พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1254 สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้มันเป็นไปได้

บทที่ 1254 สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้มันเป็นไปได้

ยาผงหลิงซี ถือเป็นกระสายยาที่ดีที่สุดสำหรับการกลั่นยา มันสามารถเพิ่มคุณภาพของวัตถุดิบยาให้สูงขึ้นได้โดยตรง!

ต้องรู้ว่า โลกภายนอกไม่ได้ดีเท่าสำนักเทพยาเซียน ที่มีพลังทิพย์มากมายสำหรับให้วัตถุดิบยาเหล่านี้ดูดซับ

คุณภาพของวัตถุดิบยาที่จั๋วเยว่นำมานั้นแย่กว่าของสำนักเทพยาเซียนมาก แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ วัตถุดิบยาที่ขายในตลาดก็มีราคาที่ค่อนข้างแพงมาก!

มียาผงหลิงซีเป็นกระสายยา ทำให้วัตถุดิบยาธรรมดานี้ มีคุณภาพสูงกว่าวัตถุดิบยาที่เต็มไปด้วยพลังทิพย์ของสำนักเทพยาเซียนเสียอีก

ใบหน้าของจั๋วเยว่แสดงถึงความประหลาดใจ “นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ไอ้หมอนี้มีความสามารถที่จะมีโอกาสใหม่อีกครั้ง?

รพีพงษ์ที่หลับตาลง ก็รู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงของยาที่อยู่ในมือของตนเองเช่นกัน

สมกับที่เป็นสัตว์เซียน ไม่เหมือนปกติทั่วไปจริง ๆ

ตอนนี้เป็นเวลาดึกแล้ว แต่คนรอบข้างไม่มีใครรู้สึกง่วง

มือของรพีพงษ์นั้นเร็วมาก และทุกนิ้วของเขาได้ใช้ประโยชน์หมด ประสบการณ์กลั่นยาสองครั้งก่อนหน้านั้น ทำให้รพีพงษ์รู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น

เดิมวางแผนไว้ว่าจะกลั่นยาเม็ดไป่หลิง งั้นลองกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงเป็นการฝึกมือก่อน!

การเดินทางไปยังป่าหมอกในคราวนี้ รพีพงษ์ผ่านการต่อสู้หลายสิบครั้ง นอกจากนี้ การต่อสู้เหล่านั้นก็เสร็จสิ้นภายในสองวันโดยไม่หยุดพัก

ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์เซียนที่เขาพบนั้นตัวหนึ่งแข็งแกร่งกว่าอีกตัวหนึ่งขึ้นเรื่อย ๆ การต่อสู้ที่เข้มข้นและยากลำบากเช่นนี้ ทำให้พลังความแข็งแกร่งของรพีพงษ์พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านั้น รพีพงษ์ในขณะนี้สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ามนุษย์เล็กทองคำในสมองของเขา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณเทพ กำลังค่อยๆ เคลื่อนไปสู่การเป็นรูปธรรม

คนนอกไม่รู้ มีเพียงแค่รพีพงษ์เท่านั้นที่รู้ว่า ขณะนี้ การกระทำทั้งหมดที่อยู่ในมือของตนเองถูกควบคุมโดยมนุษย์เล็กทองคำ

“ข้ามีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอัจฉริยะด้านการกลั่นยา! ทักษะแบบนี้แซงหน้าข้าไปมาก!” จิรภัทรอุทานอย่างจริงใจ

“ใช่”

ปยุตพยักหน้าและกล่าวว่า “คนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถกว่า เข้ามาแทนที่คนรุ่นเก่าที่แก่ตัวโรยราไป ไอ้จิรภัทร​​ พวกเราแก่แล้ว! ”

ทั้งสองมองรพีพงษ์ที่อยู่ตรงกลาง โดยรู้ว่านี่เป็นเพียงครั้งที่สามที่รพีพงษ์กลั่นยาเม็ด และได้เริ่มท้าทายกลั่นยาชั้นเลิศแล้ว!

จั๋วเยว่ที่ไม่แยแสเมื่อสักครู่ แต่ขณะนี้อดไม่ได้ที่จะกังวล เมื่อได้เห็นเทคนิคที่เฉียบคมและแม่นยำของรพีพงษ์

แต่คนที่ทระนงอย่างเขาคิดว่า แม้ว่ารพีพงษ์จะกลั่นยาเม็ดเฉียนสิงเสร็จแล้วยังไงล่ะ อย่างมากระดับสูงสุดของเกรดยาก็เท่ากับของตนเอง คนที่ชนะก็คือตนเองอยู่ดี

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จั๋วเยว่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ทันใดนั้น รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของยาเม็ดที่อยู่ในมือ

ในเม็ดยานี้ ดูเหมือนจะมีพลังที่อยากจะระเบิดออกมา

“หรือว่า ยาเม็ดกำลังจะแว้งกัด?”

จิตใจของรพีพงษ์หวั่นไหว ไม่ใช่! ทุกขั้นตอนของตนเองนั้นสมบูรณ์แบบ ไม่น่ามีปัญหาอะไร!

หลังจากสัมผัสรับรู้อย่างละเอียดแล้ว รพีพงษ์ก็หายกังวล

เวลานี้ ทั่วทั้งยาเม็ดเฉียนสิงกลายเป็นสีเหลืองอ่อน และยาทั้งเม็ดถูกห่อหุ้มด้วยพลังทิพย์

“ชี่ยา!”

จิรภัทรกล่าวโพล่งออกมา!

รพีพงษ์สามารถทำได้อย่างที่คิด ยาชั้นเลิศที่ปรากฏชี่ยา!

“นี่…. มันเป็นไปได้ยังไง!”

จั๋วเยว่ตกใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นอาจารย์ของตนเอง ต้องการสร้างเม็ดยาชั้นเลิศที่มีชี่ยา ก็เป็นสิ่งที่สามารถพบได้ แต่ไม่สามารถแสวงหามันมาได้

ไอ้หมอนี่ ทำได้อย่างไร?

รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของรพีพงษ์ นอกสำนัก ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สดใสแต่เดิมก็มืดครึ้มอย่างกะทันหัน แล้วฝนก็ตกลงมาอย่างไม่คาดคิด

“ผมกลั่นยาเสร็จแล้ว”

รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ นำยาเม็ดเฉียนสิงที่เต็มไปด้วยชี่ยาในมือให้ทุกคนดู

“ไม่รู้ว่า ยาของผมเม็ดนี้มันเทียบกับยาของคุณแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง?”

รพีพงษ์ถาม แต่เวลานี้ จั๋วเยว่ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

เม็ดหนึ่งเป็นยาชั้นเลิศที่มีชี่ยา ส่วนอีกเม็ดหนึ่งเป็นเพียงยาระดับสูง ช่องว่างนั้นชัดเจนมาก

“ฝึกฝนกลั่นยามาหลายสิบครั้ง ทำได้แค่ยาระดับสูงเท่านั้น คุณมันเป็นแค่เศษขยะจริง ๆ”

รพีพงษ์ส่ายศีรษะขณะกล่าว

จั๋วเยว่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง ตนเองเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ในขณะที่อายุยังน้อย เขาเป็นศิษย์คนสุดท้ายของผู้อาวุโสใหญ่ของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ

คนเช่นนี้ ในสายตาของรพีพงษ์แล้ว เขาเป็นแค่ขยะหรือ

“คุณพ่ายแพ้แล้ว”

รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ ดวงตาของเขามองไปที่อีกฝ่าย

ปากของจั๋วเยว่สั่นจนไม่สามารถควบคุมได้ เขาไม่สามารถยอมรับความล้มเหลวเช่นนี้ได้ แต่มันก็เป็นความจริง

บรรดาศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนต่างโห่ร้องด้วยความปีติยินดี เมื่อสักครู่พวกเขาถูกจั๋วเยว่และฐปนีย์ข่มขู่กดดัน แต่เนื่องจากการมาถึงของรพีพงษ์ จึงทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป!

“ไอ้หนู ในเมื่อคุณพ่ายแพ้แล้ว ก็รีบไสหัวออกไปจากที่นี่!”

“ใช่! ปฏิบัติตามที่พูดไว้ก่อนหน้านั้น รีบไสหัวออกไปเร็ว สำนักเทพยาเซียนของพวกเราไม่ต้อนรับคุณ!”

……

ขณะทุกคนกำลังดุด่าสองคนนี้ เพราะการมาของรพีพงษ์ทำให้พวกเขามีความมั่นใจ แม้ว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ต้องการลงมือ เกรงว่าในเวลานี้เธอคงจะต้องไตร่ตรองก่อน

“ไปเถอะ”

ฐปนีย์กล่าว ดูจากท่าทางของเธอ ดูเหมือนอารมณ์ของเธอจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย

“คุณฐปนีย์ ผม…….” จั๋วเยว่มองไปที่ฐปนีย์ เห็นได้ชัดว่าถ้าจะให้เขากลับไปตอนนี้ เขารู้สึกไม่เต็มใจจริง ๆ

“ให้คุณกลับไปคุณก็กลับไป อย่าพูดอะไรมาก”

ดวงตาของฐปนีย์เย็นชา และเธอก็หันหลังและเดินออกไปก่อน

“รอก่อน จะไปตอนนี้เลยหรือ?”

ชั่วพริบตาเดียว รพีพงษ์ก็เดินมาอยู่ตรงหน้าฐปนีย์และจั๋วเยว่

“ทำไม คุณยังมีเรื่องอะไรอีก” ฐปนีย์ยิ้มและกล่าวว่า “จั๋วเยว่ไม่เหมือนคนของสำนักเทพยาเซียน เมื่อพ่ายแพ้แล้วก็ยอมรับ พวกเราจะไปจากที่นี่ตอนนี้ คุณมีปัญหาอะไรหรือ?”

“แพ้ก็คือแพ้ ก็ต้องปฏิบัติตามตามกฎ แต่ว่าตอนนี้ผมให้พวกคุณอยู่ก่อน เพราะมีสองเรื่องต้องการถามพวกคุณ”

“เรื่องอะไร?”

จั๋วเยว่ถาม

“พวกคุณสองคนมาที่สำนักเทพยาเซียน และเมื่อความเห็นต่างกันคุยไม่รู้เรื่อง พวกคุณก็ทำร้ายคนสามคนของสำนักเทพยาเซียนจนบาดเจ็บ คิดว่าควรจะชดใช้อย่างไร?” รพีพงษ์ถามด้วยเสียงที่เย็นชา

“เชอะ! รพีพงษ์ คุณคิดว่าตนเองเก่งนักหรือ? ผมจะบอกคุณ คนพวกนั้นได้รับบาดเจ็บจากการลงมือของคุณฐปนีย์ หรือว่าคุณเก่งกว่าคุณฐปนีย์เหรอ?”

จั๋วเยว่ผู้ซึ่งไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ยืนขึ้นและกล่าว

ฐปนีย์กลอกตาให้จั๋วเยว่ จากนั้นมองไปที่รพีพงษ์แล้วกล่าวว่า “ไม่รู้ คุณต้องการให้ฉันชดใช้ยังไงล่ะ? หรือว่า คุณมีจุดมุ่งหมายในตัวฉัน?”

ขณะที่กำลังพูด ฐปนีย์ยิ้มจาง ๆให้รพีพงษ์ “ถ้าคุณต้องการจริง ๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!”

“ต้องขออภัยด้วย ผมไม่สนใจสินค้าทั่วไป”

รพีพงษ์ยังคงนิ่งสงบ อันที่จริง ตนเองเคยเห็นผู้หญิงสวย ๆ มามากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ตนเองยังมีภรรยาแสนสวยรออยู่ที่บ้าน

“คุณ……”

ฐปนีย์มองไปที่รพีพงษ์ด้วยความโกรธ “งั้นคุณพูดมาว่าต้องการให้ทำอะไร!”

“คุกเข่าขอโทษ!”

รพีพงษ์กล่าวประโยคนี้อย่างเย็นชา โดยไม่เปิดโอกาสให้ปรึกษาหารือได้

“ฮ่า ๆ ๆ!”

ฐปนีย์หัวเราะเสียงดัง “จะให้ฉันคุกเข่าให้พวกเขา รพีพงษ์ คุณคิดว่ามันเป็นไปได้หรือ? ”

หลังจากที่รพีพงษ์ฟังแล้ว ไม่โกรธแต่กลับหัวเราะแทน และเดินสองก้าวไปในทิศทางที่ฐปนีย์ยืนอยู่

“เป็นไปได้ว่าคุณยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่า สิ่งที่ผมถนัดที่สุดคือเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้มันเป็นไปได้!”

เขาถือกระบี่สยบเซียนอยู่ในมือ ชั่วพริบตาพลังรัศมีของรพีพงษ์ก็ถึงจุดสูงสุดทันที

“อยากจะไป ก็ถามกระบี่ที่อยู่ในมือของผมก่อนว่ามันยอมให้ไปไหม!”

กระบี่สยบเซียนออกจากฝัก ทุกคนดูก็รู้ทันทีว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดา

ขณะนี้ จั๋วเยว่ที่อยู่ด้านข้างรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

ตอนที่อยู่ในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาของรพีพงษ์ และระดับศิลปะการต่อสู้ที่เก่ง แต่ไม่คิดว่า เมื่อได้เห็นในวันนี้ แค่พลังที่เปล่งออกมาของรพีพงษ์ ตนเองก็ไม่สามารถทนได้แล้ว

ขาของจั๋วเยว่อ่อนลง และคุกเข่าลงโดยไม่เต็มใจ

รพีพงษ์ มองไปที่ฐปนีย์อย่างเย็นชา “เขาคุกเข่าแล้ว ก็เหลือแต่คุณ!”

มีรอยยิ้มปรากฏในดวงตาของฐปนีย์ และเธอก็กระซิบว่า “ใช้กระบวนท่านี้อีกแล้ว…..

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท