พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1239 สอนเธอสักคาบหนึ่ง

บทที่ 1239 สอนเธอสักคาบหนึ่ง

แข่งกันกลั่นยางั้นหรือ?

ตนเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ในช่วงวัยเดียวกัน ตอนนี้ตนเองอยู่ในระดับไหนกันแน่

“ได้ ผมรับปาก” รพีพงษ์ตอบกลับไป

“ได้ พอถึงตอนนั้นพวกเราก็ตัดสินแพ้ชนะในครั้งเดียวเลย ไม่ว่าใครแพ้ จะต้องยอมเป็นคนรับใช้ให้อีกฝ่าย” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของผู้หญิงคนนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา

ช่างเป็นผู้หญิงแก่นจริงๆ

“ได้ แต่คนใช้บ้านผมมีมากพอแล้ว คุณยังไม่เหมาะสมที่จะเป็นคนรับใช้ของผม” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ

“คุณนี่ยังไง น่าเกลียดเสียจริง!”

สาวน้อยถูกยั่วจนโมโห แล้วก็เอามือชี้หน้ารพีพงษ์ “พรุ่งนี้ตอนสาย ฉันจะดูสิว่า คุณจะยังอวดเก่งแบบนี้อีกหรือเปล่า!”

พูดไป สาวน้อยก็หันหลังเดินกลับออกไป

ตอนนี้รพีพงษ์ก็ไม่มีใจอยากจะเดินเที่ยวต่อไปอีกแล้ว จากนั้นก็เดินกลับไปยังถ้ำตนเอง

ปยุตยังคงหลับอยู่ ดูเหมือนว่า จะไม่ได้พักผ่อนมา20กว่าชั่วโมง มันมีผลกระทบต่อเขามากพอสมควร

รพีพงษ์ใบหน้าอมยิ้ม แต่ไม่ได้รบกวนเขา แต่เดินมานั่งข้างๆ อย่างเงียบๆ

สักพักใหญ่ จนถึงตอนนี้ชายหนุ่มคนที่ส่งอาหารมาถึง ปยุตก็สะดุ้งลุกขึ้นจากเตียงราวกับถูกไฟฟ้าช็อต “หอมมาก คงจะเป็นกลิ่นเนื้ออบแน่ๆ”

พอเห็นรพีพงษ์ ปยุตก็ยิ้มถามว่า “ทำไมรึ เมื่อครู่นี้คุณนั่งอยู่ข้างๆ ตลอดเลยหรือ?”

“เปล่า นั่งอยู่พักเดียว ก่อนหน้านั้นไปเดินเล่นในสำนักเทพยาเซียนมา”

“อ๋อ”

ปยุตถามว่า “สำนักเทพยาเซียนรวบรวมพลังทิพย์ของฟ้าดินเอาไว้ ไม่ค่อยมีคนมาถึงที่นี่ พวกทิวทัศน์ก็เลยถูกรักษาไว้อย่างดี”

“สวยไม่เหมือนที่อื่นจริงๆ” รพีพงษ์กล่าวชม

“แต่ว่า ในป่าลึกนั้น ผมขอเตือนคุณว่าอย่าไป ดีที่สุด” ปยุตกล่าว

“โอ๋? ในป่าลึกนั่นมีอะไร?” รพีพงษ์สงสัย

“มีสิ่งน่ากลัวอยู่น่ะสิ แต่ว่าขอเพียงพวกเราไม่เข้าไป ก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก”

ในเมื่อปยุตไม่พูด รพีพงษ์ก็ไม่ถามต่อ

“มีบางเรื่องอยากจะถามคุณ พวกลูกศิษย์อายุน้อยๆ ของสำนักเทพยาเซียน มีผู้หญิงคนหนึ่งใช่หรือไม่” รพีพงษ์ถาม

“หญิงสาวงั้นหรือ?”

ปยุตมองรพีพงษ์อย่างมีลับลมคมใน “ศิษย์ผู้หญิงของสำนักเทพยาเซียนมีทั้งหมด7คน คุณชอบคนไหนเข้าล่ะ ให้ผมช่วยคุยให้ไหม?”

รพีพงษ์ก็หน้าเจื่อน “ผมแต่งงานแล้ว ไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้วล่ะ”

“แต่งงานแล้วงั้นหรือ?” ปยุตเบ้ปาก “งั้นก็น่าเสียดายแล้วล่ะ”

“หญิงสาวคนนั้นท่าทางป่าเถื่อน ผมแค่เดินผ่านไป เห็นเธอกำลังดูดเอาพลังทิพย์ในบ่อน้ำ แล้วเธอก็จะเอามีดสั้นมาโจมตีผม”

พูดไปรพีพงษ์ก็มองปยุต “สำนักเทพยาเซียนของพวกคุณ มีหญิงสาวป่าเถื่อนแบบนี้ด้วยหรือ?”

ปยุตครุ่นคิด แล้วก็พูด “หญิงสาวคนนี้ที่คุณพูดถึง เป็นจิลลาแหงๆ”

“ชื่อจิลลางั้นหรือ?”

รพีพงษ์คิดในใจ เธอก็เป็นดั่งชื่อตนเองจริงๆ ป่าเถื่อนเสียไม่มี

“ถูกต้อง ได้ยินคุณว่าแบบนี้ จะต้องเป็นจิลลาแน่นอน”

กินเนื้ออบไปคำใหญ่ ปยุตก็พูดว่า “เธอเป็นคนเก่งในหมู่ลูกศิษย์วัยรุ่น คาดว่าครั้งก่อน คุณคงเคยเห็นโตษินแล้ว คุณคิดเห็นอย่างไรกับพรสวรรค์ของโตษิน?”

“ก็พอได้”

รพีพงษ์ตอบออกมาแบบนั้น

ปยุตก็ไม่ได้คัดค้านอะไร ได้ยินการประเมินแบบนี้ออกมาจากปากของรพีพงษ์ ก็ถือว่าเป็นการยอมรับในตัวโตษินมากพอแล้ว

“จิลลาคนนี้ มีพรสวรรค์มากกว่าโตษิน” ปยุตกล่าว “ไม่เหมือนกับโตษิน เธอมีพรสวรรค์ด้านกลั่นยามาก ในหมู่วัยรุ่นด้วยกัน ไม่มีใครสู้ได้”

“ป่าเถื่อนแบบนี้ เกรงว่าอนาคตจะประสบความสำเร็จยาก” รพีพงษ์กล่าว

นักกลั่นยา จะต้องเน้นเรื่องจิตสมาธิรวมเป็นหนึ่ง ไม่ถูกรบกวนจากภายนอก ถ้าเหมือนกับจิลลา ต่อให้มีพรสวรรค์มากแค่ไหน ก็ประสบความสำเร็จยาก

“ไอจิรภัทรรักจิลลามาก คนในสำนักล้วนทำตามเธอ อาศัยที่ตนเองมีพรสวรรค์มาก ยัยหนูคนนี้ก็เลยไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ” ปยุตกล่าว

ดูเหมือนว่า ที่หญิงสาวคนนี้มีนิสัยป่าเถื่อน จะเกี่ยวข้องกับภาพแวดล้อมด้วย

“หลายปีมานี้ ลูกศิษย์รุ่นมากมายในสำนักถูกเธอรังแก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ใครให้เธอมีพรสวรรค์สูงล่ะ เลยคิดว่าคนอื่นทำอะไรเธอไม่ได้รึไง?” ปยุตพูด

รพีพงษ์วางตะเกียบ แล้วพูดว่า “วันพรุ่งนี้ตอนสาย เธอนัดผมไปแข่งกลั่นยากันที่ข้างหลิงฉวน ผมตอบรับไปแล้ว”

“แข่งกลั่นยางั้นหรือ? เหอะ ยัยหนูคนนี้ แสดงว่าต้องพ่ายแพ้ในมือคุณ ก็เลยจะเอาการกลั่นยามาเพื่อกู้หน้าตนเอง” ปยุตคาดเดา

“คุณคิดว่า ระดับของผมตอนนี้ เทียบกับเธอเป็นอย่างไรบ้าง?” รพีพงษ์ถาม

ปยุตตาหยี แล้วก็มองรพีพงษ์อย่างลึกซึ้ง

“ชนะแน่นอน!”

“แต่คุณเคยบอกไว้ว่า พรสวรรค์ด้านการกลั่นยาของเธอนั้นสูงมาก”

ปยุตพูดนิ่งๆ ว่า “นั่นมันเป็นการเปรียบเทียบกับคนอื่นเฉยๆ เมื่อเทียบกับคุณ พรสวรรค์อันน้อยนิดของเธอ สู้ไม่ได้หรอก!”

“รพีพงษ์ วันพรุ่งนี้ก็ต้องดูฝีมือคุณแล้วล่ะ สั่งสอนยัยหนูคนนั้นเสียหน่อย ไม่งั้นล่ะก็ ผมกังวลว่าอนาคตเธอจะเดินทางผิด” ปยุตกล่าว

“เอ่อ…….ได้เลยครับ”

รพีพงษ์พูดเบาๆ ตอบไป

วันที่สอง ที่ข้างหลิงฉวน

ลูกศิษย์วัยรุ่นเก่งๆ ของสำนักเทพยาเซียน ก็มารวมตัวกันที่นี่

“จิลลา คุณบอกว่าเมื่อวานเจอคนคนหนึ่ง แล้วนัดเขามาที่นี่ เขาจะมาไหม?”

ชายหนุ่มคนหนึ่งถามขึ้น

จิลลาอยู่ในกลุ่มคน แล้วพูดดูถูกออกมาว่า “ทางที่ดีเขาอย่ามาเลย ถ้ากล้ามาล่ะก็ ฉันก็จะรอให้เขามาโขกหัวคำนับฉัน3ครั้ง”

“ใช่แล้ว ฝีมือกลั่นยาของน้องจิลลา เจ้าสำนักก็ยังชื่นชม แค่คนนอกคนหนึ่ง จะเก่งสักแค่ไหนเชียว” อีกคนก็พูดชื่นชมขึ้นมา

“ใช่น่ะสิ……ฉันว่าวันนี้เขาไม่กล้ามาหรอก” จิลลามองไปไกลๆ โดยไม่เห็นรพีพงษ์อยู่ในสายตา

ในตอนนี้ ในกลุ่มคน ก็มีคนหนึ่งลุกขึ้นมา แล้วขยับมาทางจิลลา

“พี่จิลลา คุณดูสิ ถ้าชายคนนั้นมาล่ะก็ ก็ให้พวกคุณ2คนแข่งกันเองก็แล้วกัน พวกเราก็จะไม่เข้าร่วมแล้วล่ะ”

“ทำไมล่ะ?” จิลลาหันไปมองที่เขาถาม

“คุณก็รู้ พวกเราแข่งกันทุกครั้ง คุณก็ชนะตลอด แล้วพอคุณชนะแล้ว ก็สั่งพวกเราทำนู่นทำนี่ ช่วยคุณยกน้ำชาให้อีก”

“ไอ้ลิงบ้านี่ พูดมากจริง ทำไมล่ะ ไม่ยอมยกน้ำชามาให้ฉันรึไง? ถ้านายเก่งก็มาเอาชนะฉันสิ!” จิลลาพูดอย่างได้ใจ

คนที่ชื่อชุติเดชรีบพูดขึ้นมาว่า “พวกเรา………พวกเรายอมรับใช้คุณเอง อีกอย่าง ใครบ้างไม่รู้ว่าวิชากลั่นยาของคุณเก่งที่สุดในหมู่พวกเรา พวกเราจะเอาชนะคุณได้ไงล่ะ เพียงแต่……..”

“แต่อะไร รีบพูดมา!” จิลลาถามไปอย่างไม่พอใจ แต่ว่าคำชมของชุติเดชก็ได้ผลอยู่เหมือนกัน

“คุณเกลียดผู้ชายคนเมื่อวานมากไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวคุณสองคนก็แข่งกันเองเลย ถ้าเขาแพ้ งั้นก็ให้เขามาทำหน้าที่แทนพวกเราทั้งหมด แบบนี้ ศิษย์พี่ก็จะสะใจแล้วไม่ใช่หรือ?” ชุติเดชกล่าว

จิลลาได้ยินดังนั้น ก็เบ้ปากออกมา “สมองของชุติเดชช่างดีจริงๆ ก็ได้ งั้นก็ทำตามที่นายพูดแล้วกัน นอกจากจะให้เขามาโขกหัวคำนับแล้ว ยังจะต้องมารับใช้ฉันอีก1เดือนด้วย!”

“ดีเลย พี่จิลลาเก่งมาก พวกเราจะช่วยตะโกนเชียร์!”

ชุติเดชเรียกคนอื่นๆ คนอื่นรอบๆ ก็ทำตามไปด้วย

ที่แท้ หลังจากจบประชุมหลอมโอสถทุกครั้ง จิลลาก็จะมีข้อแม้ที่ไม่เป็นธรรม คนพวกนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยอมอ่อนข้อเพื่ออยู่รอด วันนี้เห็นว่ามีคนมาออกรับแทนพวกตนเอง ก็เลยดีใจไม่น้อย

“ดูสิ มีคนมาแล้ว!”

ทุกคนก็มองไปยังนิ้วมือที่ชี้ไป จริงด้วย เห็นเป็นรพีพงษ์ค่อยๆ เดินมา

“ไม่คิดเลยว่า ว่าคุณจะมาให้ถูกเยาะเย้ยเองเสียนี่” จิลลาพูดดูถูก

รพีพงษ์สีหน้านิ่งๆ “อย่าพูดมาก เริ่มกันได้หรือยัง?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท