พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1256 ผมคุ้มครอง

บทที่ 1256 ผมคุ้มครอง

จิรภัทรกับลูกศิษย์ทั้งหมดเตรียมจะไล่ตาม

“ไม่ต้องไล่ตามแล้ว!”

รพีพงษ์หยุดทุกคนไว้ แล้วจ้องมองฝนที่ตกอยู่ข้างนอก

“คนเมื่อสักครู่ มีพลังที่แข็งแกร่งมาก ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”

“อะไรน่ะ?”

จิรภัทรรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก รพีพงษ์ผู้ซึ่งอยู่ในระดับแดนเทพครึ่งก้าวแล้ว กลับกล่าวว่าชายผู้นี้แข็งแกร่งกว่าตนเอง

แต่เรื่องเมื่อสักครู่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแค่ว่าฐปนีย์ได้รับการช่วยเหลือไปแล้ว

“กลับกันเถอะ อาการบาดเจ็บของฐปนีย์ กว่าจะหายก็ต้องใช้เวลาครึ่งเดือน พวกเขาจะไม่มาทำร้ายพวกเราเป็นการชั่วคราว ผมจะต้องคิดให้ออกว่าฐปนีย์เป็นใครกันแน่”

รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

ฐปนีย์ที่อายุน้อยก็ฝึกมาถึงระดับแดนดั่งเทพชั้นยอดแล้ว และบุคคลที่มาช่วยเธอในวันนี้ เป็นคนที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก

“เอาล่ะ รพีพงษ์ คุณกลับมาจากป่าหมอกก็เจอเรื่องมากมายเช่นนี้ คุณกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องก่อนเถอะ ผมจะอยู่รักษาการณ์ด้วยตนเอง และจัดให้ลูกศิษย์ลาดตระเวนตลอดทั้งคืน หากพบสถานการณ์ผิดปกติ ผมจะส่งสัญญาณให้ทุกคนทราบทันที” จิรภัทรกล่าว

“อืม ผมก็ต้องรีบกลับไปเช่นกัน”

ปยุตกล่าว แล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว

จิรภัทรและรพีพงษ์รู้ดีว่า ปยุตเป็นห่วงว่า ถ้าฐปนีย์และชายสวมหน้ากากเข้าไปในถ้ำ แล้วพวกเขาพบสมบัติในถ้ำ มันก็จะแย่

ขณะนี้ คนที่อึดอัดที่สุดก็คือจั๋วเยว่

เขานั่งอยู่ที่ประตูและกล่าวอย่างโศกเศร้าว่า “พวกคุณอย่าเพิ่งไป จะไปก็พาผมไปด้วย!”

รพีพงษ์ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาจั๋วเยว่ ด้วยนัยน์ตาที่เย็นชา

“รพี…….รพีพงษ์ ผมผิดไปแล้ว คุณปล่อยผมไปเถอะ ผมจะลงเขาทันที” จั๋วเยว่กล่าว

“ผมให้คุณยืนขึ้นได้แล้วเหรอ?”

รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น

จั๋วเยว่เข่าอ่อน แล้วก็คุกเข่าลงอีกครั้ง

รพีพงษ์เดินมาอยู่ข้างหน้าของอีกฝ่าย และถามเสียงดังว่า “พูดสิ คราวนี้คุณมาสำนักเทพยาเซียนด้วยจุดประสงค์อะไร แล้วคุณไปเจอผู้หญิงที่ชื่อฐปนีย์ได้อย่างไร!”

จั๋วเยว่รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และเขาก็รีบกล่าวว่า “อาจารย์ของผมเป็นคนวางแผนให้ผมมาสำนักเทพยาเซียนในครั้งนี้”

“อาจารย์ของคุณคือใคร!” รพีพงษ์ถาม

“ผู้อาวุโสใหญ่ของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ชื่อชนุตร์” จั่วเยว่ตอบ

“ชนุตร์?”

ทุกคนสูดหายใจเข้าลึก ๆ จิรภัทรขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ปกติชนุตร์ไม่ค่อยรับลูกศิษย์ ดูเหมือนว่าเขาจะมีความเชื่อมั่นในตัวคุณน่ะ”

“ที่อาจารย์ให้ผมมาที่สำนักเทพยาเซียนในครั้งนี้ หนึ่งคือดูลาดเลาของพวกคุณ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทดลองกลั่นยาในอนาคต สำหรับประเด็นที่สอง…..คือ……..”

ขณะกำลังพูด เขาเหลือบมองจิรภัทรเหมือนไม่กล้าพูดออกมา

“ประเด็นที่สอง คือช่วยเขาหาของใช่ไหม”

จิรภัทรกล่าวด้วยเสียงที่เคร่งขรึม และหลังจากเห็นจั๋วเยว่พยักหน้า เขาก็ถอนหายใจ “นี่ก็ผ่านไปนานหลายปีแล้ว เขายังคงดื้อรั้นมาก”

รพีพงษ์มองจิรภัทรที่กำลังคิดถึงอดีต แล้วถามว่า “แล้วฐปนีย์ล่ะ พวกคุณรู้จักกันได้อย่างไร ถ้าไม่มีเธอพาคุณเข้ามา ผมคิดว่าคราวนี้คุณไม่สามารถเข้าแม้แต่ประตูของสำนักเทพยาเซียนได้!”

“คุณพูดถูก แต่คุณอย่ามาโทษผม ผมไม่ได้เป็นฝ่ายไปหาเธอ แต่เธอเป็นฝ่ายมาหาผมเองต่างหาก มิฉะนั้น คราวนี้ผมก็คงไม่มาที่สำนักเทพยาเซียนแล้ว”

จั๋วเยว่รีบกล่าว

“เธอเป็นฝ่ายมาหาคุณเอง? ทำไมเธอต้องมาหาคุณด้วย? คุณคิดว่าตนเองหล่อนักหรือ? ” รพีพงษ์กล่าวอย่างเย้ยหยัน

“มันเป็นเรื่องจริง” ใบหน้าของจั๋วเยว่เต็มไปด้วยความขมขื่น “ไม่กี่วันก่อน ฐปนีย์มาที่สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเราเพียงลำพัง เธอบอกข่าวหนึ่ง ก็เลยทำให้ผมต้องขึ้นมาบนภูเขาในครั้งนี้”

“ข่าวอะไร!”

จิรภัทรถาม

จั๋วเยว่เหล่มองไปที่รพีพงษ์ และพูดอย่างประหม่า “เธอ…..เธอบอกว่าคุณฆ่าศิษย์อาพรต”

“ศิษย์อาพรต? คุณหมายถึง พรตใช่ไหม? ” รพีพงษ์ถาม

จั๋วเยว่พยักหน้า “ใช่ ตอนนั้นเธอพูดเช่นนี้ และเธอยังบอกอีกด้วยว่า เธอจะคุ้มครองความปลอดภัยของผมตลอดทางที่มาสำนักเทพยาเซียน แค่ให้ผมรับปากกับเธอว่า จะให้เธออยู่ในสำนักเทพยาเซียนเป็นเวลาสามวัน”

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกัน?

ตอนที่ตนเองฆ่าพรตนั้น ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ยกเว้นฝนสุดา

“แล้วตอนนี้ คุณคิดว่าเธอยังจะสามารถปกป้องคุณให้ปลอดภัยได้อีกหรือ?” รพีพงษ์ถามอย่างเย็นชา

จั๋วเยว่ส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง และคิดในใจว่า ถ้าคุณไม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน เรื่องก็จะสำเร็จไปแล้ว

“รพีพงษ์ ปล่อยผมไปเถอะ ผมรับรองว่า ต่อไปสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเราจะไม่สร้างปัญหาอีก และก็จะไม่มาหาเรื่องที่นี่อีก”

จั๋วเยว่พูดขอร้อง เขารู้ว่าท่ามกลางผู้คนมากมาย มีเพียงรพีพงษ์เท่านั้นที่จะปล่อยเขาไป เขาถึงจะไปได้จริง ๆ

“อยากไป?”

มุมปากของรพีพงษ์ยกขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้น เขาก็เตะไปที่เข่าของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำ

“โอ๊ย!”

เสียงร้องเจ็บปวด กระดูกขาซ้ายของจั๋วเยว่แตกหักทันที

“คุณไปได้แล้ว เกือบลืมบอกคุณว่ามีหมาป่าอยู่บนภูเขา คุณจะรอดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของคุณ”

รพีพงษ์กล่าว

“ครับ! ครับ!”

จั๋วเยว่ทนความเจ็บปวด แล้วเดินกะเผลก ๆไปที่ประตู

“กลับไปบอกอาจารย์และคนอื่น ๆ ในสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุว่า สำนักเทพยาเซียนแห่งนี้ ผมรพีพงษ์คุ้มครอง! ไสหัวออกไป!”

จั๋วเยว่ละทิ้งความโกรธเคือง เปิดประตู และเดินออกไป

ห้องโถงกลับมาสงบอีกครั้ง

“รพีพงษ์ ลำบากคุณแล้ว” จิรภัทรกล่าว

“ไม่เป็นไร” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ หยิบยาเม็ดเฉียนสิงออกมาจากเสื้อ

“ขอมอบยาเม็ดนี้ให้พวกคุณ” รพีพงษ์กล่าว

“แบบ……แบบนี้มันไม่ดีมั้ง” จิรภัทรปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

ยาชั้นเลิศที่มีชี่ยา ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้

“รับไว้เถอะ เจ้าจิรภัทร ต่อจากนี้ผมจะอยู่รบกวนพวกคุณที่สำนักเทพยาเซียนอีกระยะหนึ่ง ยาเม็ดนี้ถือเป็นค่าตอบแทนของผม” รพีพงษ์ยิ้ม

จิรภัทรไม่ปฏิเสธอีกต่อไป และรับเม็ดยาไว้ในมือ

เขาบอกว่าอยู่รบกวนตนเอง อันที่จริง จิรภัทรรู้ดีว่า ถ้ารพีพงษ์อยู่ที่นี่หนึ่งวัน สำนักเทพยาเซียนก็จะผาสุกไปอีกวัน

“พี่รพีพงษ์!”

ขณะนี้ชุติเดชได้เดินเข้ามา และเหล่าลูกศิษย์ก็ล้อมรพีพงษ์ไว้ตรงกลาง

“รพีพงษ์ คุณคือไอดอลของผมจริง ๆ ขนาดป่าหมอกคุณยังไปมาแล้ว”

“ใช่ พี่รพีพงษ์ ที่นั่นมีสัตว์เซียนจริง ๆใช่ไหม สัตว์เซียนมีลักษณะอย่างไร? คุณช่วยเล่าให้พวกเราฟังได้ไหม?”

“ผมได้ยินมาว่ายังดอกไม้กินคนที่สูงกว่าคน เป็นเรื่องจริงไหม?”

……

ฝูงชนกล่าว แล้วมองไปที่รพีพงษ์ด้วยสายตาที่เลื่อมใสศรัทธา

“พวกคุณแต่ละคน ยังมีแรงกระปรี้กระเปร่า พวกคุณไม่เหนื่อย เลยไม่ยอมให้รพีพงษ์กลับไปพักผ่อนหรือ?”

จิรภัทรเดินไปช่วยรพีพงษ์ในเวลานี้

“เอาละทุกคน ถ้าอยากจะฟังเรื่องนี้ พรุ่งนี้ตอนบ่ายผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟัง แต่ตอนนี้ ผมต้องการให้ทุกคนทำสิ่งหนึ่ง” รพีพงษ์กล่าว

“เรื่องอะไรครับ?” ชุติเดชถาม

“อย่าลืมนะ คนสองคนนั้นเพิ่งหนีออกไปจากที่นี่ ตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกเขาออกจากสำนักเทพยาเซียนแล้วหรือยัง ผมต้องการให้พวกคุณแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มล่ะสามคนแล้วไปลาดตระเวน จำไว้นะ เมื่อพวกคุณพบเป้าหมาย อย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม ให้รีบกลับมารายงานผม” รพีพงษ์กล่าว

“เข้าใจแล้วครับ พี่รพีพงษ์ พวกเราจะไปตอนนี้เลย”

ชุติเดชตอบก่อน แล้วจากไปพร้อมกับลูกศิษย์อีกหลายคน

รพีพงษ์ เพิ่งปลดปล่อยจิตวิญญาณเทพของตนเอง แต่โชคดีที่ภายในรัศมีสิบกิโล เขาไม่รู้สึกถึงพลังของคนสองคนในขณะนี้

แต่เพื่อความปลอดภัย ควรส่งคนไปลาดตระเวน

“เจ้าจิรภัทร ผมกลับไปพักผ่อนก่อน” รพีพงษ์กล่าว

“เอาล่ะ ไปกันเถอะ” จิรภัทรกล่าว หลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันทั้งคืน และร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็เหนื่อยล้ามากเช่นกัน

เมื่อเดินออกจากห้องโถง และเดินไปตามทางเดินอีกสักพัก รพีพงษ์ก็มาถึงประตูห้องของตนเอง

เมื่อผลักประตูเข้าไป ก็มีเสียงกรีดร้องออกมาจากข้างใน

รพีพงษ์เบิกตากว้าง แล้วจ้องมองมากกว่าสามวินาที

“คุณ……คุณทำไมมาอาบน้ำในห้องผม?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท