เดิมทีคิดว่าการฝึกพิเศษของตนเองนี้ จะทำให้รพีพงษ์ทนไม่ได้นานเท่าไร
แต่เห็นได้ชัดว่า ตนเองคาดการณ์พลาดไป
คนที่มีจิตวิญญาณเทพแต่กำเนิด จะใช้สายตาของคนธรรมดามาตัดสินไม่ได้!
ในตอนนี้ ทันใดนั้นปยุตก็เห็นว่า รพีพงษ์ที่อยู่ตรงหน้า เริ่มขยับตัวแล้ว
รพีพงษ์ในตอนนี้ มนุษย์ทองคำตัวน้อยที่อยู่ในหัวก็ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว พลังจิตวิญญาณเทพก็บังเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หัวของมนุษย์ทองคำก็สูงกว่าเมื่อก่อนมาก ดูเก่งกาจมาก
ความรู้สึกที่มีพลังจิตวิญญาณเทพไหลไปทั่วร่างกายนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลย!
มุมปากของรพีพงษ์ยิ้มขึ้น แล้วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
เขาเชื่อว่าตนเองในตอนนี้ ถ้าปลดปล่อยพลังจิตวิญญาณเทพออกมาล่ะก็ จะสามารถควบคุมไปได้ไกลในรัศมี10ลี้โดยรอบ
“ในที่สุดก็ทนต่อไปไม่ได้แล้วสิ”
พอเห็นรพีพงษ์ลืมตาขึ้นมา ปยุตก็รีบเข้าไปพูด
สายตาของรพีพงษ์มีรอยยิ้ม แต่ร่างกายยังไม่ขยับเหมือนเดิม
“เหนื่อยแล้วก็รีบขยับกลับเข้ามา ทนได้20กว่าชั่วโมง ก็นับว่าไม่เลวแล้ว” ปยุตพูดความจริง เพราะว่าตัวเขาเองเหนื่อยมากแล้ว
“ก็ไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไร แต่หิวนิดหน่อย”
รพีพงษ์ที่ยืนอยู่ระหว่างหน้าผา พูดแบบนิ่งๆเท่ๆ
“แค่……หิวงั้นหรือ?”
รพีพงษ์พยักหน้า “กินอะไรรองท้องเสียหน่อย แล้วก็มายืนอีกสักวันหนึ่ง ก็ไม่ใช่ปัญหา”
“อย่าเลย!คุณผ่านการทดสอบแล้ว รีบกลับออกมาเถอะ!” ปยุตกล่าว
ยืนไปหนึ่งวัน ที่นี่มันคือหน้าผาเชียวนะ ตอนกลางคืนลมเย็นเข้ากระดูกเชียวนะ
รพีพงษ์สามารถทนได้ แต่กระดูกแก่ๆของปยุตคงจะทนไม่ไหว
“ผมรู้สึกว่าสถานที่นี้ สามารถกระตุ้นพลังแฝงในตัวผมได้ดีเลยทีเดียว จิตวิญญาณเทพของผมดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากขึ้นเยอะเลย” รพีพงษ์ยิ้มพูด
“ฝึกได้ระดับนี้ก็ดีมากแล้ว คุณรีบกลับลงมาเลย” ปยุตกล่าว
อยู่ที่หน้าผาไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ตอนนี้ปยุตคิดถึงถ้ำของตนเองมากแล้ว
“งั้นก็ได้”
ปลายเท้ารพีพงษ์กระตุกนิดหน่อย ก็กระโดดออกมา
“ตอนนี้ ผมสามารถทำยาชั้นเลิศได้แล้วใช่ไหม?” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ อย่างมีสมาธิ
“ตอนนี้หรือ?”
ปยุตชี้ไปที่ขอบตาที่คล้ำดำของตนเอง “กลับไปนอนพักผ่อน!”
พูดจบ ก็เดินกลับออกไป
รพีพงษ์กฎขำออกมา ก็ได้ ไปทำให้ชีวิตมีความสุขเอง
บนสำนักเทพยาเซียน มีพลังทิพย์มากมาย แค่ผลไม้ป่าธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นขนาดหรือว่ารสชาติ ก็เหมือนจะดีกว่าที่ขายในตลาดอย่างมาก
ถึงแม้จะบอกว่าก่อนหน้านี้เคยมาที่สำนักเทพยาเซียน แต่รพีพงษ์ก็เพิ่งเคยเดินไปรอบๆ ของที่นี่เป็นครั้งแรก
“นี่มันเป็นแดนเซียนชัดๆ !”
จ้องมองทิวทัศน์อันงดงามตรงหน้า รพีพงษ์ก็ยิ่งสุนทรีย์
“ใช่แล้ว ไม่รู้ว่าที่น้ำพุนั่นเป็นอย่างไรบ้าง”
รพีพงษ์นึกขึ้นได้ ตอนนั้นที่มายังสำนักเทพยาเซียน แล้วก็เรื่องน้ำพุมหัศจรรย์นั่น
เนื่องจากครั้งก่อนที่ตนเองไปแช่น้ำ เดิมทีน้ำพุสีเขียว แต่ถูกตนเองดูดเอาพลังทิพย์ไปจนหมด แล้วก็กลายเป็นน้ำที่ใส่สะอาดขึ้นมา
พอนึกถึงจุดนี้ รพีพงษ์ก็รู้สึกผิดขึ้นมา เพราะถึงอย่างไร ในน้ำพุมีพลังทิพย์อยู่ สำหรับคนที่สำนักเทพยาเซียนแล้ว ก็ถือว่าสำคัญอยู่เหมือนกัน
เดินไปอย่างรู้เส้นทาง รพีพงษ์ก็เดินมาถึงข้างๆ น้ำพุ
ไม่กี่เดือน ก่อนหน้านี้ที่น้ำยังใสสะอาด ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีเขียวมรกตอีกครั้ง
มีพลังทิพย์เพิ่มมาแบบนี้ ทำให้รพีพงษ์เองก็อึ้งไปเหมือนกัน
“ไม่คิดเลยว่า สำนักเทพยาเซียนจะอัศจรรย์แบบนี้ พลังทิพย์แบบนี้ ราวกับมันจะไม่มีวันหมดสิ้นเลย”
รพีพงษ์ยืนพูดนิ่งๆ อยู่ข้างๆ
“ใครน่ะ!ใครกำลังพูด!”
ทันใดนั้น ตรงกลางน้ำพุ ก็มีเสียงของผู้หญิงส่งออกมา
บนพื้นน้ำปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาวพรางตา รพีพงษ์หยีตามองออกไป แล้วเห็นเป็นรางๆว่ามีผู้หญิงกำลังแช่น้ำอยู่ตรงกลาง
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ในตอนนี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ใส่เสื้อผ้า!
“ยังจะมองอีก!ถ้ามองอีกครั้ง ฉันจะควักลูกตานายออกมา!”
ผู้หญิงคนนั้นหัวเสีย รพีพงษ์ก็รีบเก็บสายตาตนเอง แล้วกันหน้าออกไป
“ผมแค่เริ่มผ่านมาเท่านั้น ถ้าล่วงเกินไป ก็ขออภัยด้วย” รพีพงษ์หันหลังให้กับบ่อน้ำพุแล้วพูด
ขณะพูด เขาก็รู้สึกว่าด้านหลังมีลมพัดเข้ามา
ในตอนนี้ รพีพงษ์ที่มีพลังจิตวิญญาณเทพเต็มเปี่ยม ตอนที่ลมนั่นห่างจากตนเองได้10เมตร ก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้น มืออันอ่อนช้อย ก็มาโจมตีเข้าที่หัวไหล่ของรพีพงษ์
รพีพงษ์ไม่ได้มอง แต่เอียงหลบไปทางซ้ายอย่างง่ายดาย
ผู้หญิงคนนั้นที่ด้านหลัง ก็ฉงนใจ แล้วพูดเบาๆ ว่า “นายเป็นยอดฝีมืองั้นหรือ?”
“คุณครับ ผมรับรองได้ว่าเมื่อครู่นี้ไม่ได้เห็นอะไรเลย ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะ”
พูดไป รพีพงษ์ก็เตรียมจะกลับออกไป โดยไม่หันหลังกลับไปมองเลยแม้แต่น้อย
“เหอะ!คิดหนีงั้นหรือ ต่อให้เป็นยอดฝีมือ ก็เป็นคนที่ไม่มีรับการศึกษา!”
พูดไป ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาโจมตีอีกครั้ง
รพีพงษ์ได้ยินดังนั้น ในใจก็เริ่มไม่พอใจ
“คุณบอกว่าใครไม่มีการศึกษา!”
รพีพงษ์หันหลังไป แล้วก็ปัดมือออกไป เพื่อปัดป้องการโจมตีของฝั่งตรงข้าม
ในตอนนี้ ผู้หญิงคนนั้นได้ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่ผมยังเปีนกอยู่ รวมกับใบหน้าอ่อนช้อยงดงาม ดูแล้วก็สวยไปอีกแบบ
“ฉันบอกว่าคุณไม่มีการศึกษา” ผู้หญิงคนนั้นพูดแบบเอาแต่ใจ “ไม่รู้ว่าคุณไปคนป่าที่ไหน อยู่ดีๆ ก็โผล่ออกมา”
สายตารพีพงษ์เย็นชา “ไม่คิดว่าคุณหน้าตาสะสวยแบบนี้ แต่พูดจาปากคอเราะรายมาก”
“ทำไม ฉันพูดผิดไปรึไง? ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ไม่มีการศึกษาล่ะก็ จะมาแอบมองคนอื่นเขาอาบน้ำทำไมกัน!”
“ผมบอกแล้วไง ว่าแค่เดินผ่านมาเฉยๆ และไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ด้วย อีกอย่างบนผิวน้ำก็มีหมอกปกคลุมหนา อยู่ห่างด้วยก็เลยมองไม่ชัด” รพีพงษ์พูดนิ่งๆ
“เหอะ พูดแบบนี้ ถ้านายเห็นชัดล่ะก็ ก็ยังจะดูต่อใช่ไหม?” ผู้หญิงคนนั้นพูดประชด
“ผมไม่อยากพูดอธิบายกับคนไม่รู้เรื่องแบบคุณ”
สำหรับผู้หญิงร้ายแบบนี้ รพีพงษ์ไม่มีความรู้สึกดีด้วย
“ถ้าวันนี้คุณไม่พูดให้ชัดเจน ก็ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
พูดไป ผู้หญิงคนนั้นก็กระโดดมาตรงหน้ารพีพงษ์ แล้วก็หยิบมีดออกมาจากหน้าอก เตรียมจะแทงไปที่หน้ารพีพงษ์
“ผู้หญิงป่าเถื่อน!”
รพีพงษ์พูดไปด้วย แล้วก็เตรียมจะสั่งสอนเธอไปด้วย
ระหว่างที่หายใจ มีดสั้นก็ร่วงหล่นลงจากมือของผู้หญิงคนนั้น
รพีพงษ์ก็ไม่ลังเล แล้วก็ใช้มือคว้าหัวไหล่ของฝ่ายตรงข้ามไว้ พร้อมผลักออกไปเบาๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ล้มลงที่พื้น
เสื้อผ้าสีขาวบนเรือนร่าง ถูกดินโคลนแปดเปื้อนจนสกปรก
“นี่คุณ……..” ผู้หญิงคนนั้นนั่งที่พื้น สายตาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
“คุณเพิ่งอายุเท่านี้ ก็จะลงมือฆ่าคนเสียแล้ว ร้ายกาจไปหน่อยหรือเปล่า” รพีพงษ์พูดอย่างเคร่งขรึม
“ก็จะฆ่า คุณจะทำไมล่ะ!” สาวน้อยไม่รู้จักสำนึกผิด
รพีพงษ์เห็นเธอเอาแต่ใจแบบนี้ ก็ส่ายหัวเบาๆ
สะบัดเศษโคลนบนตัวทิ้งไป สาวน้อยคนนั้นก็ลุกขึ้นจากพื้นดิน “จะบอกให้นะ!อย่าคิดว่าเอาชนะฉันได้ แล้วจะคิดว่าเก่ง ที่นี่คือสำนักเทพยาเซียน ถ้าเก่งจริง ก็มาแข่งกันกลั่นยาสิ นายกล้าไหมล่ะ?”
“กลั่นยางั้นหรือ?”
“ถูกต้อง” สาวน้อยคนนั้นมองดูถูกรพีพงษ์ “ดูท่าทางนายแล้ว น่าจะกลั่นยาไม่เป็น น่าจะมาเพื่อขอยามากกว่า ถ้านายยอมขอโทษฉันดีๆ แล้วโขกหัวคำนับ3ครั้ง บางทีฉันอาจจะพิจารณาให้ยาคุณก็ได้”
“คุณคิดมากไปแล้ว” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม “แต่ว่า ผมรับรองได้ว่า ถ้าคุณยังพูดจาปากไม่มีหูรูดอีกล่ะก็ ต่อไปจะไม่หกล้มธรรมดาๆ แบบนี้แน่นอน”
“นี่คุณ!”
สาวน้อยคนนั้นโมโหมาก แต่พลังของตนเองสู้ไม่ได้จริงๆ
“สายวันพรุ่งนี้ มาที่ข้างน้ำพุนี้ จัดการแข่งขันการกลั่นยาระหว่างลูกศิษย์ด้วยกัน คุณกล้ามาไหมล่ะ?” แม่สาวน้อยถาม