พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1275 รอบตัดสินความเป็นความตาย

บทที่ 1275 รอบตัดสินความเป็นความตาย

คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนรู้ดี ว่ารอบที่สามจะเป็นรอบตัดสินแพ้ชนะ

ทั้งสองฝั่งจะส่งคนที่เก่งที่สุดออกมา ตอนนี้ดูเหมือนว่า ทางฝั่งสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุคงจะชนุตร์ออกมาแน่ๆ

แต่ที่นึกไม่ถึงก็คือ สำนักเทพยาเซียนกลับส่งรพีพงษ์ออกมาแข่งขัน

“ต่างรู้กันว่าประมุกรพีมีพลังการต่อสู้ที่สูงส่ง หรือว่าในด้านการกลั่นยา เขาก็มีความสามารถโดดเด่นกว่าคนอื่นด้วยงั้นหรือ?”

“นั่นน่ะสิ ครั้งก่อนก็เอาชนะ5สำนักใหญ่ ผมยังได้มีโอกาสเห็นเหตุการณ์นั้นเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่า วันนี้อยู่ที่สำนักเทพยาเซียน ก็ยังได้เห็นประมุกรพีกลั่นยาด้วย มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ !”

“เขาว่ากันว่าตระกูลลัดดาวัลย์มีมังกรมาเกิด สมกับคำร่ำลือจริงๆ !”

……

แขกทั้งหลายก็ชื่นชม โคบายาชิจุนอิจิก็เหงื่อตกตลอดเวลา

ประเทศจีนยังมีคนที่ฟ้าประทานแบบนี้อยู่อีกหรือนี่?

หลายวันก่อนหน้านี้ ตนเองเพิ่งไปหาเรื่องเขา

โคบายาชิจุนอิจิก็แอบหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วส่งข้อความอะไรบางอย่างออกไป

“ยกเลิกแผนเดิม จะไปหาเรื่องผู้หญิงคนนั้นไม่ได้!”

……

ทางในเมือง โทรศัพท์ในกระเป๋าของชายใส่แว่นที่นั่งกินข้าวกับโคบายาชิจุนอิจิก็สั่นแจ้งเตือนขึ้นมา

เขามองข้อความบนโทรศัพท์ แล้วพูดกับอีกสองคนข้างๆ ว่า “ถอย!”

ในร้านกาแฟที่ห่างจากพวกเขาไปไม่ถึง10เมตร อุเอสึงิ ฮารุก็กำลังดื่มด่ำกับช่วงเวลาดื่มชายามบ่าย โดยไม่รู้เลยว่า เมื่อครู่นี้ เธอนั้นได้ถูกจับจ้องไว้แล้ว……..

กลับมาทางกลางห้องโถงของสำนักเทพยาเซียน รพีพงษ์และชนุตร์ก็เข้าแข่งขันกัน

ในตอนนี้ เวลาก็เดินมาถึงช่วงค่ำแล้ว

ท้องฟ้าในหุบเขา ดวงดาวเจิดจรัส มีดาวเยอะกว่าท้องฟ้าในเมืองใหญ่

คนที่มาห้อมล้อมดู ก็ตื่นเต้นลุ้นไปตามๆ กัน

การแข่งขันสองรอบก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าเกินจากสิ่งที่พวกเขาคาดไว้มากแล้ว แต่ตอนนี้ ละครกำลังจะเล่นซ้ำอีกครั้ง พวกเขาก็ตั้งตารอคอย อยากจะดูสิวะ ประมุกรพี จะมีพลังในการกลั่นยาสูงส่งกว่าคนอื่น เหมือนกับด้านการต่อสู้หรือไม่

“ไม่คิดเลยว่า วันนี้สำนักเทพยาเซียนของพวกคุณจะสามารถสู้มาจนถึงรอบที่สาม แต่ว่า ผมคิดว่าการแข่งขันวันนี้ ควรจะได้รับการตัดสินแลวล่ะ”

ชนุตร์พูดเสียงขรึม

“ใช่ สมควรจะตัดสินแล้ว วันนี้ สมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกคุณ ต้องพ่ายแพ้แน่นอน!” รพีพงษ์มีสายตาเป็นประกาย ฝั่งสำนักเทพยาเซียน ก็มั่นใจในตัวของรพีพงษ์

ชนุตร์ค่อยเงยหน้าขึ้น สายตาที่มองไป เต็มไปด้วยเส้นเลือด

“การแข่งขันรอบสุดท้ายในวันนี้ ไม่เพียงจะเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ ในขณะเดียวกัน ยังเกี่ยวข้องกับบุญคุณความแค้นของคุณและสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุของพวกเรา ผู้สูงอายุพรตอยู่บนสวรรค์ ในที่สุดก็ได้ให้โอกาสพวกเราได้จัดการกับพวกนี้โอ้อวดแบบนี้” ชนุตร์กล่าว

ก่อนหน้านี้รพีพงษ์ได้ดูถูกเขา เขาก็ได้ล้มเลิกความคิดที่จะคบค้าสมาคมกับตระกูลลัดดาวัลย์ไปนานแล้ว

“จะจัดการผมงั้นหรือ? คุณมีความสามารถนั้นหรือเปล่า?”

รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย จากนั้น พลังที่ยิ่งใหญ่ซื่อตรงก็บังเกิดออกมา!

“ผมเก็บตัวกลั่นยาหลายสิบปี ยังจะแพ้ให้กับคนที่เพิ่งเข้ามาศึกษาอย่างคุณงั้นหรือ? ต่อให้คุณมีพรสวรรค์แล้วไงล่ะ ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่า ทักษะการกลั่นยาของคุณจะเก่งกาจเหมือนกับข่าวลือหรือไม่!”

“วางใจเถอะ ผมจะทำให้คุณยอมแพ้ทั้งกายและใจ สูตรยา2แผ่นที่คุณใส่กล่องมา วันนี้ก็ทิ้งไว้ที่นี่แหละ” รพีพงษ์พูดเสียงเย็น โดยไม่เห็นฝั่งตรงข้ามอยู่ในสายตา

ชนุตร์มุมปากชี้ขึ้น หลังจากมองไปรอบๆ ก็พูดนิ่งๆ ว่า “ในเมื่อเป็นรอบตัดสินความเป็นความตายในรอบสุดท้าย งั้นพวกเราก็สู้กันแบบไม่เหมือนใคร คุณว่าดีไหม?”

“ตามใจ”

“ได้” ชนุตร์ชี้ไปทางด้านนอก “ผมเห็นว่าด้านนอกห้องโถงมีแท่นหิน2แท่นสูงเทียมฟ้า งั้นพวกเราก็ไปนั่งคนละแท่น แล้วแยกกันกลั่นยา คุณว่าดีไหม?”

ทุกคนก็มองไปยังที่ที่เขาชี้ไป เป็นจริงดังว่า ด้านนอกของห้องโถงสำนักเทพยาเซียน มีท่านหิน2แท่นจริงๆ แทมยังสูงหลายสิบเมตร

คนธรรมดาไม่กล้าขึ้นไปแน่ ยิ่งกว่านั้น รอบๆ ก็ยังไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยอะไรเลย ถ้าพลาดไปก็ต้องกระดูกแหลกเหลว

“ผมคิดว่า ในเมื่อประมุกรพีก็มาเรียนวิชากลั่นยาที่สำนักเทพยาเซียนแล้ว ก็คงจะรู้ดีว่าตอนที่นักกลั่นยากำลังหลอมรวมยาอยู่นั้น จะต้องผสานจิตและสมาธิไว้ด้วยกัน ไม่ถูกรบกวนจากสภาพแวดล้อมภายนอก ไม่ทราบว่าคุณจะกล้าลองไหม?” ชนุตร์กล่าว

ที่เขาทำแบบนี้ ก็แค่อยากจะสร้างความมั่นใจว่าชนะ ให้ตนเองเท่านั้น

พลังรพีพงษ์ล้ำลึกยากจะหยั่งถึง แต่จากที่จั๋วเยว่กลับมารายงาน ก็มองออกว่าต้องไม่ธรรมดา แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจมั่นใจว่าจะชนะ

อย่างนั้น ทั้งสองคนนั่งอยู่บนแท่นหินที่สามารถรองรับคนคนเดียวเหมือนกันคนละแท่น อย่างนั้น การแข่งขันไม่เพียงจะดูทักษะการกลั่นยา แถมยังจะต้องแข่งสมาธิของแต่ละคนด้วย!

ชนุตร์ที่คิดว่าตนเองมีพลังฝีมือที่กลั่นยามาหลายสิบปี ด้านสมาธิ ก็ไม่มีใครเทียบได้

หลังจากได้ยินฝั่งตรงข้ามเสนอมาแบบนี้ รพีพงษ์ก็อึ้งขึ้นมาก่อน จากนั้นก็หันไปยิ้มกับปยุตที่ด้านหลัง

ยืนครึ่งฝ่าเท้าอยู่ที่หน้าผา2วัน2คืน สมาธิของรพีพงษ์ไม่มีใครเทียบได้

ฝั่งตรงข้ามเสนอมาแบบนี้ ก็เหมือนกับวิ่งเข้ามาหากระบอกปืน

“ได้ ผมรับปากคุณ”

รพีพงษ์อมยิ้มตอบกลับออกไป

“คุณบอกมาเองนะ พอถึงตอนนั้นอย่าหาว่าผมแกล้งคุณแล้วกัน” ชนุตร์กลบเกลื่อนความดีใจไว้ไม่ได้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ คนที่ชนะก็คงจะเป็นฝั่งตนเองแล้วล่ะ

“ไม่หรอก ขอเพียงคุณแพ้แล้วยอมรับก็พอ แล้วก็ด้านบนมันมีลมแรง คุณไปใส่เสื้อผ้าหนาๆ หน่อยแล้วกัน เผื่อตกลงมาจะได้ไม่ถึงขั้นจบชีวิต” รพีพงษ์แกล้งพูดเล่น

“นี่คุณ!”

ชนุตร์ก็โกรธจนปอดแทบจะระเบิดออกมา ไม่คิดเลยว่ารพีพงษ์จะไม่เห็นอื่นอยู่ในสายตาแบบนี้

แต่ว่า คนมากมายก็ถูกตนเองเชิญมาที่นี่ เพื่อที่จะรักษาหน้าตาของปรมาจารย์หลอมโอสถเอาไว้ ชนุตร์ก็เลยไม่ได้โมโหออกมา

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่ทราบว่าครั้งนี้คุณจะกลั่นยาประเภทใด?” ชนุตร์ถาม

“ยาเม็ดไป่หลิง”

รพีพงษ์พูดเบาๆ มายังสำนักนี้ก็หลายวันแล้ว คิดว่าตัวอารียายังคงถูกพิษร้ายแรงอยู่ ก็เลยอาศัยวันนี้ เพื่อกลั่นยาเม็ดไป่หลิงออกมา แล้วก็เอากลับไปให้อารียาลองใช้ดู บางทีอาจจะได้ผล

ในตอนนี้ชนุตร์ก็ค่อนข้างตกใจ

“ยาเม็ดไป่หลิงสามารถถอนพิษทุกชนิด แต่ว่า ตั้งแต่ที่สูตรยานี้ปรากฏตัวขึ้นบนโลก ก็ไม่เคยมีใครกลั่นออกมาสำเร็จเลย เพียงเพราะในสูตรยามีตัวยาตัวหนึ่งชื่อว่า ยาผงหลิงซี ที่หายากมาก วันนี้คุณจะกลั่นยานี้ หรือว่าคุณหายาผงหลิงซีมาได้แล้วงั้นหรือ?” ชนุตร์ถาม

“อันนี้มันคือเรื่องของผม ไม่เกี่ยวกับคุณ!” รพีพงษ์พูดไปนิ่งๆ

ครั้งก่อนที่แข่งขันกับจั๋วเยว่นั้น รพีพงษ์ก็แอบใส่ยาผงหลิงซีเข้าไปด้วย แต่จั๋วเยว่ไม่รู้

เพราะถึงอย่างไร เรื่องป่าหมอก คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี

“ได้ งั้นผมก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าคุณจะทำยาเม็ดไป่หลิงออกมาได้อย่างไร!” ชนุตร์ยิ้มเย็นถาม

“ในเมื่อผมบอกแล้วว่าจะกลั่นยานี้ แล้วคุณล่ะ?” รพีพงษ์ถามกลับ

“ผมหรือ?”

มุมปากของจั๋วเยว่อมยิ้ม “หลายวันก่อน ผมได้สูตรยาสูตรหนึ่งมาโดยบังเอิญ หวังว่าวันนี้จะกลั่นออกมาได้”

พอเห็นฝั่งตรงข้ามไม่ยอมพูดออกมา รพีพงษ์ก็ไม่ถือสา

ทำตัวเองให้ดีก็พอ นี่คือสิ่งที่รพีพงษ์บอกกับจิลลา และก็บอกตนเองด้วยเหมือนกัน

หลังเตรียมตัวยาครบแล้ว รพีพงษ์ก็กระโดดที่ปลายเท้าเบาๆ แล้วขึ้นไปยังบนแท่นหิน

ทุกคนก็ร้องตกใจ นักธุรกิจที่เคยเห็นรพีพงษ์สู้กับห้าสำนักใหญ่ ก็ยิ่งตื่นตกใจ

เวลาเพียงน้อยนิด พลังของรพีพงษ์ได้สูงส่งกว่าก่อนมากเลย

“ผู้อาวุโสชนุตร์ คุณรีบขึ้นไปสิ อย่าให้พี่รพีพงษ์รอนานเกินไป”

ชุติเดชพูดเสี้ยมอยู่ข้างๆ

ชนุตร์ก็ยิ้มมุมปาก แล้วก็ออกแรงที่เท้าสองข้าง หมุนตัวหลายตลบ แล้วก็ขึ้นไปยังบนแท่นหิน

รพีพงษ์ก็อึ้งเล็กน้อย เพิ่งเห็นว่า ที่แท้ชนุตร์คนนี้ก็มีวิชาการต่อสู้เหมือนกัน อีกอย่างดูจากระดับฝีมือแล้ว น่าจะอยู่ที่ระดับแดนดั่งเทพ

“ไอจิรภัทร ศิษย์น้องของเราคนนี้ ดูเหมือนว่าหลายปีมานี้ก็ไม่ได้ละทิ้งวิชาการต่อสู้เหมือนกันนะ”

ปยุตพูดเบาๆ อยู่ข้าง

“ใช่น่ะสิ พรสวรรค์ของเขามีมากกว่าเราสองคน แต่น่าเสียดาย สำนักเทพยาเซียนมันเล็กเกินไป เอาเขาไว้ไม่ได้”

จิรภัทรพูดไปนิ่งๆ ตั้งแต่ที่ชนุตร์พาคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุมาท้าทายสำนักเทพยาเซียนนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ก็ได้สูญสิ้นไปจนหมดแล้ว

คนในห้องโถงต่างก็พากันออกมาด้านนอก แล้วเงยหน้ามอง

ภายใต้แสงจันทร์ในยามค่ำคืน ทั้งสองแยกกันนั่งคนละแท่นหิน คนด้านล่างต่างก็รอคอย การแข่งขันรอบสุดท้ายในวันนี้ จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท