พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1218 ในแดนเทพฉันเป็นใหญ่ที่สุด!

บทที่1218 ในแดนเทพฉันเป็นใหญ่ที่สุด!

ก็แค่แดนดั่งเทพขั้นกลางเท่านั้นเอง รพีพงษ์ไม่มีทางสนใจเขาหรอก

“งั้น……เรามาต่อสู้กันสักตั้งเถอะ”

พูดพลาง ดาบยาวแบบเดียวกัน ก็ปรากฏอยู่ในมือของเมธิดาเช่นกัน

ยอดฝีมือแดนดั่งเทพสร้างอาวุธอย่างมหัศจรรย์ เป็นเรื่องที่ปกติมาก

เพียงแค่ สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกตกใจก็คือ ฝีมือของเมธิดาเป็นเพียงแดนดั่งเทพขั้นกลางเท่านั้น ทำไม ดาบที่อยู่ในมือของเขา ราวกับว่าจะมีพลังแข็งแกร่งมากกว่า ดาบที่อยู่ในมือตัวเองเสียอีก วัสดุก็ดูบริสุทธิ์กว่าเช่นกัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

รพีพงษ์ค่อนข้างประหลาดใจ

เมธิดายิ้มอย่างสงบ “ทำไม รู้สึกแปลกใจใช่มั้ย ฝีมือของแกดีกว่าฉันแท้ๆ แต่เมื่อดูๆไปแล้ว อาวุธที่แกปล่อยออกมา ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าของฉันเลย”

“ก็แค่อาวุธ ไม่มีปัญหาอะไร” รพีพงษ์กล่าวอย่างดูแคลน “สุดท้ายแกก็ต้านทานดาบนี้ของฉันไม่ไหว นี่เป็นการยับยั้งพลัง”

“ไอ้นี่ ที่แท้ก็จองหองใช้ได้อยู่นะ แต่ ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวแกจะยังเป็นแบบนี้ได้อีกมั้ย”

เมธิดาพูดพลาง ลงมือก่อน ใช้ดาบในมือฟันไป

“ความเร็วแค่นี้ ยังกล้าโอหังกับฉันอีก?”

รพีพงษ์แสดงสีหน้าเยาะเย้ย

ความจริง ความเร็วของแดนดั่งเทพขั้นกลางและแดนดั่งเทพขั้นสุดยอด เมื่อเทียบกันแล้วยังห่างกันมากมาย

ใช้ดาบฟันลงมาเหมือนกัน แต่รพีพงษ์กลับเร็วกว่า พลังก็เพียงพอ

ดาบยาวทั้งสองฟาดฟันกันอยู่ในอากาศ

เสียงดังเป๊ง

จู่ๆรพีพงษ์รู้สึกว่าซอกนิ้วของตัวเองชา

และพลังแบบนี้ราวกับไม่ได้มาจากที่เมธิดาปล่อยมา มากไปกว่านั้นเหมือนว่าจะมาจากพลังของดาบยาวในมือเขา!

นี่มัน……

มองไปที่ดาบยาวในมืออีกครั้ง ขณะนี้ จู่ๆกลับถูกดาบยาวของอีกฝ่ายตัดขาดเป็นสองท่อน!

“ฮ่าฮ่า!”

เมธิดายืนเอามือไขว้หลัง ดูดีมีระดับ แล้วหัวเราะ “รพีพงษ์ รู้แล้วล่ะสิ ว่าทำไมฉันถึงปกป้องผู้สูงอายุพรตด้วยพลังทั้งหมดที่มี”

ขณะนี้ พรตและตนัสได้มาอยู่ที่ด้านหลังของเมธิดา

พรตใช้สายตาบวมเหลี่ยม อย่างน่ากลัว “เด็กน้อย ฉันบอกแล้ว ว่าอย่างทำผิดต่อนักกลั่นยา เพราะ แกไม่มีทางรู้ได้ว่าที่พึ่งที่อยู่เบื้องหลังของเขานั้นเป็นใคร!”

รพีพงษ์เคร่งเครียด มองไปยังสามคนที่อยู่ตรงหน้า

รพีพงษ์ที่ฉลาดได้เดาต้นสายปลายเหตุบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว

“ฉันเข้าใจล่ะ ดาบยาวที่ปรากฏออกมาในมือของแก ที่แข็งแกร่งได้ขนาดนี้ น่าจะได้รับพลังจากยาที่พรตทำไว้สินะ” รพีพงษ์กล่าว

“แกพูดถูก”

เมธิดาตอบ “นี่ คือประโยชน์ของนักกลั่นยา”

รพีพงษ์ครุ่นคิดในใจ ไม่ต้องพูด ก็รู้ได้ว่ายาแบบนี้ต้องเป็นยาชั้นเลิศแน่นอน

รู้ไว้ ว่าบนโลกนี้ ยาชั้นเลิศอยู่ที่ยอดพีระมิด และผู้อาวุโสของสำนักเทพยาเซียน แม้ในมือจะมีใบสั่งยาของยาชั้นเลิศ แต่ ถ้าอยากผลิต เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จมีไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์

แว็บเดียวรพีพงษ์ก็เข้าใจความลึกลับบางอย่าง

ที่คนเหล่านั้นของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ มีฝีมือเก่งกว่าคนของสำนักเทพยาเซียน น่าจะเปอร์เซ็นต์การผลิตยาของพวกเขาสูงกว่า คุณภาพก็ดีกว่า

“เด็กน้อย ไม่ว่าแกจะปล่อยอาวุธอะไรออกมา ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน”

“เห็นแก่พรสวรรค์อันยอดเยี่ยม อายุน้อย คิดไม่ถึงว่าจะฝึกฝนจนเป็นระดับนี้ ถ้าตอนนี้แกจากไป ฉันจะไว้ชีวิตแก แต่แกต้องสัญญา ว่าต่อไปจะไม่หาเรื่องผู้สูงอายุพรตอีก!” เมธิดากล่าว

รพีพงษ์ยิ้มมุมปาก “แกจะให้ฉันสัญญากับแก? มีสิทธิ์อะไร?”

“แก……”

เมธิดาเกรี้ยวกราด “สิทธิ์ที่ในมือฉันมีดาบยาว! ไง แม้แกจะเป็นแดนดั่งเทพขั้นสุดยอด แต่ยังไงก็มีเลือดมีเนื้อ ฉันไม่เชื่อ ว่าแกจะเอาดาบยาวของฉันอยู่หมัด!”

เมธิดารู้ดี ในเรื่องฝีมือ ตนไม่ใช่คู่ต่อกรของวัยรุ่นคนนี้ แต่ ดาบยาวที่ปรากฏออกมาในมือของเขา หลังจากที่ผ่านการเพิ่มพลังของตัวยาของพรต เรียกได้ว่าเป็นอาวุธเทพก็ว่าได้

อาวุธเทพหนึ่งชิ้น สามารถย่นความแตกต่างของทั้งสองได้

“แกคิดว่า ฉันทำลายดาบยาวของแกไม่ได้?” รพีพงษ์ดูแคลนพลางถาม

“แน่นอน สิ่งที่เห็นเมื่อกี๊ประจักษ์ชัดแจ้ง แกก็เห็นแล้ว” เมธิดากล่าว

ขณะนี้ พรตที่หลบอยู่ด้านหลังของเมธิดาได้ออกมา

““ประมุกเมธิดา อย่าไร้สาระกับมันมาก ฆ่ามันซะ!” ต่อไปผมจะให้ยาชั้นเลิศสองเม็ดกับประมุกทุกๆปี!”

“ถูก ฆ่ามันซะ ไอ้นี่มันเจ้าเล่ห์ คุณระวังตกหลุมพรางมันนะ แม่ง กูถูกมันทำร้ายอย่างอนาถ!”

ตนัสอยู่ข้างๆแล้วกล่าว

รพีพงษ์มองพวกเขาอย่างไม่สนใจ จากนั้นก็พูดกับเมธิดา “ชีวิตของมันทั้งสอง ฉันจะต้องฆ่ามันให้ได้ ฉันเห็นว่าแกเป็นผู้เฒ่าตาพร่ามัวเท่านั้น ไม่ได้เลวโดยสันดาน ถ้าไปตั้งแต่ตอนนี้ ยังทัน”

รพีพงษ์ ฉันพูดแล้วนะ ผู้สูงอายุพรต ฉันจะปกป้องเขา” เมธิดาพูดพลาง ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว อย่างไม่ยอมแม้แต่น้อย

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันจะไม่ออมมือแล้วนะ!”

รพีพงษ์กล่าวอย่างไม่รู้สึกรู้สา

“เข้ามาเถอะ ฉันละอยากจะเห็นว่าแกจะทำลายดาบยาวของฉันเล่มนี้ยังไง”

เมธิดาพูดพลาง รำดาบ แสงสีทองประกายรอบๆ ราวกับเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก

สายตาที่เยือกเย็นของรพีพงษ์แฝงด้วยความเหยียดหยาม “ประมุกเมธิดา คุณไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”

“แกกล้าว่าฉันอย่างนี้!”

เมธิดาโมดหจนตัวสั่น

หอกวยหลายเป็นชุมชนใหญ่อันดับหนึ่งของเจียงหนาน ตำแหน่งของเมธิดาไม่ได้อยู่ในระดับต่ำ และเขายังไม่เคยถูกว่าแบบนี้มาก่อนด้วย

พลังในตัวของรพีพงษ์ค่อยๆถูกปล่อยออกมา

พลังจิตวิญญาณเทพปล่อยออกมา คลุมทั้งห้องเอาไว้

“วันนี้ พวกแกไม่ว่าใครอย่าคิดจะออกจากห้องนี้ไปได้!”

พูดพลาง ดาบคมแสงทองด้ามหนึ่ง พลังค่อยๆเพิ่มขึ้น

รพีพงษ์กระโจนตัว จับดาบคมไว้ในมือ

“นี่มัน……”

เมธิดาตะลึง พวกพรตที่อยู่ข้างหลังก็ตะลึงจนพูดไม่ออก

จากนั้น เหตุการณ์ประหลาดได้เกิดขึ้น

เห็นเพียงดาบยาวที่เมธิดาปล่อยออกมา สั่นคลอนอยู่ในมือของเขา

รพีพงษ์ยิ้ม

กระบี่สยบเซียนเป็นสุดยอดของอาวุธเทพ สำหรับอาวุธต่างๆในโลก ล้วนถูกกดไว้ทั้งหมด

“แม้แต่ดาบยังจับไว้ไม่แน่นเลย แล้วแกจะสู้กับฉันยังไง” รพีพงษ์ดูแคลน

“ไอ้เลว!”

เมธิดาสองมือจับไว้แน่น กลั่นพลังที่มีในตัวออกมา

ในแดนเทพ ฉันเป็นใหญ่ที่สุด!

เสียงนี้ ทำให้สามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ช็อกสุดๆ

ในแดนเทพ ฉันเป็นใหญ่ที่สุด! มันต้องมั่นใจขนาดไหนกัน

แต่ตอนนี้ พวกเขาเห็นความอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับรพีพงษ์ มีเหตุผลให้เชื่อแน่นอน ว่ารพีพงษ์มีสิทธิ์ และฝีมือที่จะพูดประโยคนี้!

“ปล่อย!”

กระบี่สยบเซียนพุ่งไปที่เมธิดา อย่างง่ายดายตรงๆ!

เมธิดาใช้มือทั้งสองยกดาบยาวขึ้นมา

ราวกับว่าแม้กระบี่ของกระบี่สยบมารไม่โดน เพียงแค่พลังกระบี่ที่ปล่อยออกมาจากตัวกระบี่สยบมาร ก็ทำให้เมธิดาต้านทานไม่อยู่

ไม่นาน ดาบยาวสลายไปโดยตรง ต้านทานการโจมตีของกระบี่สยบมารไว้ไม่อยู่

“นี่!”

เมธิดาหน้าถอดสี เงยหน้ามองขึ้นไป เห็นเพียงเงาดำๆที่อยู่ตรงหน้า

“รพีพงษ์!”

ตนัสตะโกน

รพีพงษ์เดินมาถึงด้านหน้าเมธิดา ยื่นมือรับกระบี่สยบมาร

“จบแล้ว!”

รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น กระบี่ของกระบี่สยบมาร อยู่ตรงคอของเมธิดาพอดี

เพียงแค่อึดใจเดียว ตัวเองได้ถูกบีบจนไร้ซึ่งพลังในการโต้กลับแต่อย่างใด

เมธิดาเกิดความกลัวขึ้นในใจ วัยรุ่นคนนี้ แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ!

“ตอนนี้ แกยังคิดว่าแกจะปกป้องพวกมันทั้งสองไว้ได้อีกมั้ย?”

รพีพงษ์ใช้สายตาข่มขู่มองไปที่เมธิดา เพียงแค่เมธิดาตอบไม่ถูกใจสักนิด กระบี่สยบมารที่อยู่ในมือจะสังหารทันที!

“ฉัน……”

เมธิดาก้มหน้า ตอนนี้คิดๆ เมื่อกี๊ที่ตัวเองคุยโวไว้ เมื่อฟังแล้วมันน่าตลกขนาดไหนกัน

“แกไปเถอะ ฉันไว้ชีวิตแก ต่อไปถ้ามีโอกาส ฉันจะไปหาแกที่หอกวยหลาย”

รพีพงษ์พูดอย่างสงบ

เมธิดามองพวกพรตด้วยสายตาที่ซับซ้อน ก้มหน้าลง แล้วออกจากที่นี่

“ประมุกเมธิดา อย่าไปสิ คุณไปแล้วผมจะทำยังไง!”

พรตมองด้านหลังของเมธิดา แล้วตะโกนเสียงดัง

“พ่อง ไอ้แซ่อวี๋ ต่อไปอย่าได้คิด จะเอายาจากฉันอีก!”

เมธิดาหายไปอย่างเร็ว เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว ยาสำคัญไฉนเล่า?

“ตอนนี้ ถึงเวลาของพวกแกอาจารย์และศิษย์ทั้งสองแล้วละ”

รพีพงษ์เอากระบี่สยบมารกลับมา การฆ่าพวกเขา ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่เทพแต่อย่างใด

มองสายตากดดันของรพีพงษ์ ศิษย์และอาจารย์ทั้งคู่มองไปรอบๆ พบว่าไม่มีทางเลือกอื่น ทำได้เพียงคุกเข่าลง

“ไอเหี้ย ตนัส มึงแม่งเป็นแดนดั่งเทพไม่ใช่เหรอ รีบเข้าไปสิ!” พรตตะคอกออกมา

ที่แท้ ตนัสสุภาพบุรุษจอมปลอม ชื่อตนัส เขาเพียงแค่รู้สึกว่าชื่อของตัวเองต่ำมาก ดังนั้นจึงได้เสแสร้งตั้งชื่อที่ฟังแล้วเหมือนชื่อของเซียนนักพรต

“อาจารย์ อาจารย์ก็เคยเห็นฝีมือมันแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าผมเข้าไป ก็รนหาที่ตายนะสิ?”

ตนัสกล่าว “อาจารย์อายุมากแล้ว ควรลิ้มลองก็ได้ลิ้มลองมาหมดแล้ว ท่านไปตายก่อนก็แล้วกัน!”

“แก……ไอ้ศิษย์เลว ต่อไปอย่าเรียกฉันว่าอาจารย์อีก!” พรตกล่าว

“ไม่เรียกก็ได้ ท่านนอกจากจะสอนผมในเรื่องหลอกลวง ก็ไม่เคยสอนเรื่องจริงๆจังๆให้ผมเลย เคยมองผมเป็นศิษย์ที่ไหนกัน!”

“แก……” พรตโมโหจนพูดไม่ออก

รพีพงษ์พูดเสียงเยือกเย็น ทำให้สองคนที่ทะเลาะกันอยู่เงียบลงอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว พวกแกไม่ว่าใครก็ไม่รอด”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท