พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1271 เริ่มไม่ดี

บทที่ 1271 เริ่มไม่ดี

ในห้องรับแขกขนาดใหญ่ จิรภัทรอยู่ที่ตำแหน่งกึ่งกลางของห้อง

หลังจากที่ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาดูการต่อสู้เรียบร้อยแล้วนั้น จิรภัทรก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่า เพื่อมายังสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา ถ้ามีส่วนไหนที่ดูแลไม่ทั่วถึง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ”

“แหะๆ เจ้าจิรภัทร ผมเห็นว่าลูกศิษย์ผู้หญิงของพวกคุณล้วนหน้าตาสะสวยกันทั้งนั้น จะให้พวกเธอมาช่วยนวดขาให้พวกเราหน่อยได้ไหม พอดีว่าขาของผมมันปวด”

ชายใส่แหวนวงใหญ่พูดขึ้นมาอย่างหน้าไม่อาย สายตาก็จ้องมองจิลลาด้วยสายตาลามก

เห็นได้ชัดว่า เขามองสำนักเทพยาเซียนว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในวันหยุด

จิลลาก็อดไม่ได้ ยังไม่ทันรอให้จิรภัทรปฏิเสธ ก็แกล้งพูดเล่นขึ้นมาเองว่า “ได้เลยค่ะ ให้ฉันช่วยดูแลปรนนิบัติเองนะคะ”

“จริงหรือ? งั้นก็ดีเลย ผมอดใจรอไม่ได้แล้ว”

พอนึกถึงความรู้สึกที่มีมืออ่อนช้อยขาวนวลของจิลลา มานวดที่ขาของตนเอง ก็ยิ่งทำให้จินตนาการคิดไกลคิดลึกไปอีก

จิลลาเดินเข้าไป ท่าทางนวยนาดอ่อนช้อยชวนหลงใหล

พวกเถ้าแก่ที่เห็นผู้หญิงสวยแบบนี้ในเมืองจนชินตาแล้ว พอพวกเขาได้เห็นหญิงสาวที่สวยแปลกตาแบบนี้ สายตาก็จับจ้องไปตามกัน

มีเพียงพวกลูกศิษย์ทั้งหลายของสำนักเทพยาเซียน ที่รู้นิสัยอันแท้จริงของจิลลา แต่ละคนก็รอคอยดูเรื่องสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น รอดูเศรษฐีพวกนั้นโดนหักหน้า

เดินมาตรงหน้าชายเศรษฐีไม่กี่ก้าว จิลลาก็พูดจาอ่อนหวาน “ไม่ทราบคุณชายท่านนี้ปวดขาข้างไหนหรือคะ?”

“ปวดทั้งสองข้างเลย โดยเฉพาะบริเวณต้นขา ยิ่งนวดสูงขึ้น ก็ยิ่งปวด”

ชายเศรษฐีก็เป็นงานอย่างดี จังหวะที่จะเอาเปรียบได้ ก็ไม่ปล่อยไปเด็ดขาด

“ได้เลย เดี๋ยวฉันจะช่วยนวดให้เอง”

พูดไปดังนั้น จิลลาก็ค่อยๆ วางมือลงไปบนขาของเขา ชายเศรษฐีก็กำลังจะเคลิ้ม ทันใดนั้น จิลลาก็สีหน้าเปลี่ยน

“ไอ้คนหน้าไม่อาย บังอาจกล้ามาวางอำนาจในสำนักเทพยาเซียนของพวกเรา เดี๋ยวแม่จะจัดการแก คอยดู!”

พูดจบ สองมือก็ออกแรงมากขึ้น จนแทบจะบีบจนกระดูกแหลกเลยทีเดียว

เศรษฐีคนนั้นก็ร้องขึ้นมา หน้าเขียวปากแห้งขึ้นมาเลยทันที

“เรียกฉันว่า คุณย่า 3ครั้ง แล้วฉันจะปล่อย!” จิลลาขมวดคิ้วพูด มือก็ออกแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

“เจ็บ เจ็บจะตายอยู่แล้ว…….” เศรษฐีคนนั้นมีสีหน้าเจ็บปวด ทีนี้ก็ได้รับรู้ถึงพลังของยอดฝีมือเน่ยจิ้ง เขาจะทนไหวได้อย่างไรกัน

“พอแล้ว จิลลา เลิกเล่นได้แล้ว”

จิรภัทรส่งเสียงพูดออกมา สีหน้าก็นิ่งๆ

“เชอะ”

จิลลาปล่อยมือ แล้วก็มองบนใส่พวกคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ที่ยืนอยู่หลังเศรษฐีคนนี้ พร้อมพูดว่า “ดูเหมือนว่า สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกคุณ จะคบค้าสมาคมแต่กับพวกเศษสวะหื่นกามแบบนี้สินะ”

พูดจบ ก็หันหลังมายืนกับพวกลูกศิษย์สำนักเทพยาเซียน

พวกชุติเดชก็ยกนิ้วโป้งให้ บอกเป็นนัยว่า ยอดไปเลย

ชนุตร์ก็เดินออกมา แล้วพูดเสียงขรึมว่า “ศิษย์พี่ นี่เป็นการต้อนรับแขกของสำนักเทพยาเซียนอย่างนั้นหรือ? เถ้าแก่หมากท่านนี้ เป็นถึงแขกผู้มีเกียรติ ลูกศิษย์ของสำนักเทพยาเซียนของพวกคุณทำเป็นเรื่องเล่น ไม่ควรลงโทษหน่อยหรือ? หรือว่า พวกเด็กๆ ไม่ร้องเรื่อง คนเป็นอาวุโสก็เลอะเลือนไปด้วยเสียแล้ว?”

จิรภัทรก็พูดขรึมๆ ว่า “เมื่อครู่ทุกคนก็เห็นชัดเจนแล้วว่า เถ้าแก่หมากท่านนี้ตั้งใจกลั่นแกล้งก่อน หรือว่าคุณคิดจะย้อนผิดเป็นถูกต่อหน้าทุกคนอย่างนั้นหรือ?”

“เหอะ ถ้าศิษย์ผู้หญิงคนนี้ไม่คิด ก็คงไม่ต้องมาทำร้ายเถ้าแก่หมากหรอก จะว่าไปแล้ว ไม่ใช่เพราะการสั่งสอนไม่ดีหรอก แต่เป็นเพราะคุณคอยให้ท้าย ก็เลยไม่รู้จักเกรงกลัวใครแบบนี้”

ในตอนนี้ ชายแก่ผมแห้งที่ยืนอยู่ข้างชนุตร์ก็ก้าวออกมา

เขาก็คือบุณยผล เป็นผู้อาวุโสรองของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ!

จิรภัทรก็ผงะ แล้วก็เดินไปตรงหน้าบุณยผล “หรือว่าสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกคุณ และแขกผู้มีเกียรติที่เรียกมา วันนี้จะมาทะเลาะกันอย่างเดียวหรือ? หรือว่าที่พวกคุณมาครั้งนี้ ไม่ใช่มาเพื่อแข่งขันกลั่นยาหรือ?”

“เหอะ ต่อให้มาเพื่อแข่งกลั่นยา คุณก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเราหรอก” บุณยผลพูดอย่างไม่เกรงใจ

คำพูดนี้มันเสียดแทงไปยังหน้าอกของจิรภัทร เขาก็รีบตอบกลับไปว่า “ในเมื่อกล่าวแบบนี้ อย่างนั้นการแข่งขันคู่แรก ก็ให้พวกเราสองคนเป็นคนเริ่มแข่งขันกันก่อนเลยเถอะ”

“แข่งก็แข่ง ผมกลัวคุณที่ไหนล่ะ!”

สายตาของบุณยผลเผยความชั่วร้าย พร้อมรีบตอบกลับไป

ชนุตร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ขยับมุมปาก

แต่รพีพงษ์กลับมีสายตายิ้มๆ

ถ้าจะบอกว่าจิรภัทรไม่สามารถจะเอาชนะชนุตร์ได้ อย่างนั้น เมื่อแข่งกับบุณยผลแล้ว เกรงว่าคงจะมีโอกาสอยู่บ้าง

แพ้แล้วแพ้อีก ดูเหมือนว่าจิรภัทรคงจะบอกเป็นนัยนี้ออกมา

ในเมื่อกำหนดออกมาแล้ว ชนุตร์ก็พูดอะไรอีกไม่ได้

เขาพูดเสียงต่ำว่า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ให้ผู้อาวุโสรองของพวกเราเข้าแข่งขันก่อน แต่ว่ากติกาในครั้งนี้ คงจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรนิดหน่อย ไม่ทราบว่าเจ้าจิรภัทรมีความเห็นอย่างไร?”

“จะเปลี่ยนอย่างไร?”

จิรภัทรถาม

ชนุตร์ยิ้มเย็นๆ แล้วมองไปที่ทุกคน “การแข่งขันกลั่นยาในครั้งนี้ ในเมื่อเชิญแขกผู้มีเกียรติมามากมาย ทั้งยังมีโคบายาชิซังของประเทศญี่ปุ่นมาด้วย เช่นนั้น ถ้าจะแข่งแค่2ครั้ง คงจะทำให้พวกเราผิดหวังไม่น้อย ผมขอเสนอ ถ้าเสมอกัน2ครั้ง สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุและสำนักเทพยาเซียนสามารถส่งอีกคนหนึ่งออกมา เพื่อแข่งขันรอบตัดสินความเป็นความตาย แต่คนนั้น จะต้องเป็นคนที่ไม่เคยเข้าแข่งขันเลยก่อนหน้านี้”

เป็นข้อเสนอที่ร้ายกาจมาก!

จิรภัทรก็คิดในใจ ไอ้หมอนี่ตั้งกติกาแบบนี้ งั้นรพีพงษ์ก็จะถูกจัดให้แข่งในรอบที่2ไม่ได้เสียแล้ว ถ้าเกิดว่าเสมอกันขึ้นมา รอบที่3ก็ยังมีโอกาสชนะ

“อะไรคือรอบตัดสินความเป็นความตาย?” จิรภัทรถาม

ชนุตร์ยิ้มมุมปาก “พอถึงตอนนั้น พวกคุณก็จะรู้เอง เพียงแต่ พวกคุณจะอยู่ถึงรอบที่3หรือเปล่านั้น ก็ยังไม่แน่”

“ได้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้พวกคุณจะตัดสินแพ้ชนะให้ได้เลยสินะ”

จิรภัทรพูดเสียงขรึม

“ถูกต้อง พวกเรามาไกลถึงที่นี่ ก็เพื่อมาเอาชนะ ส่วนเดิมพันนั้น ก็เหมือนเดิมแล้วกัน นอกจากจะให้พวกเราเลือกยาสมุนไพรในสำนักได้ตามใจชอบแล้ว ยังต้องอนุญาตให้พวกเราอยู่ในสำนักได้อีก3วัน” ชนุตร์พูดเสียงขรึม

จิรภัทรขมวดคิ้ว ไอ้ชนุตร์คนนี้ความคิดชั่วไม่ยอมลดละ ใจก็คิดแต่เรื่องของที่สำนักเก็บรักษาไว้

“แล้วถ้าพวกคุณแพ้ล่ะ?” ปยุตเดินออกมาพูด

“พวกเราจะแพ้ได้อย่างไรกัน?” ชนุตร์พูดหัวเราะเยาะ

“แต่มันก็ไม่แน่นะ” ปยุตตอบกลับไป

พวกของชนุตร์ก็มองไปยังรพีพงษ์ที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด ในใจเขาก็รู้ดี ว่าคนที่สามารถข่มขู่ฝั่งตนเองได้ มีเพียงรพีพงษ์คนเดียว

“เอาเถอะ ถ้าสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเราพ่ายแพ้ล่ะก็ ศิษย์พี่ เดี๋ยวผมจะให้สูตรยา2สูตรแก่พี่เอง” ชนุตร์มองตาพูดกับจิรภัทร

รพีพงษ์ก็จับจ้องได้ว่า หลังจากที่จิรภัทรได้ยินคำนั้น เห็นได้ชัดว่าครึกครื้นขึ้นมานิดหน่อย

“คุณจะบอกว่า…….สูตรยาที่อาจารย์ให้พวกเราไว้ทั้ง2สูตรนั่นน่ะหรือ?”

“ถูกต้อง”

ชนุตร์ก็ส่งสายตาให้คนของตนเองด้านหลัง แล้วลูกศิษย์ของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่ง ก็ค่อยเปิดกล่องไม้ออกอย่างระวัง

“สูตรยาทั้ง2แผ่นอยู่ด้านใน ถ้าเอาชนะได้ ก็เป็นของคุณ” ชนุตร์พูดนิ่งๆ

“ได้!”

จิรภัทรก็ตอบรับชนุตร์ไป โดยไม่ลังเล

ชนุตร์สหน้านิ่งๆ “ในเมื่อตกลงกันแล้ว งั้นพวกเราก็เริ่มการแข่งขันกันเลย”

ระหว่างที่พูด จิรภัทรและบุณยผลก็ก้าวออกมาตรงกลางห้องโถง

“ในเมื่อคุณและผมล้วนเป็นผู้อาวุโส งั้นการแข่งขันรอบแรก งั้นต่างก็กลั่นยาชั้นเลิศออกมากันคนละเม็ดแล้วกัน ดูสิว่าคุณภาพของใครจะสูงที่สุด ใช่เวลากลั่นน้อยที่สุด คุณว่าดีไหม?” บุณยผลถาม

“ไม่มีปัญหา”

จิรภัทรกล่าว

สำนักเทพยาเซียนมียาสมุนไพรที่มีชื่อเสียงมากมาย ไม่นาน ยาสมุนไพรที่ทั้งคู่ต้องการ ก็จัดเตรียมเรียบร้อย

“เชิญ!”

จิรภัทรผายมือออกแล้วพูด ส่วนในตอนนี้ บุณยผลก็ได้หลับตาลง พลังจิตวิญญาณเทพก็ถูกปล่อยออกมา

จิรภัทรก็ไม่รอช้า ฝั่งตรงข้ามเป็นถึงผู้อาวุโสรองของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ จะดูถูกคู่แข่งไม่ได้

ไม่นาน ในห้องโถงก็เงียบสงัด เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายของสำนักเทพยาเซียนก็ตื่นเต้นไปตามกัน

ผ่านไปหลายปีแล้ว ปีนี้อาจจะเป็นปีที่สำนักเทพยาเซียนชนะสักปีหนึ่ง

ส่วนรพีพงษ์ในตอนนี้ ก็กำลังสนใจกับสูตรยา2แผ่นที่ชนุตร์พูดถึง

สูตรยาที่ทำให้จิรภัทรรีบตอบรับข้อเสนออันไม่เป็นธรรม มันจะเป็นอย่างไรกันแน่?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท