พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1202 การมีคู่ครองเพียงคนเดียว

บทที่1202 การมีคู่ครองเพียงคนเดียว

ในเวลานี้ ตัวตนที่แท้จริงของธีรพัฒน์ใกล้จะหายไปแล้ว เขาใช้การควบคุมสติอันแข็งแกร่งและพละกำลังของแดนเทพประคองตัวเอง

“ไม่ ผมไม่อนุญาตให้คุณทำแบบนี้ ”รพีพงษ์พูดกล่าว : “หากการช่วยชีวิตอารียาคือการแลกเปลี่ยนชีวิตกับท่านผู้เฒ่า ผมรับไม่ได้เด็ดขาด!”

“รพีพงษ์!”ธีรพัฒน์กัดฟันพูดว่า : “อีกหนึ่งชั่วโมง ก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ถ้าหากเอ็งมายอมแพ้ตอนนี้ งั้นก็ล้มเหลวจากการพยายามครั้งสุดท้ายแล้ว!ข้ามีชีวิตอยู่นานมากแล้ว โดดเดี่ยวมากว่าร้อยปี เป็นเพราะเอ็งที่ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนว่าได้เกิดใหม่ ตอนนี้ข้าช่วยยัยอารียา อย่างมาก ก็แค่กลับไปอยู่บนหน้าผา ไม่เห็นจะเป็นไรเลย!”

“ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด!”

รพีพงษ์ตัดสินใจแน่วแน่ : “จิตวิญญาณของจอมมารชูร่าจางหายไป ผมคิดว่า นี่คือเหตุผลที่ทำไมช่วงนี้คนของทวีปโอชวินมายังโลกบ่อยๆเช่นนี้ ในเวลานี้ โลกใบนี้ของเราต้องการคนที่มีสติปัญญาอย่างคุณมาก!”

“อะไรนะ?จิตวิญญาณของจอมมารชูร่าจางหายไป?”ธีรพัฒน์มองไปยังรพีพงษ์ด้วยความตกใจ

“ถูกต้อง”

รพีพงษ์พยักหน้า เก็บพลังกลับมา : “ท่านผู้เฒ่า ที่ก้นทะเลสาบของเทือกเขากิสนา ผมเห็นจอมมารชูร่าเองกับตา และเห็นจิตวิญญาณของเขาจางหายไปเองกับตาเช่นกัน”

“เอ็งพูดว่าอะไรนะ?”

ธีรพัฒน์ตัวสั่นคลอนไปทั้งตัว ลมหายใจที่อ่อนแรงลงอย่างเขาทันใดนั้นกลับว่าค่อนข้างตกใจแล้ว

“เอ็งบอกว่า เอ็งเห็นจิตวิญญาณของจอมมารชูร่าดับสูญไปเหมือนกับฝันหวานกับตาตัวเอง?นี่……เป็นความจริงเหรอ?”

“ใช่ครับ”รพีพงษ์พยักหน้า

แม้ว่าร่างกายของธีรพัฒน์จะเลือนรางแล้ว แต่แววตาทั้งสองข้างยังคำนำมาซึ่งความปีติยินดีที่มีกำลังวังชา

“หลังจากได้ยินว่าจอมมารชูร่าสิ้นชีวิตแล้ว จิตวิญญาณไม่ดับสูญ เพื่อรอคอยคนที่จะมาสืบทอดทักษะวิชาความรู้ของเขาต่อไป เมื่อเจอคนนี้ ก็จะนำสิ่งที่เรียนรู้มาทั้งชีวิตถ่ายทอดต่อไป จิตวิญญาณถึงจะดับสูญ”

เขามองไปยังรพีพงษ์อีกครั้งหนึ่ง : “นี่ก็พูดได้ว่า เอ็ง เป็นคนที่ได้รับการสืบทอดต่อจากจอมมารชูร่า?”

รพีพงษ์พยักหน้า นำเรื่องที่เกิดขึ้นที่ใต้ก้นทะเลสาบทั้งหมดเล่าให้แก่ธีรพัฒน์ฟังทั้งหมดแล้ว

“ดี ดีมากเลย!”

ธีรพัฒน์ยิ้มพร้อมพูดว่า : “จอมมารชูร่า เป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์ที่เกิดขึ้นได้น้อยมากบนโลกใบนี้ของเรา สามารถเป็นที่พอใจของเขาได้ ก็แสดงให้เห็นถึง พรสวรรค์ที่โดดเด่นในตัวของเอ็ง ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย!หากเป็นแบบนี้ล่ะก็ เราจะกลัวทวีปโอชวินกันทำไม!”

“ท่านผู้เฒ่า ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ ผมก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย เพราะว่าพูดตามความจริง จนถึงตอนนี้ผม ก็เพิ่งจะเข้าใจทักษะขั้นพื้นฐานของวิชามังกรเลื้อย และเพลงยุทธจอมมารของเขามีหลายกระบวนท่ามาก งดงามอ่อนช้อยอย่างมาก ส่วนอื่นๆ ผมยังไม่มีความสามารถพอที่จะควบคุมมันได้ ”รพีพงษ์พูดกล่าวตามความจริง

ไม่เคยคิดมาเลย หลังจากที่ธีรพัฒน์ได้ยินแล้ว กลับว่าพูดชื่นชมว่า : “อัจฉริยะ อัจฉริยะจริงๆ”

“ห๊ะ?”รพีพงษ์ค่อนข้างไม่เข้าใจ

เพลงยุทธที่สืบทอดต่อจากจอมมารชูร่ามีสิบกว่ากระบวนท่า ทุกๆเพลงยุทธเป็นการทำลายล้างโลกที่มีอยู่

และวิชามังกรเลื้อยที่ตัวเองฝึกฝนมาทั้งหมด ถือเป็นเพลงยุทธในระดับที่ต่ำที่สุดที่มีอยู่

“วิชามังกรเลื้อย กระบี่มังกรเลื้อย ทรงพลังอย่างมาก เอ็งรู้ไหมว่าก่อนหน้านี้จอมมารอาชูร่าใช้เวลาฝึกฝนเพลงยุทธนี้นานแค่ไหนไหม?”ธีรพัฒน์พูดกล่าว

รพีพงษ์ส่ายหน้า

ธีรพัฒน์ยื่นมือทั้งห้านิ้วออกมาอย่างลึกลับ

“ห้าวัน?”รพีพงษ์กล่าว

“ไม่ใช่ ห้าปี!”ธีรพัฒน์พูดอย่างมั่นใจ

“ห้าปีเหรอ?” รพีพงษ์ค่อนข้างตกใจมาก : “ผม……ดูเหมือนว่าเวลาที่ผมฝึกฝนจะสั้นกว่าเขามาก”

“ดังนั้นจึงพูดว่า เอ็งเหมาะสมที่เป็นคนที่จอมมารชูร่าพึงพอใจ” ธีรพัฒน์พูดกล่าว : “แต่ว่าเอ็งก็อย่ายิ่งผยองตัวเกินไป ต้องรู้ไว้ว่า ตอนที่จอมมารชูราเข้าใจทักษะขั้นพื้นฐานของวิชามังกรเลื้อย แต่ว่าก็เสกมังกรหกตัวขนาดใหญ่ออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์แล้ว นี่คือ……เกรงว่าเอ็งจะยังห่างไกลจากเขตแดนของเขามาก”

“เป็นแบบนี้เหรอ?”

รพีพงษ์พูดกล่าว

และในเวลานี้ กระบี่สยบเซียนบนตัว มังกรเก้าตัวขนาดใหญ่ที่พันกัน เปล่งแสงทองอร่ามออกมา!

ธีรพัฒน์แข็งทื่อเป็นหินไปแล้ว ผ่านไปนานถึงพูดอย่างเชื่องช้าว่า : “ข้าใช้ชีวิตมากว่าร้อยปีแล้ว วันนี้ถึงจะได้เห็นอัจฉริยะที่แท้จริง!ถึงข้าต้องตายไปก็ไม่เสียดายแล้ว!”

เพียงพริบตาเดียว ธีรพัฒน์ก็พูดกับรพีพงษ์ว่า : “เด็กดี ในโลกมีเอ็งอยู่ ข้าก็วางใจแล้ว เรามาเริ่มรอบที่สามกันเถอะ”

“ไม่แล้วล่ะ ผมตัดสินใจแล้ว ”รพีพงษ์เก็บกระบี่สยบเซียนกลับมาแล้ว พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“แต่ว่า แค่ดำเนินการสองรอบ มันไม่เพียงพอเลย สิ่งที่สำคัญอยู่ที่รอบที่สาม แม้ว่าตอนนี้ยาเปลี่ยนวิญญาณในตัวภรรยาของเอ็งจะถูกระงับไว้แล้ว แต่ว่า อย่างมากที่สุดก็แค่หนึ่งปี หลังจากหนึ่งปีผ่านไป พิษของยาเปลี่ยนวิญญาณก็จะกลับมากำเริบ และก็ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว” ธีรพัฒน์พูดกล่าว

“หนึ่งปี เพียงพอแล้ว” รพีพงษ์พูดกล่าว

“แต่ว่า……”ธีรพัฒน์เป็นกังวลอย่างมาก แต่ว่า ไม่มีการช่วยเหลือจากจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ เขาไม่สามารถดำเนินการวนรอบที่สามของพลังแห่งไม้เทพได้สำเร็จผล

“ท่านผู้เฒ่า ความหวังดีของคุณผมรับไว้แล้ว”

รพีพงษ์พูดกล่าว เหลือบตาไปมองที่อารียาที่นอนหลับฝันหวานอยู่บนเตียงนอน : “อีกอย่าง ถ้าหากให้อารียารู้เข้าว่าเพื่อช่วยชีวิตเธอ จึงต้องเสียสละชีวิตของท่านผู้เฒ่าไป เธอจะต้องตำหนิผมไปตลอดชีวิต”

“รพีพงษ์ เด็กน้อยอย่างเอ็ง ช่างหัวรั้นจริงๆ วันนี้ข้าได้เห็นเอ็งเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้ ถึงตายไปแล้วยังไง!”ดูเหมือนว่าธีรพัฒน์จะร้อนใจแล้วจริงๆ

รพีพงษ์ทำได้เพียงยิ้มเล็กน้อย : “ศิษย์พี่ คุณ ยอมสละชีวิตเพื่อยืดอายุให้อารียาถึงหนึ่งปี ผมก็ซาบซึ้งใจมาก เรื่องต่อจากนี้ไป ให้เป็นหน้าที่ของผมเองเถอะ ผมมีความมั่นใจว่าสามารถช่วยชีวิตของอารียาให้รอดพ้นได้”

พูดแล้ว รพีพงษ์มีท่าทางกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวา แสดงความห้าวหาญออกมาอีกครั้ง

“เพียงแค่ยาเปลี่ยนวิญญาณเม็ดเดียวเท่านั้น คนของทวีปโอชวินอย่างพวกเขาสามารถผลิตออกมาได้ ผมไม่เชื่อ ในโลกของพวกเราไม่สามารถผลิตยารักษาออกมาได้!ผมต้องการพิสูจน์ว่า คนของโลกเราไม่ได้เป็นเพียงแค่มดในสายตาของคนทวีปโอชวิน ในทางกลับกัน มีเพียงความแข็งแกร่งกว่าพวกเขาเท่านั้น!”

รพีพงษ์พูดเสียงเคร่งเครียด

ผู้ชายคนนี้จะกลายเป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่!

ธีรพงษ์พยักหน้าหงึกๆ ความห้าวหาญที่แพร่ซ่านออกมาจากบนตัวของรพีพงษ์ ล้วนแต่ทำให้เขาชื่นชมมากเลยทีเดียว บางทีอาจจะ เป็นเหตุผลว่าทำไมรพีพงษ์ถึงสามารถได้รับการสืบทอดต่อจากจอมมารชูรา!

“โอเค ในเมื่อเอ็งตัดสินใจที่จะคิดแบบนี้ งั้นข้าก็จะไม่พูดอะไรเยอะแยะแล้ว”

ธีรพัฒน์พูดกล่าวว่า : “ก่อนที่จะไป ข้าขอแนะนำอะไรกับเอ็งสักหน่อยนะ”

“แนะนำอะไรเหรอ?”รพีพงษ์พูดถาม

“สำนักเทพยาเซียน!” ธีรพงษ์พูดว่า : “เอ็งสามารถลองไปเสี่ยงดูอาจจะสำเร็จก็ได้นะ”

รพีพงษ์พยักหน้า ดูเหมือนว่า ตัวเองและธีรพัฒน์คิดไปในทิศทางเดียวกัน

ภายในวันนี้ เม็ดยาที่พัฒนามาจากสำนักเทพยาเซียน ไม่ว่าจะเป็นลำดับหรือว่าคุณภาพ ล้วนเป็นลำดับที่หนึ่งของโลก

“ท่านผู้เฒ่า คุณจะกลับไปแล้วเหรอ?” รพีพงษ์พูดถาม

ธีรพัฒน์พยักหน้า ยิ้มเบาๆพร้อมพูดว่า : “มีโอกาสก็ไปหาข้าที่กลุ่มสิงโต ฉันจะรอเอ็งอยู่ที่หลังเขานะ”

พูดแล้ว ลมหายใจของเขาก็อ่อนแรงลงเรื่อยๆ

ประตูเปิดออก ธีรพัฒน์เงียบสงบ ค่อยๆจางหายไป

มองไปยังเมฆบนท้องหลากสี รพีพงษ์ตกเข้าไปอยู่ในห้วงความคิด

วันนี้ เขาได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเองที่มีต่อโลกใหม่อีกครั้ง และก็ได้ทำให้เขาคิดพิจารณาเยอะแยะมากมาย สุดท้ายแล้ว เขาก็ได้รับข้อสรุป นั่นก็คือ ตอนนี้ เวลาที่จะยกระดับเพิ่มความแข็งแกร่งให้เขานั้น มีไม่มากแล้ว

ไม่เพียงแค่เท่านี้ หากวันใดวันหนึ่งทวีปโอชวินเข้ามาก่ออาชญากรรมอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยความสามารถของตัวเอง เกรงว่าจะไม่สามารถต้านทานได้

เพราะฉะนั้น เขาต้องการผู้ที่แข็งแกร่งในโลกนี้อย่างมาก เพื่อมาร่วมต่อต้านทวีปโอชวิน

รวมสยบเซียน!

ในสมองของรพีพงษ์จู่ๆก็คิดชื่อๆหนึ่งขึ้นมาได้ แต่ด้วยเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการ การขจัดยาเปลี่ยนวิญญาณที่อยู่ในร่างกายของอารียานั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

“ออกมาเถอะ!”

รพีพงษ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

ชยนต์ที่แสดงสีหน้าจริงจังและตมิสาที่แก้มทั้งสองข้างงดงามเฉกเช่นดอกท้อสีแดงระเรื่อดิ่งลงมาจากชายคาพร้อมกัน

เมื่อกี้พวกเขาคอยคุ้มกันลานบ้านนี้อยู่ตลอด

“นายท่าน เมื่อกี้เด็กผู้หญิงที่ชื่อว่าเจสสิก้าอยากจะบุกเข้ามา แต่ก็ถูกเด้งกลับไปแล้ว มองออกว่า เธอค่อนข้างร้อนใจ ” ตมิสายิ้มพร้อมพูดกล่าว

“เจสสิก้า?เธอได้รับบาดเจ็บไหม?”รพีพงษ์พูดถาม

ตมิสายิ้มพร้อมพูดว่า : “ไม่เป็นอะไรค่ะ อย่างมากก็แค่ผิวหนังถลอกเท่านั้น ทำไม นายท่านดูเหมือนว่าจะเป็นห่วงเธอมาก ไม่งั้นให้ฉันพูดกับเขาไหม ให้เธอเป็นภรรยาน้อยของคุณไหม?”

“ภรรยาน้อย?”

รพีพงษ์จ้องมองไปยังตมิสาด้วยความโกรธ

“ทำไม?” ตมิสาแสดงถึงความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างมาก : “ผู้ชายมีภรรยาเยอะเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ อีกอย่างผู้ชายที่ทั้งหล่อเหลาและมีเงินทองอย่างนายท่าน มีภรรยาสัก30-40คนก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?”

“ตมิสา ไม่ต้องพูดจามั่วซั่ว แต่งงานกับผู้หญิง30-40คน แกคิดอยากจะให้ร่างกายของนายท่านเหนื่อยแย่เลยใช่ไหม?”

ชยนต์มองไปยังตมิสาอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง ช่วยรพีพงษ์พูดอย่างเอาจริงเอาจัง

รพีพงษ์ส่ายหัวอย่างจนใจ ดูเหมือนว่าหากมีเวลาว่างแล้ว จะต้องเผยแพร่กฎหมายการแต่งงานสมัยใหม่ให้กับหุ่นเชิดสองตัวนี้สักหน่อยแล้ว

มีภรรยาเยอะ แล้วก็ 30-40คน?นี่มันล้อเล่นกันเหรอเนี่ย

“ปัจจุบันนี้มันเป็นแบบการมีคู่ครองคนเดียว ต่อไป พวกนายใครก็ห้ามพูดจามั่วซั่วอีก”

พูดแล้ว รพีพงษ์ก็หันหลังเดินกลับห้องไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท