พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1277 ยาเม็ดระดับเทพเซียน

บทที่ 1277 ยาเม็ดระดับเทพเซียน

ทันใดนั้น ลมก็พัดแรง ภายในก้อนเมฆมืดดำก้อนใหญ่ ก็มีแสงสว่างออกมาตลอดเวลา กำลังรวบพลังไว้ตลอดเวลา

“นี่มัน………”

คนทางด้านล่างก็เงยหน้ามองท้องฟ้า พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง จะเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้นมา

จิรภัทรและปยุตก็อึ้งจนอ้าปากค้าง

“ไอจิรภัทร……นี่มัน…..เป็นเรื่องจริงใช่ไหมเนี่ย” ปยุตพูดอย่างอึ้งๆ

จิรภัทรมีสายตาตกใจกลัว “อาจารย์เคยบอกไว้ว่า ระดับที่มีเหนือกว่ายาชั้นเลิศ ยังมียาอีกระดับหนึ่ง ถ้ายาชนิดนี้ได้บังเกิดขึ้นในโลก ท้องฟ้าก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง จะมีปรากฏการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น หรือว่า นี่มันจะเป็นเรื่องจริง?”

เมฆสีดำมันเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คนด้านล่างล้วนมองออก เมฆทางรพีพงษ์ก็จะหน้ากว่าทางด้านล่างเห็นอยู่มาก

อีกอย่าง ตาเปล่าก็สามารถเห็นได้ชัดว่ามันกำลังกลืนกินเมฆทางฝั่งของชนุตร์

จากนั้น ยาเม็ดไป่หลิงในมือของรพีพงษ์ ก็เกิดชี่ยาที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แทบจะมองไม่เห็นลักษณะทางกายภาพของยาเม็ดแล้ว

เพียงช่วงเวลาหายใจ ทันใดนั้น ชี่ยาที่เข้มข้นก็มลายหายไป ยาเม็ดไป่หลิงเม็ดสีทองก็ปรากฏขึ้นในมือของรพีพงษ์

“ยาเม็ดสีทอง!”

รพีพงษ์เก็บความตื่นเต้นไว้ไม่ได้ ยาเม็ดสีแบบนี้ เขาเคยเห็นตอนที่แข่งขันกับโจซี่

ตอนนี้ เขามั่นใจว่า ที่ตนเองกลั่นออกมานั้น ระดับขั้นถึงระดับเทพเซียน!

แสงสีทองของมนุษย์ทองคำก็ค่อยๆ อ่อนลงไป ราวกับเขาได้ทำตามหน้าที่ตนเองแล้ว และได้หลับใหลไป

ส่วนทางนี้ ยาเม็ดในมือของชนุตร์ก็มีชี่ยาเข้มข้นเหมือนกัน แต่สีหน้าของชนุตร์ดูแย่มาก

พลังจิตของเขาได้ถูกใช้จนหมดเกลี้ยงแล้ว ยาเม็ดระดับนี้ ไม่ใช่เขาในตอนนี้จะสามารถกลั่นมันออกมาสำเร็จได้

เอื้อก!

เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ชนุตร์กระอักเลือดออกมา

ในตอนนี้เอง บนท้องฟ้า ก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา

ในชั้ยเมฆ บังเกิดสิ่งผิดปกติที่ทำให้คนตกใจ

ในตอนนี้ บริเวณรอบนอกของป่าหมอกที่ไม่ไกลจากสำนักเทพยาเซียน มีเงาคนหนึ่งกำลังเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน

พอเห็นไกลๆ ว่ามีเมฆสีดำและเสียงฟ้าร้องดังสนั่น

สายตาของสาวน้อยก็แปลกๆ “ตาแก่นี่ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ”

จากนั้น เธอก็เดินหน้าไปทางป่าหมอกอย่างไม่หยุดหย่อน

……

เสียงฟ้าดังสนั่น ทันใดนั้น สายฟ้าก็ฟาดลงมาบนแท่นหินที่อยู่ในระดับสูง

หลังจากเก็บพลังงานไว้จำนวนมาก พลังของสายฟ้า2สายนี้ก็เลยรุนแรงมาก

“ทัณฑ์สวรรค์”

จิรภัทรพูดออกมา

“ระวังด้วยนะ พี่รพีพงษ์!”

จิลลาตะโกนดังออกมา

ยาเม็ดระดับเทพเซียนปรากฏตัวบนโลก จะต้องได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นการทดสอบ

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ทันใดนั้น พลังรุนแรงดั่งสายฟ้าก็ผ่านลงมาจากท้องฟ้า แล้วฟาดลงใส่ยาเม็ดไป่หลิงตรงหน้า

โอ้ว!

จิลลาที่อยู่ด้านล่างก็เอามือปิดตา เธอไม่กล้ามองภาพนั้น ส่วนคนอื่นๆ ในสำนักเทพยาเซียนก็ตื่นเต้นไม่ต่างกัน

หลังจากสายฟ้าสัมผัสกับยาเม็ดไป่หลิง ก็หายไปในทันที

ส่วนยาเม็ดไป่หลิงที่ถูกสายฟ้าฟาดใส่ไปแล้ว แสงสีทองก็ยิ้งสว่างมากกว่าเดิม!

“ผมทำสำเร็จแล้วงั้นหรือ?”

รพีพงษ์คิดในใจ

ทันใดนั้น ทางฝั่งชนุตร์ก็ร้องด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง

ไม่เหมือนกับรพีพงษ์ สายฟ้าบนหัวของชนุตร์ได้ฟาดลงไปใส่แท่นหิน

พริบตา แสงไฟกระจายทั่ว แท่นหินแหลกละเอียด

ชนุตร์ไม่มีให้ยึดเกาะ แล้วก็กลิ้งตกลงมาจากที่สูง

“ผู้อาวุโสชนุตร์!”

พวกของบุณยผลเห็นดังนั้น ก็รีบเข้าไป

แต่ทว่า มันสายไปแล้ว ชนุตร์ได้กลิ้งตกลงไปอย่างแรงเสียแล้ว

ถึงแม้พลังของเขาจะถึงระดับแดนดั่งเทพ แต่ว่า ตอนนี้พลังจิตของเขาได้ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว ตอนที่กลิ้งตกลงไปนั้น เขาไม่สามารถตอบสนองอะไรได้เลย

“ผู้อาวุโสชนุตร์!”

ลูกศิษย์สองคนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุไปพยุงชนุตร์ขึ้น ชนุตร์หน้าซีด อ่อนแรงไปทั้งตัว

รพีพงษ์ก็กำยาเม็ดไป่หลิงไว้แน่น แล้วยืนอยู่บนแท่นหิน

ทุกคนเงยหน้ามองไป ด้วยสายตาเคารพนับถือ!

สายตาของรพีพงษ์ปลดปลงกับทุกอย่าง เฝ้ามองสรรพชีวิตทั้งหลาย!

เขาได้ยืนอยู่บนจุดสุดยอดของมนุษย์แล้ว ก่อนหน้านี้สองเดือน ธีรพัฒน์เคยบอกไว้ว่า ในโลกใบนี้ยังไม่มีใครสามารถกลั่นยาเม็ดระดับเทพเซียนออกมาได้

แต่ตอนนี้ รพีพงษ์ทำได้แล้ว อีกอย่าง เขาก็ยังใช้สูตรยาของยาชั้นเลิศ แล้วใช้พลังจิตวิญญาณเทพของตนเองและยาผงหลิงซี เพื่อเพิ่มระดับของยาชั้นเลิศ ให้ไปถึงระดับเทพเซียน!

เรื่องบังเกิดขึ้นมาแบบนี้ ทำให้รพีพงษ์เกิดความมั่นใจที่มากพอ

ทวีปโอชวินแล้วไงกัน มีผมรพีพงษ์อยู่ที่นี่ ไม่มีทางให้พวกคุณทำชั่วได้ตามอำเภอใจแน่!

เพียงชั่วเวลาหายใจ รพีพงษ์ก็กระโดดลงมา แล้วก็ค่อยๆ เดินไปทางฝั่งชนุตร์

“ผมชนะแล้ว”

เพียงประโยคง่ายๆ แต่กลับทำให้ฝั่งของสำนักเทพยาเซียนโห่ร้องดีใจ ครึกครื้นกันขึ้นมา

ความอัปยศร้อยกว่าปี เพราะรพีพงษ์วันนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว

จิรภัทรและปยุตก็น้ำตาไหล เพื่อจะให้มีวันนี้ พวกเขารอคอยมานานมากแล้ว!

ชนุตร์ก็ถูกพยุงตัวไปนั่งเก้าอี้ที่มีพนักพิงหลัง พอตกลงมาจากที่สูง เขาก็ได้รับบาดเจ็บภายในอย่างมาก กว่าจะหายดีก็คงต้องใช้เวลา10กว่าปี

เพียงแต่โชคดี เพราะว่าได้กลิ้งตกลงมาก่อน ทำให้เขาได้รอดพ้นจากพลังสะท้อนกลับของยาเม็ดนั้นได้

“พวกเรา….กลับ”

ชนุตร์พูดออกมาอย่างยากลำบาก สำหรับเขาและสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุ วันนี้ถือว่าเป็นวันที่อัปยศที่สุดวันหนึ่ง

และยิ่งสำคัญไปกว่านั้น เดิมทีตนเองก็เป็นคนเชิญทุกคนมาดูเรื่องตลกที่สำนักเทพยาเซียน ดูเหมือนว่าตอนนี้คนที่น่าตลกที่สุด คงจะเป็นตนเองแทนเสียแล้ว!

ผ่านวันนี้ไป เกรงว่าพวกตระกูลใหญ่ๆ ก็คงจะไม่มั่นใจกับพลังฝีมือของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุแล้ว ส่วนการแข่งขันสามรอบนี้ เกรงว่าวันพรุ่งนี้ก็คงจะแพร่ไปทั่วทั้งเมือง

“รอเดี๋ยว”

ปยุตรีบเรียกชนุตร์ไว้ “ในเมื่อคุณแพ้แล้ว ก็ควรจะทำตามในสิ่งที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้นะ?”

ชนุตร์ปากกระตุกๆ “วางใจเถอะ ผมไม่เบี้ยวหรอก กล่องใบนั้น คุณเอาไปเถอะ”

ปยุตยิ้มเบาๆ พวกชุติเดชก็รีบเข้าไปรับเอากล่องจากในมือของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุไว้

“เดิมทีสิ่งนี้ก็เป็นของสำนักเทพยาเซียนอยู่แล้ว เพียงแค่ปีนั้นถูกคุณขโมยไปก็เท่านั้นเอง วันนี้มันก็ได้กลับมาอยู่ที่เดิมของมันแล้ว”

จิรภัทรพูดเสียงต่ำ “ชนุตร์ หวังว่าคุณกลับไปแล้วจะสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำ สำนักเทพยาเซียนของพวกเราไม่เคยแก่งแย่งชิงดีกับใคร ถ้าพวกคุณยังมีใจคิดไม่ซื่ออีกล่ะก็ วันข้างหน้าก็จะมีจุดจบไม่ดี”

ชนุตร์มีสายตานิ่งเฉย แล้วพูดอย่างโมโหว่า “ขอตัวล่ะ!”

พูดจบ คนของสมาคมการเล่นแร่แปรธาตุก็พยุงตัวชนุตร์ เตรียมจะจากไป

ในตอนัน้นเอง รพีพงษ์ก็มาขวางทุกคนไว้

“ทำไมล่ะ คุณก็อยากจะมาซ้ำเติมผมงั้นหรือ?” ชนุตร์กัดริมฝีปากพูด

รพีพงษ์สายตาเย็นยะเยือก พร้อมส่ายหัว

จากนั้น เขาก็พูดเสียงขรึมว่า “ผมขอถามคุณหน่อย สูตรยายาเม็ดระดับเทพเซียนของคุณ ได้มันมาได้อย่างไร?”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท