พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1262 ชาวเขา

บทที่ 1262 ชาวเขา

“มึงแมร่งเป็นใครวะ ไปให้พ้นเลยนะ ไม่งั้นกูชนมึงตายแน่!”

ชายแว่นดำด่าอย่างเสียงดัง

รพีพงษ์ไม่ได้มีท่าทีว่าจะหลบ แต่กลับมองเขาด้วยสายตาเย็นชา

“ให้ตายสิ!”

ชายแว่นดำเร่งคันเร่งและทำท่าว่าจะพุ่งชนรพีพงษ์

“กูนับถึงสาม ถ้ายังไม่หลบ กูจะชนมึงนะ!” ชายแว่นดำตะโกนออกมา

สามวินาทีต่อมา ชายแว่นดำไม่ได้ขับรถชนรพีพงษ์ แต่เขาเปิดประตูรถแล้วลงมาจากรถและเข้าไปผลักรพีพงษ์ด้วยความโกรธ

เขาผลักรพีพงษ์ด้วยความแรง แต่รพีพงษ์ไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิด กลับเป็นตัวเขาเองที่ต้องถอยหลังไปหลายก้าว

“แมร้งเอ๊ย กูเอารถชนมึงยังต้องไปล้างรถอีก ไอ้สกปรก!” ชายแว่นดำพูดด้วยความโกรธ

เขามองไปที่รพีพงษ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่ารพีพงษ์แต่งกายธรรมดา เขาจึงมั่นใจว่ารพีพงษ์ต้องไม่ใช่เศรษฐีจากที่ไหนอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงได้ใจมากกว่าเดิม

“กูจะเตือนมึงนะ อย่ามาขวางทางกูอีก กำปั้นของกูไม่ได้มีไว้ตักข้าวกินอย่างเดียวนะ”

รพีพงษ์ยังคงสีหน้าเฉยเมย จากนั้นเขาเดินไปด้านข้างแล้วพยุงหญิงชราขึ้นมา

“คืนโสมให้แก แล้วผมจะปล่อยคุณไป” รพีพงษ์พูด

“บัดซบ! มึงแมร่งเป็นใครวะ กูเวียร์ไม่เคยคายของที่กลืนเข้าไปหรอก!”

“เถ้าแก่ท่านนี้ ถือว่าสงสารป้าเถอะนะ” หญิงชราอ้อนวอนด้วยน้ำตา “ในเมื่อคุณได้ของไปแล้ว คุณก็บอกเองว่ามันสามารถนำไปขายได้มากกว่าสองล้าน ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยเพิ่มเงินให้ป้าหน่อยได้ไหม ป้าขอแค่สองแสน แค่ป้าพอเอาเงินไปช่วยลูกชายก็พอแล้ว ป้าขอร้องนะ”

“ฝันไปเถอะ!”

เวียร์ตะคอกใส่ “ยัยแก่ พูดจาให้มันมีศีลธรรมหน่อยนะ ผมหลอกป้าตรงไหนเหรอ? ป้าเป็นคนยื่นโสมมาให้ผมเองไม่ใช่เหรอ? ส่วนเรื่องลูกชายของป้า มันจะเป็นหรือตายแล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย!”

“คุณ……” หญิงชรามองเขาด้วยน้ำตา เธอไม่ได้ร้องไห้เพราะถูกหลอก แต่เธอเสียใจเพราะไม่สามารถช่วยลูกชายได้

“เหอะ แก่แล้วไม่ยอมเจียมตัว อย่างป้าน่ะ ได้เงินห้าหมื่นไปก็ถือว่าบุญแล้ว”

เวียร์พูดแล้วกลอกตาใส่รพีพงษ์ “ให้ตายเหอะ กูต้องมาเสียเวลากับพวกมึงจริงเหรอ คนอย่างพวกมึงควรนอนอยู่ที่บ้าน ไม่ควรออกมาขายหน้าหรอก!”

จากนั้นเขาก็หันเดินกลับไปที่รถ แต่ไม่คิดเลยว่าในชั่วพริบตา รพีพงษ์ก็ยืนขวางอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง

“ไอ้เวร มึงจะเอายังไงกันแน่ อย่าบังคับให้กูต้องลงไม้ลงมือนะ!” เวียร์พูดด้วยความโกรธ

“คืนโสมให้เธอ” รพีพงษ์ยังคงพูดอย่างเย็นชา

“บัดซบเอ๊ย! มึงเป็นใครมาจากไหนกันแน่ เสือกจริงๆ!”

จากนั้นเวียร์ก็ผลักรพีพงษ์อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาผลักแรงกว่าครั้งแรกมาก

รพีพงษ์ได้ออกแรงโต้ตอบอย่างเงียบๆ เขาเพียงแค่ขยับไหล่ก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร

“แหม แรงเยอะใช้ได้เลยนะ สมกับที่เป็นชาวเขาจริง!”

เวียร์ตบฝุ่นบนร่างกายของเขาและพูดอย่างดูถูกว่า “มีแต่แรงไม่มีสมองก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี มึงเห็นรถกูไหม ทั้งชีวิตของมึงไม่มีปัญญาซื้อได้หรอก เอางี้นะ ให้โอกาสมึงมาเป็นบอดี้การ์ดของกู เงินเดือนสองพันหยวน สนใจไหม!”

“คืนโสมให้เธอ”

รพีพงษ์ก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาที่ดุดัน

คนที่กล้าสั่งเจ้าบ้านรพีพงษ์ให้ไปเป็นบอดี้การ์ดของเขานั้นต้องจบไม่สวยอย่างแน่นอน

“กูไม่ให้ แล้วมึงจะมาแย่งของก็เหรอ!”

เวียร์ตะโกนเสียงดัง

“งั้น ผมขอแย่งละกันนะ”

รพีพงษ์สีหน้าเฉยเมย การที่ต้องเอาโสมคืนจากคนธรรมดาคนหนึ่งสำหรับเขานั้นเป็นแค่เรื่องง่ายๆ ไม่ต่างอะไรกับการหายใจเท่านั้น

จากนั้นรพีพงษ์ก็หยุดเงียบไป

ในเสี้ยววินาทีที่รพีพงษ์เงียบไปนั้น โสมและตะกร้าไม้ไผ่ก็มาถึงมือของเขาเหมือนการเล่นมายากล

“คุณป้าครับ นี่ของคุณป้าครับ เก็บไว้ให้ดีนะ” รพีพงษ์ยื่นตะกร้าไม้ไผ่ให้กับหญิงชรา และเธอก็รู้สึกขอบคุณมาก

“พ่อหนุ่ม……ป้าไม่รู้จะขอบคุณพ่อหนุ่มยังไงดีแล้ว?”

ส่วนเวียร์ที่ยืนอยู่อีกมุมเหมือนไม่มีตัวตนอยู่

เขาได้แต่ยืนมองรพีพงษ์แล้วบ่นพึมพำในปาก “นั่นมันผีชัดๆ!”

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แล้วนำเงินห้าหมื่นที่เวียร์ให้กับหญิงชรามาคืนเขา

“เอาเงินของคุณกลับไป!”

รพีพงษ์พูดไปด้วยแล้วเดินเข้าไปหาเวียร์ไปด้วย

“อย่าเข้ามานะ!”

เวียร์รีบพูดอย่างรวดเร็ว ณ ขณะนี้ในสายตาเขา รพีพงษ์ไม่ใช่มนุษย์แล้ว

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ แล้วนำเงินวางไว้ที่พื้น

แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของเขาจะสามารถเปลี่ยนโลกทัศน์ของคนคนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย

เวียร์มองไปที่รพีพงษ์อย่างระมัดระวังแล้วเคลื่อนที่เข้าไปช้าๆ

“ไม่ต้องห่วงหรอก คุณหยิบเงินไปเลย ถ้าผมไม่อยากให้คุณ ต่อให้คุณระวังตัวแค่ไหนคุณก็ไม่ได้มันไปหรอก!” รพีพงษ์พูดอย่างติดตลก

เวียร์คิดในใจว่าสิ่งที่ไอ้หมอนี่พูดมันก็จริงเหมือนกัน จากเรื่องที่เกิดที่เมื่อกี้นี้ ถ้าไอ้หมอนี่คิดจะแย่งของไปจากเขาจริงๆ มันช่างเป็นเรื่องที่ง่ายดายเหลือเกิน

หลังจากหยิบเงินแล้ว เวียร์ก็รีบวิ่งขึ้นรถและบังคับพวงมาลัยเพื่อจะขับออกไปทันที

“ต่อให้มึงมีฝีมือมากแค่ไหน มึงก็แค่ไอ้จนกระจอก!”

เวียร์ทิ้งประโยคสุดท้ายแล้วรีบเหยียบคันเร่งขับออกไปทันที

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเขาอีก สำหรับคนไร้ปัญญาแล้วสนใจก็เสียเวลาเปล่า

“คุณป้าครับ ที่นี่โจรในคราบพ่อค้าเยอะ ป้ารีบเก็บของแล้วกลับบ้านไปเถอะ”

รพีพงษ์พูดกับหญิงชราต่อ “ถ้าป้าอยากขายโสมของป้าในราคาที่ดี ผมแนะนำป้าเอามันไปที่แหล่งประมูล ที่นั่นไม่มีใครโกงป้าหรอก”

“ขอบคุณนะ พ่อหนุ่ม”

หญิงชราพูดด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณที่พ่อหนุ่มช่วยป้าเอาไว้นะ ถ้าพ่อหนุ่มให้ป้าสองแสน ป้าจะเอาเงินไปช่วยลูกชายป้า แล้วโสมของป้าก็ถือว่าขายให้พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่มว่ายังไงหรือ ถ้าจะให้ป้าเอาโสมไปที่แหล่งประมูล ป้าคงหาไม่เจอหรอก เพียงแต่ว่า……พ่อหนุ่มมีเงินสองแสนนี้ไหม”

รพีพงษ์ยิ้มจางๆ นับประสาอะไรกับเงินสองแสนนี้ ต่อให้เป็นเงินยี่สิบล้านก็เป็นแค่เศษเงินสำหรับเขา

เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีการตอบสนอง หญิงชราก็รีบพูดต่อ “พ่อหนุ่ม ป้าไม่ได้ตั้งใจจะหาว่าพ่อหนุ่มจนหรอกนะ ที่ป้าพูดแบบนั้นไป พ่อหนุ่มอย่าถือสาป้าเลยนะ ป้าแค่อยากช่วยลูกชายป้าจริงๆ ถ้าป้าไม่ต้องการใช้เงิน ป้ายกโสมของป้าให้พ่อหนุ่มไปฟรีๆ เลยก็ได้ เพราะมันอยู่กับป้าก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว”

“ไม่ครับป้า สองแสนสำหรับผมมันไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่ว่าโสมของป้ามันมีมูลค่ามากกว่าสองแสนนะครับ”

รพีพงษ์อธิบายให้เธอ

“หมายความว่าพ่อหนุ่มมีเงินสองแสนเหรอ?” หญิงชราพูดอย่างตื่นเต้น “เยี่ยมไปเลย งั้นพ่อหนุ่มรับโสมนี้ไปเลยนะ”

หญิงชราก็ยื่นตะกร้าไม้ไผ่ให้กับรพีพงษ์โดยที่ไม่รอช้าอีก

รพีพงษ์มองไปที่โสมโบราณนั้น เขาเห็นรากของโสมโบราณถูกมัดด้วยเชือกสีแดง

หัวโสมนั้นยาวมาก เนื้อแน่น ความยาวของโสมเท่ากับรากของมัน สีเข้ม ผิวบางและดูเหนียวมาก มีรอยมุกค่อนข้างเยอะ ซึ่งมองด้วยตาเปล่าก็สามารถเห็นเป็นรูปทรงที่คล้ายกับคนได้

ตามที่คาดไว้ในเบื้องต้น โสมนี้ต้องมีอายุที่ไม่น้อยกว่าหนึ่งพันปีอย่างแน่นอน

“ในเมื่อป้าพูดแบบนี้ ผมก็ขอรับมันไว้แล้วนะครับ” รพีพงษ์ต้องการโสมเพื่อนำไปทำยาเม็ดวิญญาณชี่อยู่พอดี ดังนั้นเขาจึงรับมันไว้อย่างไม่ปฏิเสธ

“แล้ว……สองแสน”

หญิงชราพูดเบาๆ

“ไม่ต้องห่วงครับคุณป้า ผมจะเอาให้ตอนนี้เลย”

จากนั้นรพีพงษ์ก็หยิบบบัตรธนาคารออกมาแล้วยื่นให้กับเธอ “ป้ารับการ์ดใบนี้ไว้นะครับ”

“อ้อ”

หญิงชราพยักหน้า หลังจากที่รพีพงษ์จากไป เธอก็หันเดินไปที่ร้านค้าที่อยู่แถวนั้น

“อ้าว นี่คุณป้าที่อยู่ในหมู่บ้านผมไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงอยู่ที่นี่ล่ะครับ” เจ้าของร้านเห็นหญิงชราที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกับเขาจึงได้ทักทายเธอ

“หมาก มีคนเอาการ์ดใบนี้ให้ป้า นายช่วยดูให้หน่อยว่าข้างในมีเงินสองแสนไหม”

ป้าเจนจั๊กจั๋นพูดอย่างรีบร้อน

เธอเข้าใจดี ถ้าเธอถูกรพีพงษ์โกงอีก เธอจะได้ตามเขาทัน

“ได้สิป้า ผมมีเครื่องรูดบัตรอยู่พอดีเลย เดี๋ยวผมดูให้”

หมากเสียบัตรเข้าไปในเครื่องอย่างไม่ใส่ใจ แต่สิบวินาทีหลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

“เป็นไงบ้าง มีเงินสองแสนไหม?” ป้าเจนจั๊กจั๋นถามอย่างประหม่า

“สองแสน? นี่มันแปดล้านเลยนะป้า!” หมากพูดอย่างเสียงดัง “ป้าเจนจั๊กจั๋น ป้าเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า?”

“แปด แปดล้าน?”

ป้าเจนจั๊กจั๋นจับการ์ดใบนั้นไว้แน่นๆ แล้วมองหารพีพงษ์ที่เดินหายไป ณ ขณะนี้เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก

ก่อนหน้านี้ยังสงสัยว่าจะถูกคนอื่นโกงอีกไหม แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เธอคงคิดมากไปแล้วจริงๆ

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท