคน ได้ผ่านบททดสอบแล้ว”อารียาคิดเงียบๆในใจคนเดียว

กำลังคิดอยู่ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก เจสสิก้ารีบบุกเข้ามา ตามมาด้วยชุติเทพที่เข้ามาติดๆ

“รูปภาพของฉัน!”

เห็นกระดาษเซวียนจื่อที่อยู่ในมือของรพีพงษ์ ใบหน้าของเจสสิก้าก็ค่อยๆแดงก่ำขึ้นมา

เธอวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว แย่งชิงกลับมาในครั้งเดียว

“จริงๆเลยนะ ดูของของคนอื่นมั่วซั่ว ไม่รู้จักมารยาทเลยจริงๆ!”เจสสิก้าพูดไปพลาง รีบยัดกระดาษเซวียนจื่อใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองทันที

“สาวน้อยเจสสิก้า คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันหยิบมันขึ้นมาโดยบังเอิญนะ” อารียาพูดกล่าว

“ฉันว่าฝีมือจิตรกรรมของคุณดีมากเลยนะ เพราะงั้นก็แค่ชื่นชม หากมีตรงไหนทำให้ขุ่นเคืองใจ หวังว่าคุณจะให้อภัยนะ ”

“เชอะ ฉันมีความสามารถเยอะแยะ จะต้องให้คุณชื่นชมงั้นเหรอ?” เจสสิก้าพูดเบะปาก

ในใจของเธอเหมือนน้ำในแม่น้ำไหลเวียน

รพีพงษ์ฉลาดหลักแหลมขนาดนี้ จะต้องมองออกอย่างแน่นอนว่าคนในรูปคือเขา

“นี่ก็จบเห่แล้ว ต่อไปเขาคงจะเยาะเย้ยฉัน แบบนี้ฉันก็ไร้ศักดิ์ศรีเกินไปแล้ว” เจสสิก้าคิดในใจ

“คุณอารียา อาการป่วยของคุณ……”ชุติเทพถามอย่างเป็นกังวล

“ไม่เป็นอะไรแล้ว ขอบคุณมากที่เป็นห่วงนะ” อารียายิ้มพร้อมพูด

“จริงสิชุติเทพ ผมมีธุระนิดหน่อยขอพาอารียาไปก่อนนะ”

รพีพงษ์พูดกล่าว : “ไออ้วนแล้วก็พ่อตา ขอให้พักอยู่กับนายไปก่อนเป็นการชั่วคราวนะ หากต้องการอะไรก็บอกกับฉันได้เลย ”

“วางใจเถอะ พวกเขาทั้งสองอยู่กับผม จะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน”ชุติเทพพูดตอบกลับ

“อื้ม”รพีพงษ์พยักหน้า หยิบบัตรเอทีเอ็มใบหนึ่งออกมา นี้เป็นบัตรที่เขาทำไว้ก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไร บางครั้งใช้เงินเล็กๆน้อยๆก็จะหยิบเอทีเอ็มสีดำของธนาคารโลกมาใช้ ก็ค่อนข้างไม่ค่อยจะสะดวกเท่าไหร่

แม้ว่า จำนวนเงินที่อยู่ในบัตรใบนี้ ก็มีประมาณเจ็ดล้านถ้วน

“มอบบัตรใบนี้ให้นายก็แล้วกัน ไว้ซื้อพวกอาหารเสริมให้เขาสองคนทานนะ” รพีพงษ์พูดกล่าว พร้อมนำบัตรส่งให้ชุติเทพ

ชุติเทพรู้จักนิสัยของรพีพงษ์ดี ก็ไม่ได้ปฏิเสธ

“โอเคแล้ว อารียา เราไปกันเถอะ”

รพีพงษ์พูดกล่าว

“เดี๋ยวก่อน ฉันมีบางคำพูดอยากจะพูดกับเจสสิก้าหน่อย พวกคุณออกไปก่อนเถอะ ไปรอฉันข้างนอกนะ”

ไม่ฟังคำอธิบาย อารียาผลักดันให้รพีพงษ์ออกไปแล้ว ชุติเทพก็เดินออกไปอย่างงงๆ

เห็นได้ชัดว่ารพีพงษ์ที่อยู่หน้าประตูค่อนข้างร้อนใจ ภาพวาดเหล่านั้นเมื่อตะกี้นี้เห็นได้ชัดว่าเป็นตัวเอง งั้นตอนนี้ อารียาอยากจะพูดอะไรกับเจสสิก้า?

ถ้าหากอารียาหึงขึ้นมา เกรงว่าตัวเองจะต้องใช้เวลาในการอธิบายแล้ว

“รพีพงษ์ ทำไมถึงรู้สึกว่าคุณจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยล่ะ ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเจอเรื่องใหญ่แค่ไหน ก็ไม่เห็นว่าคุณจะเป็นแบบนี้เลยนะ” ชุติเทพพูดอยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงเบาๆ

รพีพงษ์หันไปมองชุติเทพด้วยท่าทางที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ทันใดนั้น เขาก็เหมือนว่าจะเข้าใจแล้ว

“ห้องที่อยู่ข้างๆนั่น คือใครเหรอ?”รพีพงษ์ถามออกไปด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ผมเอง” ชุติเทพพูดกล่าว

รพีพงษ์พยักหน้า ใบหน้าขมวดคิ้วแน่น : “ชุติเทพ นายนี่ไม่ซื่อสัตย์มากเลยนะ พูดมา นายจงใจที่จะจัดให้ฉันเข้าไปในห้องของเจสสิก้าใช่ไหม จริงๆแล้ว นายรู้ตั้งนานแล้วว่าเจสสิก้านำรูปเหล่านั้นวางไว้ในห้อง! ”

“รูป รูปอะไร?ผมไม่รู้”

ชุติเทพเอ่ยพูดอย่างร้อนใจ หันหลังเดินออกไป : “ยายังอยู่บนเตาไฟ ผมต้องกลับไปดูหน่อย”

“คิดจะหนี?นายกลับมาพูดกับฉันให้ชัดเจนเดี๋ยวนี้นะ!”

รพีพงษ์พูดแล้ว ก็รีบเดินตามขึ้นไปเลย……

“พี่อารียา คุณ……คุณอยากจะพูดอะไรกับฉัน?ฉันยังมีธุระที่ต้องไปทำต่ออีกนะ”

ภายในห้อง เจสสิก้าเอ่ยถาม

อารียาเผยรอยยิ้ม ดึงเจสสิกามานั่งลงที่ข้างเตียง

“สาวน้อยเจสสิก้า เราสามารถคุยกันเหมือนพี่สาวน้องสาวได้ไหม” อารียาเอ่ยพูดต่อ

“พี่สาวน้องสาว?” เจสสิก้าพูดพึมพำ

“ทำไมเหรอ รพีพงษ์เคยพูดกับฉันตั้งนานแล้วว่าเขามีน้องสาวอย่างคุณ ในเมื่อคุณเป็นน้องสาวของรพีพงษ์ งั้นก็เป็นน้องสาวของฉันด้วย มันมีอะไรไม่เหมาะสมเหรอ?” อารียาเผยรอยยิ้มในแววตา

“ที่แท้……เขาก็เคยพูดกับคุณ ว่าฉันคือน้องสาวของเขาเหรอ”

เจสสิก้าก้มหน้าลง มือทั้งสองข้างบีบเข้าหากัน……

ชุติเทพอยู่ข้างนอกของคลินิกเกียวโต

หลังจากผ่านไป10นาที อารียาและเจสสิก้าทั้งสองคนเดินจับมือกันออกมา ทั้งสองคนเผยรอยยิ้มที่มุมปาก

“รพีพงษ์ เราไปกันเถอะ” อารียาพูดกล่าว

“พวกคุณนี่……”

เห็นผู้หญิงสองคนเดินจับมือกันมา เหมือนกับพี่น้องที่สนิทสนม รพีพงษ์ก็รู้สึกเหมือนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นแล้ว

“จะบอกคุณให้นะ ต่อไปคุณห้ามรังแกพี่อารียาเด็ดขาด ไม่อย่างงั้น ฉันจะไม่ให้อภัยคุณแน่นอน” เจสสิก้าเบะปากน้อยๆพร้อมพูด “ข่มขู่”

“อารียา……พี่สาว?”รพีพงษ์ประหลาดใจ

“ตอนนี้เจสสิก้าเป็นน้องสาวของฉันแล้ว ทำไม คุณไม่เห็นด้วยเหรอ?”อารียายิ้มพร้อมพูด

“เห็นด้วยอย่างมาก!ยินดีด้วยที่ภรรยามีน้องสาวที่แสนดีเพิ่มอีกหนึ่งคน!” รพีพงษ์พูดอย่างรีบร้อน

หลังจากที่บอกลากับชุติเทพและเจสสิก้าแล้ว รพีพงษ์ก็พาอารียาออกไปจากที่นี่

เมื่อได้ยินว่ารพีพงษ์จะไปแล้ว ไม่ว่ายังไงไออ้วนก็จะไปด้วย แต่ว่าจนใจ เขาในตอนนี้ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียง แม้แต่เจสสิก้าก็สามารถทำให้เขาซูฮกได้

ระหว่างทางที่กลับมา อารียาและรพีพงษ์นั่งอยู่ในรถเก๋ง

“รพีพงษ์ มีเรื่องหนึ่งที่ฉันคิดว่าคุณต้องอธิบายให้ฉันฟังหน่อยแล้ว”

“เรื่องอะไร?”รพีพงษ์เอ่ยถาม

“รูปเหล่านั้นของเจสสิก้า คนที่อยู่ในรูป……เป็นคุณใช่ไหม”

สุดท้ายอารียาก็เกิดความหึงหวงขึ้นมาแล้ว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท