บทที่ 1232 การทดสอบเล็กๆ
“ต่อไป พวกเราจะทำอย่างไรกันดี? คุณจะสอนผมกลั่นยาอย่างไร?” รพีพงษ์ถาม
“วางใจเถอะ ผมจะสอนคุณให้เป็นให้ได้ แต่ว่า ก่อนที่จะสอนคุณ คุณอย่าลืมเรื่องที่พวกเราตกลงกันไว้ล่ะ ปยุตก็มองรพีพงษ์อย่างจริงจังมาก”
รพีพงษ์ยิ้มพยักหน้า “ก็แค่รอธส์ไชลด์เอง วางใจเถอะ เดี๋ยวผมจัดการให้เอง”
ที่แท้ ระหว่างทางที่ทั้งสองคนเดินทางมาถ้ำนี้นั้น รพีพงษ์รู้ว่าเขาชอบเหล้ามาก ก็เลยรับปากไปว่า หลังจากที่เรียนจบแล้ว ก็จะให้รอธส์ไชลด์แก่ปยุต
“ในเมื่อนายใหญ่ตระกูลลัดดาวัลย์รับปากแบบนี้ งั้นผมก็วางใจแล้วล่ะ”
ปยุตยิ้มๆ แล้วก็หุบรอยยิ้มไป สีหน้าก็กลับมานิ่งเหมือนเดิม
ต่อไปนี้ ก็จะเริ่มเรียนอย่างเต็มตัว!
“หนังสือเล่มที่4 จากซ้ายในแถวที่5จากด้านล่างนับลงมาจากของแถวที่6 คุณไปหาออกมา”
ปยุตนอนเอนหลังอยู่ที่เบาะข้างๆ แล้วสั่งการไป
รพีพงษ์ก็ไปหาคัมถีร์ตามที่ได้รับคำสั่งมา
ความหนาของหนังสือเล่มนี้ มันหนากว่าหนังสือเล่มอื่นๆ 3-4เล่มรวมกัน
“ที่คุณต้องทำก็คือ จดเนื้อหาทั้งเล่มนี้ให้หมด!” ปยุตกล่าว
“จำทั้งหมดเลยงั้นหรือ?”
รพีพงษ์ตกใจเล็กๆ
“ทำไมล่ะ แค่เริ่มต้น ก็จะถอดใจแล้วหรือไง?” ปยุตประชดเล็กๆ
“ไม่มีทาง ในเมื่อผมเลือกแล้ว ก็จะไม่ถอดใจเด็ดขาด”
รพีพงษ์พูดอย่างจริงจัง
เดิมทีนึกว่าจะเริ่มสอนเขากลั่นยาเลยทันที ไม่คิดว่า จะให้ตนเองมานั่งท่องหนังสือเสียนี่
พอเปิดมาที่ชื่อเรื่องของหนังสือ รพีเข้าฌานษ์ก็เพิ่งเห็นว่า หนังสือเล่มนี้บันทึกตัวยาสมุนไพรทั้งหมดในโลกนี้เอาไว้ ทั้งโครงร่าง ฤทธิ์ยา และสรรพคุณ
“รีบอ่านหนังสือเข้า เวลาของพวกเราไม่มากแล้ว”
ปยุตที่นอนอยู่บนที่นอน ก็พูดขึ้นมา
รพีพงษ์พยักหน้า แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วก็เริ่มตั้งสติอ่านคัมภีร์เล่มนี้
เห็นรพีพงษ์เป็นแบบนี้ มุมปากของปยุตก็ยิ้มขึ้นมาเล็กๆ
“ในเมื่อเป็นคนมีพรสวรรค์ งั้นก็เอาความเป็นพรสวรรค์ออกมาให้ผมได้เห็นหน่อยแล้วกัน”
ระยะเวลาค่อยๆ ผ่านไป
บนที่นอน ปยุตก็ได้นอนกรนหลับไป
ส่วนทางนี้ รพีพงษ์ก็เหมือนจะเข้าไปสู่ห้วงเวลาของตนเอง เขาที่กำลังใจจดใจจ่อ ไม่ได้สนใจสภาพแวดล้อมภายนอกเลย
แน่นอนว่า การรบกวนแบบนี้ ส่วนมากจะมาจากเสียงนอนกรนของปยุต
รพีพงษ์ที่มีพลังจิตวิญญาณเทพแก่กล้านั้น เขามีสมาธิจดจ่อและความรู้สึกที่มากกว่าคนอื่นๆ
ในตอนนี้ มนุษย์ทองคำที่แสดงถึงตัวตนจิตวิญญาณเทพของรพีพงษ์ ก็ได้จดจ่อไปยังเนื้อหาสำคัญสักจุดหนึ่ง ในหนังสือเล่มนี้ ส่วนรพีพงษ์ที่เดิมทีก็มีพรสวรรค์อยู่แล้ว ความจำก็สูงกว่าคนปกติมาก
แบบนี้ ก็เท่ากับมีคน 2คนกำลังอ่านหนังสืออยู่ แบบนี้ก็จะได้ผลลัพธ์เป็นเท่าตัว
“ผมอ่านเสร็จแล้วครับ”
รพีพงษ์ก็ดันตัวของปยุตบนที่นอน ในตอนนี้ ตะวันก็เพิ่งลับขอบฟ้าไป แสงสลัวจากดวงอาทิตย์ส่องลงมายังสำนักเทพยาเซียน สวยงามราวกับแดนเซียน
“เหล้า เหล้าอะไร?”
ปยุตลุกขึ้นนั่งตาปรือบนที่นอน พอเขาเห็นรพีพงษ์อยู่ข้างๆ ก็เลยตื่นขึ้นมา
“จริงๆ เลยทีเดียว มาขัดจังหวะผมกำลังฝันดี เมื่อครู่ผมกำลังได้เข้าร่วมงานท้อสวรรค์ของเจ้าแม่หวังหมู่อยู่เลย”
รพีพงษ์ก็ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ตาแก่คนนี้ ชอบฝันกลางวันจริงๆ
“เป็นไงบ้าง อ่านแล้วเป็นไง” ปยุตถาม
“จำได้เกือบทั้งหมดแล้ว” รพีพงษ์ตอบ
ปยุตก็ตกใจ “คุณจะบอกว่า คุณอ่านจบแล้วงั้นหรือ?”
รพีพงษ์พยักหน้า
“คุณโกหกผมหรือเปล่า หนังสือ3พันกว่าหน้า คุณจะอ่านจบเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? หรือว่าผมนอนหลับสบายไปหน่อย ก็เลยหลับไป2วัน?” ปยุตเกาหัวพูด
รพีพงษ์ก็ยิ้มนิ่งๆ “ผมไม่ได้หลอกคุณ และคุณก็ไม่ได้หลับไป2วันด้วย แค่4ชั่วโมงเท่านั้นเอง”
“สี่……..สี่ชั่วโมงงั้นหรือ?”
ปยุตลุกขึ้น แล้วก็จ้องมองรพีพงษ์
.ในสายตาของรพีพงษ์ เขาไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย
“หน้าที่9” ปยุตพูดขึ้นมา
รพีพงษ์รู้อยู่แก่ใจ ว่าฝั่งตรงข้ามคงไม่เชื่อใจตนเอง แล้วก็จะทดสอบเขา
“สมุนไพรหลิงตาน ขมนิดหน่อย มักจะเกิดบริเวณชะง่อนหิน มีผลทางการรักษาอาการท้องร่วงจากการเป็นหวัดลงท้อง คนร่างกายอ่อนแอไม่ควรกิน” รพีพงษ์พูดออกมาเลยทันที
ปยุตหยักหน้า “ไม่เลวเลยนี่ งั้นผมจะทดสอบอีก หน้าที่1300”
“ยาพิษไป่คู ลักษณะใบขรุขระ สัมผัสกับน้ำจะเป็นพิษ มันใช้เป็นตัวกระตุ้นของยาระดับสูงๆ มักจะเจริญเติบโตในพุ่มไม้” รพีพงษ์ตอบต่อไป
“เอ่อ………” ปยุตขมวดคิ้วเล็กๆ เมื่อครู่ตนเองเพิ่มเนื้อหาต้นๆ ของหนังสือก่อน ต่อมาก็ถามเนื้อหาหน้ากลางๆ อีกอย่าง ก็เป็นแค่การสุ่มถาม เห็นได้ชัดว่า รพีพงษ์ใช้เวลาเพียงแค่4ชั่วโมง ก็สามารถจดจำเนื้อในหนังสือเล่มนี้ได้ทั้งหมดจริงๆ
“คุณมีอะไรจะทดสอบผมอีกไหม?” รพีพงษ์ถามนิ่งๆ
“อัจฉริยะ วันนี้ผมได้เปิดโลกจริงๆ ไม่คิดเลยว่า คนบนโลกนี้ จะมีคนแบบคุณด้วย” ปยุตยิ้มพูด ดวงตาก็เป็นประกาย
รพีพงษ์ก็ยังนิ่งๆ “นี่ก็คือสิ่งที่คุณจะทดสอบผมงั้นหรือ? ก็เหมือนจะดีอยู่เหมือนกัน ต่อจากนี้ พวกเราจะทำอะไรกันต่อ!”
ปยุตยิ้มๆ “เดิมทีนั้นคิดว่า ให้คุณอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็จะใช้เวลาไป2วัน ตอนนี้ดูเหมือนว่า การพัฒนาของคุณจะเลยกว่าสิ่งที่ผมคิดไว้ แต่ว่า วันนี้ก็เย็นแล้ว พวกเรากินข้าวเย็นกันก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
รพีพงษ์พยักหน้า เมื่อครู่เพิ่งใช้จิตวิญญาณเทพของตนเองมาช่วยอ่านหนังสือ 4ชั่วโมงมานี้ ก็ค่อนข้างเหนื่อยเหมือนกัน
“เดี๋ยวผมจะไปเก็บฟืนมาให้” รพีพงษ์กล่าว
“ไม่ต้อง”
ปยุตห้ามรพีพงษ์ไว้ “ถึงอย่างไรคุณก็เป็นถึงเจ้าบ้านของตระกูลลัดดาวัลย์ เรื่องทำกับข้าวแบบนี้ จะให้คุณทำเองได้อย่างไรกัน อีกอย่าง ตาแก่อย่างผมก็เป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักเทพยาเซียน ถ้าไอจิรภัทรไม่ดูแลผมดีๆหน่อย ผมก็ไม่มาช่วยเขาดูแลคัมภีร์พวกนี้อยู่ในถ้ำหรอก”
พูดจบ รพีพงษ์ก็รู้สึกว่าทางปากถ้ำมีคนเดินเข้ามา
“ดูเหมือนว่าจะมีข้าวมาส่งแล้ว พวกเราออกไปดูกัน”
พูดไป ปยุตก็ลากรพีพงษ์ออกมานอกถ้ำ
“เจ้าปยุต ผมมาส่งข้าวครับ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งถือปิ่นโตเดินเข้ามา
ปยุตรีบเปิดออกดู ก็ต้องตกใจ “โห ปู ไก่หมักเหล้า กุ้งแม่น้ำ ไอ้ไอจิรภัทรนี่ ดูแลผมดีไม่น้อยเลยทีเดียว”
“รพีพงษ์ ไอ้ไอจิรภัทรดีกับคุณจริงๆ เลยนะ ผมก็เลยได้อาศัยใบบุญไปด้วย”
รพีพงษ์ยิ้มๆ ถ้าตนเองได้สำเร็จวิชาการกลั่นยาล่ะก็ ก็จะเป็นผลดีต่อสำนักเทพยาเซียนอย่างมาก จิรภัทรก็คงจะทำทุกวิถีทางเพื่อดึงตนเองเป็นพวก
“ถ้าคุณชอบล่ะก็ งั้นพวกนี้ก็ให้คุณหมดเลย ผมกินง่ายๆ ก็พอแล้ว” รพีพงษ์กล่าว
“เอางั้นรึ งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ”
พูดไป ปสเต๊กก็ฉีกน่องไก่ยัดเข้าไปปากไป
จากนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว แล้วก็ถามชายหนุ่มคนนั้นว่า “เหล้าล่ะ กำข้าวดีแบบนี้ ไม่มีเหล้าได้ไงกัน!”
“เจ้าสำนักบอกไว้ว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เป็นเวลา1เดือน ห้ามไม่ให้อาจารย์อาดื่มเหล้า บอกอีกว่าอาจารย์รู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้ว”
“ไอจิรภัทรนี่ เอาจริงเสียด้วย”
ปยุตบ่นพึมพำไป แล้วก็โบกมือไปว่า “เอาเถอะ เอ็งกลับไปเถอะ ไปบอกไอจิรภัทรด้วยว่า อาจารย์อาไม่ผิดคำพูดต่อมันแน่”
“ครับ!”
หลังชายหนุ่มคนนั้นกลับไป ปยุตก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็มองกับข้าวรสโอชาตรงหน้า แต่พอไม่มีเหล้า ก็เลยไม่เจริญอาหาร
“ทำไมล่ะ ไม่มีเหล้าก็จะไม่กินกับข้าวงั้นหรือไง?” รพีพงษ์ถามขึ้นมา
“เฮ้อ” ปยุตถอนหายใจ “ไม่ดื่มก็ได้ จะว่าไปแล้ว การดื่มเหล้ามันก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร เพราะดื่มเหล้านี่แหละ ทำให้ผิดพลาดไปหลายเรื่อง”
“งั้นหรือครับ?” รพีพงษ์ถาม
“คุณไม่เชื่อหรือ?”
ปยุตพูดไป แล้วก็ลุกขึ้น แล้วเดินมาตรงหน้ารพีพงษ์
ทันใดนั้น ปากของเขาก็ยิ้มขึ้นมาแปลกๆ จากนั้นตามด้วย เศษจิตวิญญาณเทพลอยออกมาจากตัวของเขา