ภายในม่านหมอกนั้น รพีพงษ์ขมวดคิ้ว พลังของสายฟ้าโดยรอบก็รุนแรง แต่ละครั้งที่ฟาดลงมาเสียงดัง ล้วนทำให้ที่พื้นด้านล่างระเบิดเป็นหลุมใหญ่
เพียงแต่ สายฟ้าพวกนี้มันมีมากเกินไป ในขณะเดียวกันนั้นก็แทรกซ่อนตัวอยู่ในเมฆสีดำ หลบซ่อนอย่างมิดชิดมาก ถ้าไม่ระวัง ก็จะร่างแหละสลายได้
จิรพนธ์ก็ใส่หน้ากากกลับเข้าไป แล้วมองไปข้างหน้าอย่างเยือกเย็น
เขารู้ว่า ในตัวของรพีพงษ์มีหินลั่วหงซ่อนอยู่ ดังนั้น ไอสังหารในร่างกายของเขาก็เลยไม่ได้ปล่อยออกมา
แต่ว่าเขารู้ดี เพียงแค่สายฟ้าและเมฆดำนั้น ก็เพียงพอที่จะจัดการกับรพีพงษ์แล้ว เพียงพอที่จะทำให้เขาตายอยู่ที่นี่
“รพีพงษ์ สำนักเทพยาเซียนจะเป็นที่ฝังศพของมึง!”
จิรพนธ์พูดอย่างอำมหิต ภายใต้หน้ากากนั้น มุมปากของเขายกสูงขึ้น เห็นได้ชัดว่า ความรู้สึกที่ได้แก้แค้น มันทำให้เขาครึกครื้น
พอเห็นว่าสายฟ้าตรงหน้ารวบรวมกันเข้ามาเรื่อยๆ จิรพนธ์เชื่อว่า ด้วยพลังของรพีพงษ์ในตอนนี้ ไม่มีทางหลบหลีกได้แน่
พอหมอกหนาได้สลายตัวไป รพีพงษ์ก็ถูกสายฟ้าฟาดทะลุใส่ตัวจนต้องล้มลงที่พื้น ภาพแบบนี้ คนที่นึกขึ้นมาก็ตื่นเต้นในใจ
แต่ทว่า ในตอนที่แสงสว่างบังเกิดขึ้นในหมอกหนานั้น
จิรพนธ์ก็แปลกใจมาก ตอนที่เขาเตรียมจะเข้าไปดูนั้น ก็เห็นว่าสงสว่างมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“ไอจิรภัทร คุณรีบดูสิ ว่านั่นมันคืออะไร?”
ด้านในห้องโถง ปยุตชี้ไปตรงหน้าแล้วพูดขึ้นมา
จากนั้น ในม่านหมอกหนา แสงสีทองแผ่รัศมีออกมามากขึ้น บังเกิดเป็นเสียงคำรามของมังกร มังกรยักษ์สีทองตัวใหญ่ก็บินลอยขึ้นมา
และบนหลังของมังกรยักษ์นั้น รพีพงษ์ก็กำลังนั่งคร่อมขี่มังกร และถือกระบี่สยบเซียนอยู่ในมือ
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ถึงแม้เสื้อผ้าจะถูกทำลายไปแล้ว แต่พลังในตัวกลับพลุ่งพล่านมากกว่าเมื่อครู่เสียอีก!
“นี่มัน……เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
จิรพนธ์ตกใจพูดขึ้นมา ทำไมไอ้หมอนี่มันมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อครู่นี้อีกนะ?
“ท่าขี่ลม!”
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง มังกรยักษ์ด้านล่างของตนเอง ก็บินร่อนไปในเมฆสีดำ ล่องลอยไปตามลม
กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ก็เป็นแสงสีทองประกายสาดส่องไปรอบทิศ ชั่วพริบตา ก็มายังตรงหน้าจิรพนธ์
มีลมแรงพัดผ่านไป มันแหลมคมดั่งคมมีด พัดผ่านหน้าของจิรพนธ์ไป
จิรพนธ์ส่งเสียงเยือกเย็น แล้วก็รวบรวมพลังทิพย์มาบดบังไว้ตรงหน้าตนเองอีกครั้ง
“มึงทำลายกำแพงพลังของกูไม่ได้หรอก…….”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นว่า กำแพงพลังของตนเองได้เกิดรอยร้าวขึ้น
“มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?” จิรพนธ์ตกใจพูด
รพีพงษ์ก็ยิ้มเย็น ปลายกระบี่ชี้ไป มุ่งทำลายทุกสิ่ง
“วันนี้ กูจะไม่ให้มึงได้มีโอกาสหลบหนีไปได้อีกแล้ว!”
พูดจบ แสงสีทองแพร่ออกไป หน้ากากบนหน้าของจิรพนธ์ก็แตกออก แล้วเผยใบหน้าที่ชวนให้คนขนลุกขึ้นมาอีกครั้ว
จากนั้น ลูกไฟสีฟ้าจากปากมังกรยักษ์ก็ถูกพ่นออกมา ชั่วพริบตา จิรพนธ์ก็ถูกลูกไฟกลืนเข้าไป
“เอื้อก!”
เสียงร้องโหยหวน ในตอนนี้จิรพนธ์ได้ถูกไฟคลอกไปทั้งตัวแล้ว
อากาศบริเวณรอบๆ ที่หนาวเย็นอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ได้อบอุ่นขึ้นมาในทันที ก้อนน้ำแข็งบนต้นไม้ก็ค่อยๆ ละลายลงมา ส่งคืนพลังชีวิตให้บังเกิดขึ้นอีกครั้ง!
รพีพงษ์ก็ไม่ปล่อยให้ฝั่งตรงข้ามได้มีเวลาหายใจ กระตุกปลายเท้า แล้วกระโดดลอยขึ้นจากตัวมังกรยักษ์
กระบี่สยบเซียนที่อยู่ในมือนั้น เดิมทีก็เป็นอาวุธที่ใช้สังหารผีภูติเทวดา ในตอนนี้มันอยู่ในมือของรพีพงษ์ แล้วก็ได้บังเกิดพลังทำลายล้างทุกสิ่งกลับมาอีกครั้ง
ไม่ไว้หน้าใคร กระบี่สยบเซียนก็แทงเข้าไปตำแหน่งหัวใจของฝั่งตรงข้าม
รพีพงษ์กัดฟัน ฝั่งตรงข้ามก็มีสีหน้าอำมหิต
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!เป็นไปได้อย่างไร!”
จิรพนธ์ตะโกนดสียงดัง ร่างกายก็ถูกรพีพงษ์ผลักออกไป ในพริบตาก็กระเด็นไปหลายสิบเมตร!
โครม!
เสียงดังสนั่น จิรพนธ์ล้มลงที่พื้นอย่างแรง เสื้อผ้าหรูหราของก็ถูกไฟเผาจนหมดสภาพ แม้แต่ผิวหนังของเขา ก็ถูกเผาจนมีสีดำ
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้………..”
จิรพนธ์ชักกระตุกอยู่ที่พื้นอย่างไม่หยุด ดวงตาทั้งคู่ก็จ้องมองดวงดาวบนฟ้าอย่างไร้เรี่ยวแรง
ในตอนนี้ หมอกหนาได้สลายไป พลังในร่างกายของจิรพนธ์ก็ไหลออกมาเรื่อยๆ
รพีพงษ์ค่อยๆ เดินมาตรงหน้าเขา แล้วพูดกับเขาด้วยสายตาเย็นชา “วันนี้ ที่นี่จะเป็นสุสานของมึง!”
“เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
จิรพนธ์พูดออกมาเบาๆ ลมหายใจของอ่อนลงเรื่อยๆ
รพีพงษ์พูดเย็นชา “ง่ายมาก เพราะว่ากูกินยาเม็ดวิญญาณชี่เม็ดหนึ่งเข้าไป”
“ยาเม็ดวิญญาณชี่งั้นหรือ? นี่มัน…….มันก็เป็นแค่ยาชั้นเลิศธรรมดาไม่ใช่หรือ” จิรพนธ์ถามด้วยความสงสัย
“ถึงแม้จะเป็นยาชั้นเลิศ แต่ก็มากพอที่จะเพิ่มพลังของกูให้ไปเทียบเท่ากับระดับของมึงได้ แค่นี้ก็พอแล้ว” รพีพงษ์พูดดูถูก
ระดับของตนเองเพิ่มไปขึ้นที่ใกล้กับแดนเทพแดนดั่งเทพชั้นยอดเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น แต่ว่า ได้รับสืบทอดจอมมารชูร่ามาทั้งหมด แถมยังมีจิตวิญญาณแต่กำเนิดอีกด้วย ในมือก็ยังมีกระบี่สยบเซียน ไพ่ไม้ตายของเขามีเยอะมาก
ในขณะเดียวกัน เนื่องจากมีหินลั่วหงอยู่ ไอสังหารที่ทำให้คนกลัวมากที่สุดของจิรพนธ์ ยังไม่มีโอกาสได้ถูกปล่อยออกมา พอนานเข้า เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์
“เป็นแบบนี้นี่เอง”
จิรพนธ์ยิ้มด้วยความเจ็บปวด เขาล้มลงอยู่ที่พื้น แล้วส่ายหัวอยู่ตลอดเวลา “กูขยันฝึกฝนตนเอง แต่ตอนนี้นั้น ดูเหมือนทุกอย่างมันจะสูญเปล่า”
“จริงๆแล้ว ถ้าคนของทวีปโอชวินอยู่ในโลกของตนเองดีๆล่ะก็ ก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน!” รพีพงษ์พูดเสียงเย็นชา
“เหอะ รพีพงษ์ มึงมันไร้เดียงสาไป สถานที่ฮวงจุ้ยดีแบบนี้ ถ้าเอาไว้ให้พวกมึง มันก็น่าเสียดายเปล่า”
จิรพนธ์ยิ้มพูดอย่างน่ากลัว “ไม่เป็นไร มึงได้ถูกพวกเราทวีปโอชวินจับตาไว้แล้ว ต่อให้วันนี้มึงฆ่ากู ก็แค่ได้อยู่บนโลกนี้เพิ่มไม่กี่วันเท่านั้นแหละ”
รพีพงษ์มีสายตาเฉียบคม “งั้นกูก็จะบอกให้ ไม่ใช่ว่าทวีปโอชวินของพวกมึงมาจับตามองกูหรอก แต่เป็นกูนี่แหละ ที่จับตามองพวกมึง!สักวันหนึ่ง กูจะให้ทวีปโอชวินของพวกมึงต้องมาชดใช้กับทุกสิ่งที่ทำลงไป!”
“ฮ่าๆ …….”
จิรพนธ์หัวเราะเสียงแหบ “คนโง่ย่อมไม่หวาดกลัว รพีพงษ์ มึงมันเก่ง แต่ก็ยังเก่งไม่พอที่จะรับมือกับคนทั้งทวีปโอชวินหรอก!”
รพีพงษ์ก็ยิ้มมุมปาก บวกกับพลังอันบริสุทธิ์
“โลกของพวกกูสงยสุขมาโดยตลอด และไม่ได้กลัวสงคราม!กูมีคนทั้งโลกคอยช่วยเหลือ แล้วทำไมต้องกลัวทวีปโอชวินของพวกมึงด้วยล่ะ!”
ตาทั้งสองของจิรพนธ์ไร้สติ ได้แต่จ้องมองรพีพงษ์ ลมหายใจของเขาโรยริน เหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายที่อดกลั้นไว้
“มึงวางใจเถอะ มึงจะตายไปคนแรก แล้วจากนั้นก็ตามด้วยผู้หญิงที่ชื่อ นีย์ กูจะไม่ปล่อยไว้สักคนเดียว” รพีพงษ์พูดอย่างเยือกเย็น
พอจิรพนธ์ได้ยินดังนั้น อารมณ์ก็เดือดดาลขึ้นมา “มึงอย่าฝันไปเลย ถ้ามึงกล้าทำอะไรองค์หญิงน้อยล่ะก็ กูจะ……..”
“มึงจะทำอะไรล่ะ? มึงในตอนนี้ ยังจะมีแรงมาต่อต้านกูอีกงั้นหรือ?”
พูดจบ กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ก็แทงเข้าไปที่ลำคอของฝั่งตรงข้าม
จิรพนธ์ดวงตาไร้สติ แล้วสิ้นชีวิตลง
เมฆดำสลายตัวไป บนท้องฟ้านั้น มีดวงเดือนประดับฟ้า
“รพีพงษ์!”
ปยุตและจิรภัทรก็รีบพุ่งเข้าไป
รพีพงษ์ถือกระบี่ด้วยมือเดียว แล้วพยายามพยุงร่างกายไว้
เมื่อครู่เพิ่งทำยาเม็ดระดับเทพเซียนไป ก็สูญเสียจิตวิญญาณเทพไปมาก เมื่อครู่นี้ รพีพงษ์อยู่ในเมฆดำ ก็ได้ใช้วิชาลับและยาเม็ดวิญญาณชี่ เพื่อเพิ่มพลังของตนเอง
ตอนนี้ ฤทธิ์ของยาได้หมดลงแล้ว ความอ่อนแรงเหนื่อยล้าก็เข้ามาในร่างกายของรพีพงษ์ในพริบตา
“ผมไม่เป็นไรครับ” รพีพงษ์พูดเสียงต่ำ
ถ้าเมื่อครู่พลังไม่ได้เพิ่มขึ้นล่ะก็ ท่าขี่ลมที่ได้รับสืบทอดมาจากจอมมารชูร่าที่ปรากฏขึ้นในหัว เพียงตนเองนั้นก็คงจะไม่สามารถหลบหลีกออกมาจากหมู่สายฟ้าพวกนั้นได้
“คนอื่นๆ ล่ะครับ?” รพีพงษ์ถาม
“คุณวางใจเถอะ พวกเขาได้หนีไปยังที่ปลอดภัยแล้ว” ปยุตตอบ
รพีพงษ์ก็พยักหน้าเบาๆ แล้วก็ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง หลังจากทั้งสองคนเข้าไปพยุง
“เวลากระชั้นชิด จิรพนธ์ตายไปแล้ว แต่ว่าผู้หญิงที่ชื่อนีย์ น่าจะยังอยู่ในสำนักเทพยาเซียน ผมจะรีบตามหาเธอให้พบ”
“ไม่ได้ ตอนนี้จิตวิญญาณเทพของคุณเสียหายมาก จะต้องรีบพักผ่อน” จิรภัทรรีบขวางรพีพงษ์ไว้ แล้วพูดว่า “เรื่องของนีย์ เดี๋ยวให้ผมไปจัดการเอง รพีพงษ์ คุณได้ทำเพื่อสำนักเทพยาเซียนเราไว้มากพอแล้ว ครั้งนี้ จะให้คุณไปเสี่ยงอันตรายอีกไม่ได้!”
“ไอจิรภัทร คุณพูดถูก ให้พวกเราไปจัดการกับนีย์เอง” ปยุตก็พูดเหมือนกัน
รพีพงษ์ส่ายหัว ถ้าทั้งสองคนนี้ออกไป แล้วเจอกับนีย์ จะต้องมีเคราะห์ร้ายมากกว่าดีแน่ๆ
“เจ้าจิรภัทร ผมทำเรื่องพวกนี้ไม่เพียงเพราะสำนักเทพยาเซียนเท่านั้น แต่ทำเพื่อโลกใบนี้” รพีพงษ์พูดเสียงต่ำ
จิรภัทรก็มีสีหน้าสับสน วัยรุ่นตรงหน้าคนนี้ ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งขนาดนี้
มีพรสวรรค์โดดเด่น แข็งแกร่งกว่าใคร แต่ในขณะเดียวกัน ยิ่งมีพลังมาก ก็จะยิ่งรับผิดชอบมากเช่นเดียวกัน!
“คุณวางใจ ผู้รู้จุดประสงค์ที่นีย์มาที่ยังสำนักเทพยาเซียน ครั้งนี้ ผมจะต้องจับเธอให้ได้!” รพีพงษ์พูดอย่างมั่นใจ
“คุณรู้หรือว่าเธออยู่ที่ไหน?”
จิรภัทรถาม
รพีพงษ์พยักหน้า “ท่านเจ้าจิรภัทร ผมเคยถามไว้ว่า ที่นี่นั้น มีสถานที่ไหนที่มีพลังทิพย์เต็มเปี่ยม?”
“ป่า…….ป่าหมอกงั้นหรือ?” จิรภัทรกล่าว
รพีพงษ์ก็พยักหน้าเบาๆ