พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่1260 เหมือนมากจริง ๆ

บทที่1260 เหมือนมากจริง ๆ

หลังจากดื่มชาหมดแล้ว จิรภัทรซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามรพีพงษ์ก็อ้าปากของเขาเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะอยู่ในโลกนี้มาหลายสิบปีแล้ว แต่เมื่อได้ยินเรื่องที่รพีพงษ์เล่าเมื่อสักครู่ ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนเด็กที่ยังไม่เกิด

“ไม่คิดว่า สถานที่ที่ใกล้กับสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา จะเป็นแหล่งกำเนิดพลังทิพย์แห่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้!”

จิรภัทรกล่าวเสียงแหบ

รพีพงษ์พยักหน้า “น้ำที่ไหลออกมาจากป่าหมอก มาบรรจบกันที่สำนักเทพยาเซียนของพวกคุณแล้วกลายเป็นหลิงฉวน ทำให้พวกคุณสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ไม่มีวันหมด”

“ใช่ สถานที่ที่ฮวงจุ้ยดีเช่นนี้ จะไม่ยอมให้พวกคนชั่วแย่งไปแน่!”

จิรภัทรแสดงจุดยืน “รพีพงษ์ คุณวางใจเถอะ พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกับสัตว์เซียนในป่าหมอกมาหลายร้อยปี พวกเขาคอยปกปักรักษาอยู่ลำพังมาหลายร้อยปีเพราะสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนนั้น พวกเราควรจะมีส่วนร่วมในการปกป้องแหล่งกำเนิดพลังทิพย์เหมือนกัน”

“ถ้าหากต่อไปนี้ผู้คนจากทวีปโอชวินมารุกราน พวกเราสำนักเทพยาเซียนจะเป็นคนแรกที่จะสู้ตาย!” จิรภัทรกล่าว

รพีพงษ์มองไปที่จิรภัทรอย่างชื่นชม “ตามความเห็นของผม คนของทวีปโอชวิน อยู่ไม่ห่างไกลจากพวกเรามากนัก ผมเกรงว่าพวกเขาจะมาที่นี่เร็ว ๆ นี้”

“ทำไมคุณถึงพูดเช่นนี้?” จิรภัทรถามด้วยความประหลาดใจ

“ตอนแรก หลังจากที่จอมมารชูร่าถ่ายทอดทุกอย่างให้ผมแล้ว กลลวงตาก็หายไปโดยสมบูรณ์ ตั้งแต่นั้นมารอยแยกทางเดินจากพื้นโลกไปยังทวีปโอชวินก็มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม”

รพีพงษ์กล่าว เรื่องทั้งหมดนี้ธีรพัฒน์เป็นคนบอกตนเอง

“ผมคิดว่า คนของทวีปโอชวินสัมผัสได้ถึงการหายตัวไปของจอมมารชูร่าแล้ว ดังนั้นเขาจึงไร้ความปรานี และพยายามคิดที่จะเปิดช่องทางเดิน!” รพีพงษ์กล่าว

“นั่นหมายความว่า ตอนนี้พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว”

จิรภัทรตระหนักว่าเรื่องนี้มีความร้ายแรงมาก

“ถูกต้อง” รพีพงษ์พยักหน้า “เมื่อเทียบกับทวีปโอชวิน โลกของพวกเรามีคนที่แข็งแกร่งน้อยมาก ไม่รู้ว่าเจ้าจิรภัทรจะมีวิธีใดบ้าง ที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของเราได้อย่างรวดเร็ว!”

“ยาเม็ด! ยาชั้นเลิศจำนวนมาก!”

จิรภัทรกล่าวว่า “เพียงแต่ ด้วยความสามารถของพวกเราในตอนนี้ จะกลั่นยาชั้นเลิศมากมาย ไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานกี่ปีกี่เดือน”

“ยาชั้นเลิศ ผมมีอยู่หลายกล่อง” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

“คุณว่าอะไรน่ะ? หลายกล่อง?” จิรภัทรประหลาดใจ

“ถูกต้อง ตอนที่ผมฆ่าคนคนหนึ่งของทวีปโอชวิน เขาเก็บยาชั้นเลิศไว้หลายกล่อง” รพีพงษ์กล่าวตามความจริง แต่คนที่ตนเองฆ่านั้น เคยเป็นอาจารย์ของเขา

จิรภัทรแข็งทื่อเป็นเวลาสามวินาที

การสังหารคนคนหนึ่งที่แข็งแกร่งของทวีปโอชวิน ขณะที่พูดออกจากปากของรพีพงษ์เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

“มันเยี่ยมมาก แต่ว่า เม็ดยาแต่ละเม็ดมีผลต่างกัน บางเม็ดใช้รักษาบาดแผล และบางเม็ดใช้บำรุงปราณ ไม่รู้ว่าผลหลักของยาเม็ดกล่องใหญ่เหล่านั้นคืออะไร ถ้าทั้งหมดใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มพลังความแข็งแกร่งได้ เช่นนั้นก็เหมือนสวรรค์ประทาน” จิรภัทรกล่าว

“ตอนนี้ผมยังไม่รู้แน่ชัด”

รพีพงษ์กล่าวตามความจริง เวลานั้น เขาไม่ค่อยรู้เรื่องยาเม็ด เขารู้เพียงว่ายาที่ชัชพิสิฐทิ้งไว้นั้นเป็นยาชั้นเลิศ ส่วนเรื่องสรรพคุณทางยา เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย

“อ้อ มียังไงมันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย”

จิรภัทรกล่าว แสดงความผิดหวังอย่างชัดเจน

“เจ้าจิรภัทร ไม่รู้ว่าเม็ดยาที่คุณบอกว่าสามารถเพิ่มพลังความแข็งแกร่งได้ ชื่อว่าอะไร? มีสูตรยาหรือไม่” รพีพงษ์กล่าวถาม

“ทำไม คุณอยากจะกลั่น?” จิรภัทรถาม

รพีพงษ์พยักหน้า “ผมอยากลองกลั่นดู”

“ตกลง ผมจะเอาสูตรให้คุณดูเดี๋ยวนี้!”

ขณะที่กำลังพูด เจ้าจิรภัทรก็หยิบสูตรออกมาจากกระเป๋า แล้วยื่นให้รพีพงษ์

“ยาเม็ดวิญญาณชี่?”

รพีพงษ์ดูแล้วรู้สึกคุ้นเคยกับสูตรยานี้ “นี่เป็นสูตรยาที่ผมให้คุณตอนที่ผมมาสำนักเทพยาเซียนคราวก่อนใช่ไหม?”

“ถูกต้อง”

จิรภัทรกล่าว “ผมต้องการกลั่นยาสูตรนี้เพื่อใช้สำหรับการแข่งขันในอนาคต แต่ว่าโสมที่ใช้ในยาสูตรนี้ค่อนข้างหายาก”

“เจ้าจิรภัทรพูดล้อเล่นใช่ไหม เพราะที่สำนักเทพยาเซียนมีของล้ำค่ามากมาย โสมนั้นหาง่ายไม่ใช่หรือ” รพีพงษ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ประมุขรพีเป็นคนที่รู้ทุกอย่าง ถ้าต้องการปรับปรุงคุณภาพของยานี้ กุญแจสำคัญอยู่ที่โสม ยิ่งโสมที่มีอายุมากเท่าไหร่ เม็ดยาก็จะยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้น และทำให้สามารถเพิ่มพลังความแข็งแกร่งมากขึ้นเช่นกัน”

จิรภัทรกล่าวต่อไปว่า “หลังจากเวลาผ่านไปนาน ผมได้พบโสมที่มีอายุมากกว่าหนึ่งพันปีสิบกว่าต้น ถ้าต้องการผลิตยาชั้นเลิศ เกรงว่าอายุของโสมจะน้อยเกินไป”

โสมอายุมากกว่าหนึ่งพันปี ถ้าเอาไปประมูลขาย เกรงว่าโสมจะเป็นเป้าหมายของตระกูลใหญ่ทั่วโลกทันที แต่ถึงกระนั้น จิรภัทรกลับคิดว่าอายุของโสมนั้นน้อยเกินไป

“ผมเคยได้ยินมาว่า ยิ่งโสมอายุนานมากเท่าใด ยิ่งซึมซับแก่นแท้ของธรรมชาติมากขึ้นเท่านั้น” รพีพงษ์กล่าว

“ถูกต้อง โสมเหล่านี้ก็มีจิตวิญญาณ ดังนั้นเมื่อเราขึ้นไปเก็บโสมบนภูเขา ถ้าพวกเราพบโสมที่มีอายุน้อย พวกเราจะผูกเชือกสีแดงไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มันวิ่งไปที่อื่น” จิรภัทรกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

รพีพงษ์กล่าวอย่างราบเรียบว่า “ผมจำวิธีการกลั่นยาเม็ดวิญญาณชี่ไว้แล้ว ถ้ามีเวลาผมจะทดลองกลั่น เพื่อดูว่าจะมีคุณภาพอย่างไร?”

“ถ้าเป็นเช่นนี้ มันก็จะดีมากเลย” จิรภัทรกล่าวอย่างมีความสุข

ถ้ากล่าวถึงเทคโนโลยีการกลั่นยาในปัจจุบัน ตนเองไม่ใช่คู่แข่งของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อีกต่อไป

“วันพรุ่งนี้ผมจะลงจากภูเขาเพื่อซื้อเสื้อผ้า พรุ่งนี้ขอให้เจ้าจิรภัทรส่งหนังสือเกี่ยวกับวัตถุดิบยาในสำนักทั้งหมดไปที่ห้องผม ผมต้องการศึกษาทักษะทางการแพทย์” รพีพงษ์กล่าว

“คุณสนใจทักษะทางการแพทย์ด้วยเหรอ?” จิรภัทรถามด้วยความประหลาดใจ

“ภรรยาของผมถูกวางยาพิษ ผมต้องการศึกษาดูว่า จะมีวิธีใดที่จะสามารถช่วยถอนพิษให้เธอได้” รพีพงษ์กล่าว

“ถ้าคุณกลั่นยาเม็ดไป่หลิงได้ ก็สามารถถอนพิษนับร้อยชนิดได้!” จิรภัทรกล่าวอย่างมั่นใจ

“ถ้าพิษนี้มาจากทวีปโอชวินล่ะ?”

รพีพงษ์ถาม

“ทวีปโอชวิน!”

จิรภัทรลุกขึ้น และกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ไม่รู้ว่าภรรยาของคุณ ถูกพิษของทวีปโอชวินได้อย่างไร?”

รพีพงษ์ไม่ได้พูดอะไร แต่มีรังสีสังหารอยู่ในดวงตา

ภาพของโจซี่ปรากฏขึ้นในใจสมองของเขา โดยเฉพาะดวงตาโหดเหี้ยมที่แฝงไปด้วยการเยาะเย้ยของเธอ ทำให้รพีพงษ์รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ทันใดนั้น ดวงตาของฐปนีย์ที่เจอเมื่อคืนนี้ก็ปรากฏขึ้นในสมอง แล้วไปทับซ้อนกับดวงตาของโจซี่

“มันเหมือนกันมากจริง ๆ!”

รพีพงษ์กล่าวเสียงแหบด้วยความประหลาดใจ

“ประมุขรพี คุณเป็นอะไรไป? ของอะไรที่มันเหมือนกันมาก?” จิรภัทรถามด้วยความสงสัย เพราะเขาไม่เคยเห็นรพีพงษ์เป็นเช่นนี้มาก่อน

ดวงตาของรพีพงษ์ล่องลอย และยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหลือเชื่อมากขึ้นเท่านั้น

ผู้หญิงที่อายุเกือบห้าสิบปี กับผู้หญิงอีกคนที่อายุแค่ยี่สิบปี จะเป็นคนคนเดียวกันได้อย่างไร?

แต่ว่า เมื่อคิดเรื่องที่ทั้งสองคนอยู่ในระดับแดนดั่งเทพชั้นยอดเหมือนกัน รพีพงษ์ส่ายศีรษะเล็กน้อย

เรื่องนี้มีความบังเอิญมากเกินไปแล้ว รพีพงษ์มีความมั่นใจว่า ฐปนีย์จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับโจซี่อย่างแน่นอน!

“บางที เธออาจเป็นลูกสาวของโจซี่” รพีพงษ์คิดอยู่ในใจ

“ประมุขรพี คุณไม่เป็นไรใช่ไหม!” จิรภัทรเรียกเขาอีกครั้ง

รพีพงษ์กลับมารู้สึกตัว และมองไปที่จิรภัทร “ไม่เป็นไร เจ้าจิรภัทร แค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น”

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” จิรภัทรโล่งอก “ผมไม่รบกวนคุณล่ะ พรุ่งนี้ผมจะให้คนส่งตำราทั้งหมดไปไว้ที่ห้องของคุณ”

“ขอบคุณมาก”

หลังจากอำลาจิรภัทรแล้ว รพีพงษ์ก็ใช้ความคิดอีกครั้ง

การต่อสู้ครั้งที่แล้ว ตนเองไม่สามารถเอาชนะโจซี่ได้ ตอนนี้ศัตรูที่อันตรายคนนี้ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน

รพีพงษ์รู้อยู่แก่ใจว่า จำเป็นต้องพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเอง!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท