พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1259 ที่เดียวเท่านั้น

บทที่ 1259 ที่เดียวเท่านั้น

แรดโบราณพารพีพงษ์ไปที่ใจกลางป่าหมอกด้วยความเร็วตลอดทาง

รพีพงษ์รู้สึกทึ่งกับดอกไม้ พืช และต้นไม้ที่สูงตระหง่านทั้งสองข้าง

“พวกเรากำลังจะไปไหน? เราควรทำอย่างไร ถ้าเจอสัตว์เซียนอยู่ระหว่างทาง?” รพีพงษ์ถามด้วยความกังวล

ตามความเข้าใจของรพีพงษ์ ยิ่งเข้าไปในป่าหมอกลึกเท่าไร ยิ่งมีพลังทิพย์มากเท่านั้น และสัตว์เซียนที่พบก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

ถ้าพบสัตว์เซียนที่มีความแข็งแกร่งชั้นสูง ถึงแม้ว่าตนเองจะบวกกับแรดโบราณ ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย

“อย่ากังวลไปเลย ระหว่างทางพวกเราจะไม่พบสัตว์เซียนอีกต่อไปแล้ว” แรดโบราณกล่าวขณะหายใจหอบ

“อ้อ?”

ดูเหมือนว่าการคาดเดาของตนเองจะผิด แต่นั่นก็ดี อย่างน้อยเขาก็จะไม่ถูกสัตว์เซียนอื่นโจมตี

หลังจากขี่อยู่บนหลังแรดโบราณไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ความเร็วของแรดโบราณก็ค่อยๆ ช้าลง

รพีพงษ์ได้กลิ่นอากาศที่อยู่ตรงนั้น แล้วพลังทิพย์ก็พุ่งตรงเข้ามาที่จมูกของเขา

หนึ่งคน หนึ่งสัตว์ป่า และในที่สุดพวกเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าหินก้อนใหญ่

“ที่นี่คือ……”

รพีพงษ์กระโดดลงมาจากหลังของแรดโบราณ และเดินมาถึงหน้ากำแพงหิน

เขาเงยหน้าขึ้น ราวกับว่ายอดก้อนหินลอยขึ้นไปในก้อนเมฆ ทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นยอดหินเลย

“คุณรอสักครู่”

แรดโบราณก้าวถอยหลังไปหลายสิบก้าวและตะโกน “รพีพงษ์ คุณถอยออกไปก่อน!”

เมื่อรพีพงษ์ได้ยิน ก็รีบถอยออกห่างจากก้อนหินทันที

ขณะนี้ แรดโบราณรวบรวมพลังทั้งหมดของตนเอง ถอยหลังตั้งหลักแล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างดุเดือด ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับกำแพง แล้วกระแทกเข้ากับก้อนหินทันที

แรงกระแทกนั้นรุนแรงมาก รพีพงษ์คิดเองว่า ถ้าความแรงนี้ปะทะกับร่างกายของตนเอง ถ้าไม่ตายก็คงพิการ

เสียงดังสนั่น แรดโบราณกระแทกก้อนหินอย่างรุนแรง ทำให้เกิดฝุ่นบินตลบไปทั่ว!

แต่ว่า ก้อนหินใหญ่ไม่มีความเสียหายใด ๆ ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าก้อนหินนั้นมีต้นกำเนิดที่ไม่ธรรมดา และมีความแข็งที่หาตัวจับยาก

ขณะที่รพีพงษ์กำลังสงสัย ทันใดนั้น พื้นด้านหลังก้อนหินก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นรอยแตกก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

รพีพงษ์มองทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดว่าหลังจากที่แรดโบราณกระแทกก้อนหินขนาดใหญ่อย่างรุนแรง หินก้อนใหญ่นั้นไม่เป็นอะไร แต่พื้นข้างหลังก้อนหินใหญ่ดูเหมือนจะเปิดออก

“นี่ก็คือเหตุผลที่สัตว์เซียนอย่างพวกเรารออยู่ที่นี่มาหลายร้อยปี!”

แรดโบราณกล่าว

รพีพงษ์เดินไปข้างหน้าสองก้าวอย่างระมัดระวัง ในเวลานี้ พื้นดินได้เปิดออกอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่าประตูแห่งนรกถูกเปิดออก

รพีพงษ์มองเข้าไปข้างใน ทันใดนั้น ก๊าซสีฟ้าอ่อนก็พ่นออกมาทันที!

“นี่คือ พลังทิพย์!”

รพีพงษ์กล่าวเสียงแหบ เขาไม่เคยคิดว่า จะมีพลังทิพย์มากมายเช่นนี้

พลังทิพย์เปล่งประกายมากจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าโดยตรง

ในโลกใบนี้ ยงมีสิ่งมหัศจรรย์ที่ซ่อนอยู่อีกเท่าไร?

รพีพงษ์หยุดอยู่ตรงนี้ ภายใต้รอยแตกขนาดใหญ่ มีพลังทิพย์ฟ้าอ่อนหมุนขึ้นหมุนลงอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้รพีพงษ์รู้สึกว่าตนเองเล็กมาก เมื่ออยู่หน้าต่อหน้าพลังทิพย์มหาศาลนี้

ประมาณห้านาทีต่อมา พื้นดินที่แยกจากเดิมก็ถูกปิดอีกครั้ง พลังทิพย์ก็ถูกซ่อนอยู่ในพื้นดินอีกครั้ง และทุกสิ่งรอบตัวก็กลับคืนสู่ความสงบ

แรดโบราณเดินไปหารพีพงษ์ “คุณรับรู้ได้ไหม ถึงพลังทิพย์มหาศาลเช่นนี้?”

รพีพงษ์พยักหน้า เขาไม่สามารถสงบสติลงได้เป็นเวลานาน

“รู้ไหมว่าทำไม ยิ่งเข้าไปในป่าลึกมาก แต่กลับไม่มีสัตว์เซียนปรากฏตัวออกมา?”

แรดโบราณเห็นรพีพงษ์ส่ายศีรษะ จึงกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีพลังทิพย์มาก แต่ว่าสัตว์เซียนไม่สามารถฝึกฝนอยู่ที่นี่ได้เลย เพราะถ้าควบคุมไม่ดี ร่างกายจะดูดพลังทิพย์เข้าไปมากจนเกินไป และในที่สุดก็จะระเบิดแล้วตายทันที”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง นี่คือวิถีแห่งสวรรค์ ยับยั้งคนจากกิเลส ทุกอย่างจะต้องสมดุลกัน กุญแจสำคัญคือการควบคุมไว้ให้ดี” รพีพงษ์กล่าว

“คุณสามารถตระหนักถึงสิ่งนี้ ก็สมแล้วที่ได้รับสืบทอดจากเจ้านายเก่าทั้งหมด” แรดโบราณกล่าวขณะที่เดินเข้ามาหารพีพงษ์

“ทำไม ที่นี่ถึงได้มีพลังทิพย์มากมายเช่นนี้?” รพีพงษ์หันหลังไปถาม

แรดโบราณย้อนกลับไปในความทรงจำ โดยกล่าวว่า “เมื่อหลายร้อยปีก่อน โลกของเราเต็มไปด้วยพลังทิพย์ และมีทิวทัศน์ที่สวยงามมาก มีเสียงนกร้องและดอกไม้บาน เหมือนเป็นสวรรค์ของจักรวาลทั้งมวล ที่นี่มีคนธรรมดาอาศัยอยู่อย่างมีความสุข และในเวลาเดียวกัน มันก็เหมาะสำหรับผู้ฝึกเซียนที่ต้องการปรับปรุงพัฒนาตนเอง จนกระทั่งคนของทวีปโอชวินได้ปรากฏตัวขึ้น!”

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว เขารู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว

คนของทวีปโอชวินได้เผา สังหาร และปล้นทรัพยากรของชาวโลก และนำพลังทิพย์ไปเป็นจำนวนมาก

หากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของจอมมารชูร่า ที่ใช้พลังความสามารถของตนเองขับไล่พวกเขากลับไปที่ทวีปโอชวินได้ เกรงว่าพลังทิพย์บนโลกคงจะหายไปหมดแล้ว

แรดโบราณกล่าวต่อไปอีกว่า “เมื่อสองร้อยปีก่อน ยังมีสถานที่อีกห้าแห่งบนโลกที่มีพลังทิพย์มากเหมือนกับป่าหมอก”

“ห้าแห่ง?” รพีพงษ์รู้สึกประหลาดใจ “ห้าแห่งไหน?”

“สถานที่ทั้งห้าแห่งนี้ถูกพบหลังจากความอุตสาหะของเจ้านายเก่า เป็นความลับสุดยอดของโลก ดังนั้นขณะที่เจ้านายเก่ากำลังจะตาย เขาจึงได้จัดให้ผู้ที่มีพลังความแข็งแกร่งคอยปกปักรักษาสถานที่ทั้งห้าแห่งนี้ และต้องอยู่ปกปักรักษาสถานที่นั่นตลอดไป แต่ว่า……” เมื่อพูดถึงตรงนี้ แรดโบราณรู้สึกสลดใจ

“แต่ว่าอะไร?”

แรดโบราณถอนหายใจและกล่าวว่า “สถานที่ห้าแห่งที่พลังทิพย์มาบรรจบกัน ได้แก่ธาตุทอง ธาตุไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดิน ป่าหมอกของเราเป็นธาตุไม้ อีกสี่แห่งอยู่ในสี่มุมของโลก แต่ว่าคนที่รับปากเจ้านายเก่าว่าจะคอยปกปักรักษาสถานที่ทั้งสี่แห่งนั้น ถูกคนของทวีปโอชวินฆ่าตายจนหมด ตอนนี้บนโลกใบนี้ มีป่าหมอกเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลืออยู่”

รพีพงษ์โกรธมากหลังจากได้ยินเรื่องนี้ “ไอ้พวกทรยศละทิ้งซึ่งคุณธรรม แล้วพวกทวีปโอชวินรู้ตำแหน่งสถานที่เหล่านี้ได้อย่างไร?”

แรดโบราณถอนหายใจและกล่าวว่า “หลังจากที่เจ้านายเก่าสั่งเสียทุกอย่างแล้ว เขาก็กลายเป็นกลลวงตาวิญญาณและดำดิ่งลงสู่ก้นทะเลสาบ ในบรรดาคนที่เขาไว้ใจ บางคนรู้สึกว่าเมื่อเจ้านายเก่าตายไป โลกก็กำลังจะหมดสิ้น ฉะนั้นเลยบอกเรื่องพวกนี้กับคนของคนของทวีปโอชวิน ดังนั้นสถานที่ทั้งสี่แห่งจึงถูกคนของทวีปโอชวินปล้นจนไม่เหลืออะไรอีกเลย!”

“พวกคนเลวทรามต่ำช้า!”

รพีพงษ์ด่า และคิดอยู่ในใจ บางครั้ง ผู้คนก็ไม่น่าไว้ใจเท่าสัตว์เซียน

“ตามที่กล่าวมา ความลับของป่าหมอก คนของทวีปโอชวินน่าจะรู้แล้ว?” รพีพงษ์ถามอย่างประหม่า

แรดโบราณส่ายศีรษะ “สถานที่ห้าแห่งได้แก่ ธาตุทองไม้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ และธาตุดิน มีเพียงธาตุไม้ที่อยู่ในประเทศจีน และอีกสี่แห่งอยู่ในประเทศอื่น ๆ ในโลก เพราะเจ้านายเก่าให้ความสำคัญกับธาตุไม้ ดังนั้นตอนที่สั่งเสียพวกเขารู้เพียงแต่ว่าพลังทิพย์ของธาตุไม้อยูในประเทศจีน แต่ไม่รู้ตำแหน่งสถานที่ที่แน่นอน นั่นเป็นสาเหตุที่ป่าหมอกสงบสุขมาหลายร้อยปี”

รพีพงษ์แสดงถึงความเข้าใจ และคิดเองว่า มิน่าคนของทวีปโอชวินที่ตนเองเคยพบ ล้วนอยู่ในประเทศจีน ดูเหมือนว่าพวกเขารู้เพียงว่ามีพลังทิพย์ซ่อนอยู่ในเมืองจีน แต่พวกเขาไม่รู้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน?

“แต่ว่า ไม่ช้าก็เร็วคนของทวีปโอชวินจะค้นพบที่นี่ เพราะว่าที่นี่เต็มไปด้วยพลังทิพย์ แม้แต่สำนักเทพยาเซียนก็ได้รับผลประโยชน์ด้วย เป็นการยากที่จะไม่ปลุกความสนใจของคนที่หมายปอง”

แรดโบราณกล่าวอย่างเคร่งขรึม “แต่นายน้อยไม่ต้องกังวล ผมอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ถ้ามีคนจากทวีปโอชวินเข้ามารุกราน ผมจะต่อสู้เพื่อปกป้องอย่างสุดชีวิต และจะไม่บอกพวกเขาว่าแหล่งกำเนิดพลังทิพย์อยู่ที่ไหน!”

รพีพงษ์มองดูแรดโบราณที่มีผิวหนังแห้งและแก่ ด้วยความรู้สึกประเดประดังเข้ามาพร้อมกันหมด

หลายร้อยปีในการคอยปกปักรักษา โดดเดี่ยวและเดียวดาย และนี่เป็นเพียงการทำตามคำปฏิญาณของตนเองที่มีต่อจอมมารชูร่า

“คุณวางใจเถอะ ถ้าหากทวีปโอชวินเข้ามารุกราน ไม่เพียงแต่คุณเท่านั้น ผมก็จะปกป้องมันด้วยชีวิต เพราะนี่คือสมบัติในโลกของพวกเรา และจะไม่อนุญาตให้คนของทวีปโอชวินนำมันไปได้!”

ร่างกายของรพีพงษ์เปล่งประกายพลังออกมา พร้อมดวงตาที่แน่วแน่

สิ่งที่จอมมารชูร่าสามารถทำได้ในตอนนั้น ผมรพีพงษ์ ก็ต้องทำได้อย่างแน่นอน!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท