พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1268 ติดต่อกันสามวัน

บทที่ 1268 ติดต่อกันสามวัน

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นแผนการของชายสวมแว่นกับโคบายาชิจุนอิจิ เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะจัดฉากเพื่อให้กลุ่มอันธพาลเข้าไปปล้นฝนสุดากับอุเอสึงิ ฮารุ แล้วโคบายาชิจุนอิจิก็จะปรากฏตัวและจัดการกับอันธพาลทั้งสาม

แต่ไม่คิดเลยว่าฝีมือของอุเอสึงิ ฮารุจะแข็งแกร่งจนชายอันธพาลทั้งสามยังสู้เธอไม่ได้

“โคบายาชิซังครับ ดูเหมือนว่าเรื่องนี้เราคงต้องวางแผนกันยาวๆ แล้วครับ” ชายสวมแว่นพูด

โคบายาชิจุนอิจิพยักหน้า การที่เขายอมจากญี่ปุ่นแล้วมาถึงที่ประเทศจีนนั้นก็เพราะฝนสุดาคนเดียว

แต่ไม่คิดเลยว่าฝนสุดาจะตอบสนองเขาด้วยท่าทีแบบนี้ ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและอารมณ์แปรปรวนมาก

“ในเมื่อเล่นบทดีแล้วไม่สำเร็จ สงสัยคงต้องเล่นบทร้ายบ้างแล้ว”

โคบายาชิจุนอิจิพูดต่อด้วยสีหน้าชั่วร้าย “ดูเหมือนว่าถ้าเราต้องการครอบครองฝนสุดา เราคงต้องเอาเพื่อนของเธออุเอสึงิ ฮารุให้อยู่หมัดก่อนแล้วสินะ”

จากนั้นทั้งสองก็ออกจากมุมลับนั้น

เย็นวันนั้น หลังจากที่รพีพงษ์กลับไปถึงสำนักเทพยาเซียน สิ่งแรกที่เขาทำก็คือนำโสมที่เขาได้มาไปให้จิรภัทรดูทันที

“นี่……คุณไปได้มันมาจากไหน” จิรภัทรพูดด้วยความประหลาดใจ

จากสายตาของจิรภัทรที่มองโสมแล้ว รพีพงษ์ก็รู้ว่าเขาต้องมองเห็นความพิเศษของโสมนี้เหมือนกับตัวเขาอย่างแน่นอน

จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงกลางวันให้จิรภัทรฟัง

“โชคชะตา โชคชะตาล้วน ๆ เลย!”

จิรภัทรพูดด้วยความดีใจ “รพีพงษ์ คุณรู้ไหม ในตอนที่อาจารย์ทวดของผมยังเป็นหนุ่มอยู่ ท่านเป็นคนเจอต้นโสมนี้บนภูเขาเองนะ เพียงแต่ว่าในขณะนั้นท่านไม่ได้พกเครื่องมือติดตัว ท่านจึงเอาเชือกสีแดงผูกไว้กับโสมแล้วกลับมาเอาเครื่องมือเพื่อจะกลับไปขุด”

รพีพงษ์พยักหน้า เขารู้ดีว่าการที่จะได้โสมที่ดีนั้นต้องคงสภาพเดิมของมันให้ได้ และยังต้องใช้เวลาในการขุดเจาะไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นการขุดเจาะจึงต้องใช้เครื่องมือพิเศษถึงจะทำได้

“แต่ที่ไหนได้” จิรภัทรพูดต่อ “หลังจากที่อาจารย์ทวดของผมกลับไปบนเขาอีกครั้ง ต้นโสมนี้ก็หายไปเหมือนมันเดินได้เลยล่ะ”

“คุณดูสิ!”

จิรภัทรชี้ไปที่เชือกสีแดงที่ผูกไว้กับต้นโสม “อาจารย์ทวดของผมชื่อธนวิทย์ บนเชือกสีแดงนี้ยังมีรอยประทับของท่านด้วยนะ”

รพีพงษ์มองไปที่เชือกสีแดงนั้น และเขาก็เห็นคำว่า “วิทย์” อยู่ในเชือกสีแดงนั้นจริงๆ

“อาจารย์ของผมเคยบอกว่าอาจารย์ทวดถึงกับนอนไม่หลับไปสามวันสามคืนเลย เพราะโสมต้นนี้เป็นเหมือนราชาแห่งราชาของโสม! นอกจากนี้อายุของมันก็มากกว่าหกพันปีแล้วนะ!” จิรภัทรพูด

“หก……หกพันปี!”

รพีพงษ์ถึงกับอ้าปากค้าง เขาคิดในใจว่าเงินที่ให้กับหญิงชราคนนั้นยังถือว่าน้อยไปจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอคืนโสมนี้ให้คุณดีกว่า” รพีพงษ์พูด

“ไม่!”

จิรภัทรวางโสมลงในกล่องอย่างระมัดระวังแล้วพูดต่อ “มันมีชีวิตและเลือกคนเหมือนกันนะ มันจะอยู่กับคนที่ถูกชะตากับมันเท่านั้น และคุณก็เป็นคนที่ถูกกำหนดชะตาไว้แล้ว ดังนั้นมันก็ต้องอยู่กับคุณ อีกอย่างคุณยังต้องใช้มันเพื่อทำยายาเม็ดวิญญาณชี่ด้วยนะ”

“ครับ งั้นผมขอเก็บมันไว้เองนะ” รพีพงษ์ไม่ได้คิดปฏิเสธอีก

เพราะยาเม็ดวิญญาณชี่สามารถทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น และเขาก็เข้าใกล้ทวีปโอชวินมากขึ้นทุกที

รพีพงษ์คิดว่าสำหรับเรื่องปรุงสูตรยาแล้ว ในสำนักเทพยาเซียนน่าจะไม่มีใครเทียบเขาได้อีก ดังนั้นโสมที่หายากนี้ถ้าอยู่กับเขาแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุด

หลังจากอำลากับจิรภัทร รพีพงษ์ก็กลับไปที่โต๊ะทำงานของเขา

เมื่อนึงถึงทวีปโอชวิน เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ตั้งแต่ที่เจอนีย์ในห้องประชุมวันนั้น และชายสวมหน้ากากที่ปรากฏตัวภายหลัง รพีพงษ์ก็มั่นใจได้ว่าทั้งสองคนนี้ต้องเป็นคนที่ทวีปโอชวินส่งมาอย่างแน่นอน

อีกอย่าง ในระหว่างนีย์กับโจซี่นั้น พวกเขาต้องมีความเกี่ยวโยงอะไรบางอย่างแน่

ในโลกนี้ นอกจากธีรพัฒน์แล้ว รพีพงษ์คิดว่าไม่มีใครอีกที่จะสามารถจัดการกับเขาด้วยฝ่ามือเดียว

“ยาเม็ดวิญญาณชี่ เราต้องรีบทำยาให้ได้โดยเร็วที่สุด”

จากนั้นรพีพงษ์ก็หยิบโสมออกมาจากกล่องและหยิบวัสดุยาอื่นๆ ออกมาตามสูตร

ซึ่งวัสดุของยาเม็ดวิญญาณชี่นั้นจะหายากมากในตลาดทั่วไป แต่เมื่ออยู่ในสำนักเทพยาเซียน ดินแดนที่เต็มไปด้วยพลังทิพย์นั้น นอกจากโสมต้นนี้ที่เขามี ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนหาได้ไม่ยาก

จนกระทั่งเวลาสามทุ่ม รพีพงษ์ก็ได้เริ่มผสมยาเม็ดวิญญาณชี่ครั้งแรก

ด้วยประสบการณ์ก่อนหน้านี้ในการผสมยาเม็ดเฉียนสิง รพีพงษ์ก็มีประสบการณ์มากพอในการผสมยาที่สมบูรณ์แบบ

แต่มันจะแตกต่างจากการทำยาเม็ดเฉียนสิงในครั้งก่อน เพราะครั้งก่อนคือการแข่งขัน และครั้งนี้เขาจะต้องทำให้ยามีคุณภาพที่ดีกว่าถึงจะชนะได้

ซึ่งครั้งนี้รพีพงษ์ให้ความสนใจกับปริมาณมาก ถึงแม้จะไม่มีชี่ยา แต่เขาแค่ต้องการผลิตยาเม็ดวิญญาณชี่ให้ได้มากที่สุดโดยใช้เวลาในการทำน้อยที่สุด

รพีพงษ์เสร็จสิ้นขั้นตอนที่หนึ่งโดยใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

จากนั้นเขาเก็บชิ้นส่วนจากโสมออกมาเล็กน้อย

ในตัวโสมหกพันปีนั้นแน่นอนว่าต้องเพอร์เฟคทุกชิ้นส่วนอยู่แล้ว ดังนั้นแค่นำออกมาเพียงแค่ชิ้นส่วนเล็กๆ ก็น่าจะเพียงพอ

โสมต้นนี้อาจจะทำยาเม็ดวิญญาณชี่ได้เป็นร้อย ๆ เม็ดเลยก็ได้!

จากนั้นควันสีขาวก็โพลนขึ้น จิตวิญญาณเทพแผ่ไปยังเม็ดยาในมือของเขา รพีพงษ์สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของยาเม็ดวิญญาณชี่หลังจากใส่โสมเข้าไป

เมื่อกลิ่นหอมของยาฟุ้งกระจายออกมา ยาเม็ดวิญญาณชี่เม็ดแรกก็เสร็จสมบูรณ์

สมบูรณ์แบบแล้ว

รพีพงษ์ประเมินตามสีของยา

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะสำหรับเขาแล้ว ต่อให้ไม่มีชี่ยา อย่างน้อยยาตัวนี้ก็ควรต้องเป็นยาระดับต้นๆ ของผลงานถึงจะถูก เพราะสิ่งสำคัญคือเขาได้ใช้ส่วนผสมของโสมหกพันปีเลยทีเดียว!

หรือว่าเราเร่งความเร็วเกินไป?

รพีพงษ์คิดในใจ เพราะขั้นตอนการผสมในครั้งนี้มันเร็วกว่าตอนที่เขาผสมยาเม็ดเฉียนสิงมาก

“จริงด้วย เรายังมียาผงหลิงซี!”

รพีพงษ์พูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนหน้านี้เขาได้นำผงหลิงซีกลับมาจากป่าหมอกเป็นจำนวนมาก

และจิรภัทรก็เคยพูดกับเขาว่า ผงหลิงซีเป็นส่วนผสมทางยาที่ดีที่สุดสำหรับการหลอมรวมของเม็ดยาที่มีคุณภาพที่สุด

“บางที ถ้าใส่กับยาเม็ดวิญญาณชี่มันอาจจะเกิดผลอะไรบางอย่างก็ได้นะ”

รพีพงษ์คิดในใจและรีบเริ่มทำใหม่อีกครั้ง

ซึ่งครั้งนี้ ความเร็วของเขาก็เร็วกว่าครั้งก่อนๆ มาก

เพียงแค่สามครั้งในการผสมยาชั้นเลิศ แต่ความแม่นยำ ความละเอียดถี่ถ้วนและความเชี่ยวชาญของรพีพงษ์ก็ดูเหมือนกลายเป็นผู้ชำนาญไปแล้ว

หลังจากยาผงหลิงซีถูกผสมเข้าไป รพีพงษ์ก็รู้สึกได้ทันทีว่ายาในมือของเขาได้ยกระดับขึ้นไปอีกขั้นแล้ว

เม็ดยาก่อนหน้านี้จะเป็นสีเหลืองเข้ม แต่ในตอนนี้ยาในมือของเขาได้กลายเป็นสีทองแล้ว

“นี่มัน……น่าทึ่งจริงๆ”

รพีพงษ์รู้สึกน่าทึ่งมาก

และอีกสองชั่วโมงผ่านไป เม็ดยาชั้นเลิศที่มีชี่ยาก็อยู่ในมือของรพีพงษ์

ซึ่งรพีพงษ์รู้สึกมั่นใจมากสำหรับความสำเร็จในครั้งนี้

ด้วยการผสมผสานยาหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา จิตวิญญาณเทพของเขาก็รู้สึกชัดเจนมากขึ้น และตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย

ในห้องของเขาก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของไม้จันทน์และกลิ่นยาหอมอบอวล การเคลื่อนไหวของรพีพงษ์ก็รวดเร็วและไม่มีการเลินเล่อใดๆ

……

“ไอจิรภัทร รพีพงษ์อยู่ในห้องสามวันแล้วนะ คุณไม่คิดจะไปดูเขาบ้างเลยเหรอ?”

ปยุตพูดกับจิรภัทรในศาลาเล็กๆ แห่งหนึ่งของสำนักเทพยาเซียน

“เขาสั่งแล้วว่าห้ามพวกเราทุกคนไปรบกวนเขา แค่วางอาหารไว้ที่หน้าประตูก็พอ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ” จิรภัทรพูดอย่างไม่สบอารมณ์

ปยุตขมวดคิ้ว “จะบอกคุณไว้นะไอจิรภัทร ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับรพีพงษ์ที่นี่ ผม……ผมไม่ปล่อยคุณไว้แน่!”

“อ้าว นี่คุณคิดว่าผมอยากให้เกิดอะไรขึ้นกับรพีพงษ์เหรอ ถึงกล้ากล่าวหาผมแบบนี้!”

จากนั้นจิรภัทรก็เหวี่ยงฝ่ามือไปที่ปยุต

แต่ไม่คิดว่าปยุตจะหลบไปได้อย่างง่ายดาย

รอยยิ้มที่น่าสงสัยปรากฏขึ้นนัยน์ตาของจิรภัทร “ไอ้หมอนี่ ดูเหมือนว่าจะแอบซุ่มซ้อมเหมือนกันนี่นา ถึงได้พัฒนาขนาดนี้!”

“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่ถูกไอจิรภัทรอย่างคุณรังแกแย่เลยเหรอ?”

ปยุตยิ้มพูด

“พอที คุณก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ แต่ว่าไปไหวพริบของคุณเมื่อกี้นี้ผมไม่เคยเห็นจริงๆ นะ” จิรภัทรพูด

ปยุตได้แต่ยิ้มและไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ

หลังจากที่ฝึกคาถาคำสิบมาระยะหนึ่ง เขารู้สึกว่าตอนนี้เริ่มเห็นผลแล้ว

“ไปกันเถอะ ไอจิรภัทร วันนี้ผมต้องเข้าไปดูรพีพงษ์ให้ได้ เพราะถ้าเขาเกิดอะไรขึ้นที่นี่จริงๆ คุณกับผมไม่มีปัญญารับผิดชอบแน่” ปยุตพูด

จิรภัทรขมวดคิ้ว ถ้าหากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับคนอย่างรพีพงษ์ที่นี่ เกรงว่าทั้งสำนักเทพยาเซียนจะถูกรื้อทิ้งโดยที่ไม่เหลือซากอย่างแน่นอน

จากนั้นทั้งสองก็มาถึงหน้าประตูห้องของรพีพงษ์ และทั้งสองก็เห็นประตูห้องของรพีพงษ์ยังคงปิดอยู่อย่างมิดชิด

“รพีพงษ์ ผมเอง ผมมีเรื่องอยากถามคุณหน่อยครับ ช่วยเปิดประตูให้ที”

ปยุตเคาะประตูและพูดเบาๆ

แต่ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีเสียงตอบรับใดๆ

ปยุตกับจิรภัทรต่างก็มองหน้ากัน

“ไอจิรภัทร มันจะเงียบเกินไปแล้ว หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับรพีพงษ์จริงๆ”

ปยุตพูดอย่างประหม่า

“ไม่รู้เหมือนกันสิ ตามความเป็นจริงแล้ว ฝีมืออย่างรพีพงษ์คงไม่ถูกฤทธิ์ยาแว้งกัดหรอกนะ” ” จิรภัทรก็เริ่มลังเล

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมขอเป็นคนผิดก็แล้วกัน”

จากนั้นปยุตก็ถีบประตูออก และทั้งสองก็รีบเดินเข้าไป

และเมื่อเข้าไปในห้องแล้ว กลิ่นยาที่หอมอบอวลไปทั้งห้องก็ทำให้ทั้งสองต้องตกตะลึงทันที!

ซึ่งบนโต๊ะชาและโต๊ะทำงานในห้องจะมีกล่องเล็กๆ วางอยู่อย่างเป็นระเบียบ และด้านในกล่องทุกกล่องนั้นจะมียาวางอยู่หนึ่งเม็ด ซึ่งทั้งหมดจะเป็นยาเม็ดวิญญาณชี่ที่มีชี่ยา

เมื่อหันมองไปบนเตียง ทั้งสองก็เห็นรพีพงษ์ที่หลับอยู่อย่างสนิท หลังจากที่เขาอดหลับอดนอนมาติดต่อกันสามวันสามคืน ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวและเผลอหลับไป

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท