ก้าวเดินต่อไปอย่างอิดโรย รพีพงษ์ก็มาถึงตรงหน้านีย์
“คุณมาที่ป่าหมอกนี้ มีแผนร้ายอะไรกันแน่!”
นีย์ก็จ้องเขม็ง “ดูเหมือนว่า จิรพนธ์จะจัดการกับนายไม่ได้สินะ หรือว่าไม่ได้เจอกันหลายวัน พลังของนายเพิ่มขึ้นงั้นหรือ?”
“คุณหมายถึงไอ้อัปลักษณ์นั่นใช่ไหม? เขาถูกผมฆ่าตายไปแล้วล่ะ!”
รพีพงษ์พูดนิ่งๆ
มุมปากของนีย์ก็กระตุกเบาๆ
พลังของจิรพนธ์ได้เข้าใกล้ระดับแดนเทพขั้นพีค หรือว่าพลังระดับนี้ยังไม่สามารถจัดการรพีพงษ์ได้ แถมยังต้องตายกลายเป็นผีภายใต้คมดาบของเขาอีกงั้นหรือ?
“ตอนนี้ ก็ถึงคราวของคุณแล้วล่ะ” รพีพงษ์พูดหน้าขรึม ในมือก็เสกดาบยาวเล่มหนึ่งออกมา
“นายจะฆ่าฉันงั้นหรือ?”
นีย์มองฝ่ายตรงข้ามตาหยี ในมือก็กำโซ่ไว้แน่น
“พลังทิพย์ในป่าหมอกเป็นของโลกใบนี้ ถ้าคุณอยากจะแย่งมันไป ก็ฝันไปเถอะ” รพีพงษ์พูดเสียงขรึม แล้วก็ก้าวเดินเข้าไปข้างหน้าอีกก้าว
“ดูเหมือนว่านายจะรู้เรื่องหมดแล้ว”
นีย์พูดเบาๆ แล้วก็เงยหน้ามองรพีพงษ์ “ที่นี่มีพลังทิพย์เต็มเปี่ยม ถ้าให้ทวีปโอชวินของพวกเรามาใช้งานล่ะก็ ก็จะเป็นประโยชน์มหาศาล ถ้าเอาไว้โลกของพวกคุณ คงจะเสียของเปล่าๆ !”
“อย่ามาทำเป็นพูด!”
รพีพงษ์ชี้หน้าพูดใส่ฝั่งตรงข้าม “แหล่งพลังทิพย์บนโลกใบนี้ได้ถูกยึดไปแล้วกว่าครึ่ง ตอนนี้ยังจะมาจับจ้องแหล่งพลังทิพย์ที่เหลือนี้อีก วันนี้ ผมอยู่ที่นี่ จะไม่มีทางปล่อยให้คุณทำตามอำเภอใจได้!”
“ฮ่าๆ อาศัยเพียงแค่นายน่ะหรือ?”
นีย์หัวเราะเสียงเย็น “พลังยิ่งใหญ่ของทวีปโอชวินเรา นายไม่มีทางรับรู้ได้แน่ อีกอย่างแหล่งพลังทิพย์ก็มีประโยชน์ต่อพวกเรามาก ส่วนที่นี่ของพวกคุณจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร จะเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ? ของดีๆ มีเพียงคนเก่งที่คู่ควร!”
“ตรรกะบ้าบออะไรกัน!”
รพีพงษ์ตะโกนเสียงดัง กระบี่ยาวในมือก็สะบัดออกมา
นีย์ขมวดคิ้ว เธอรู้ว่าถ้าตนเองสู้กับรพีพงษ์ตัวต่อตัวล่ะก็ คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่
แต่ว่าครั้งนี้ เธอพบสิ่งที่น่าตกใจว่า การโจมตีของรพีพงษ์ได้ช้าลงกว่าก่อนมาก ในขณะเดียวกันพลังบนคมดาบก็อ่อนกำลังลงไม่น้อย
พอเห็นเสื้อผ้าของรพีพงษ์ที่ถูกทำลาย นีย์ก็เข้าใจอะไรขึ้นมาได้
ดูเหมือนว่า การต่อสู้ระหว่างจิรพนธ์และรพีพงษ์ ทำให้รพีพงษ์เสียแรงไม่น้อย รพีพงษ์ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเหนื่อยมาก พลังก็ลดลงไปมาก
นีย์ยิ้มมุมปาก โซ่ในมือก็บุกเข้าโจมตีดาวยาวเล่มนั้น
อาวุธทั้งสองชนิดกระทบกันเป็นประกายไฟ กระเด็นออกมาในความมืด
ง่ามมือของรพีพงษ์ก็ชาเล็กน้อย ร่างกายต้องถอยหลังไปหลายก้าว
“ฮ่าๆ ……รพีพงษ์ ตอนนี้นายแค่ยืนก็ยังยืนไม่มั่นคงเลย จะมาสู้กับฉันได้อย่างไร!”
พูดจบ นีย์ก็บุกโจมตีอีก พุ่งมาตรงหน้าของรพีพงษ์
รพีพงษ์พยายามรวบรวมพลังจิตวิญญาณเทพที่เหลืออยู่ขึ้นมา ในตอนที่โซ่กำลังโจมตีเข้ามาใกล้ตนเองแล้วนั้น ปลายเท้าก็แตะที่พื้น แล้วก็กระโดดตัวลอยหลบหลีกไป
“ไม่คิดเลยว่า นายจะมีวันที่ย่ำแย่แบบนี้เหมือนกันนะ”
มุมปากของนีย์ก็อมยิ้ม พลังทิพย์ในมือก็มีมากกว่าเดิม
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว ในใจเขาก็เพิ่งเข้าใจว่า ต่อให้เป็นคนที่มีจิตวิญญาณเทพแต่กำเนิด ก็ไม่สามารถจะใช้มันได้ตลอดเวลาโดยไม่หยุดพัก
ช่วงหลายวันนี้ รพีพงษ์รู้ว่าเวลามันกระชั้นชิด ก็เลยกลั่นยาชั้นเลิศออกมาโดยไม่หยุดหย่อน บวกกับที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้ ทำให้เขาในตอนนี้ต้องการการพักผ่อนอย่างมาก
แต่ทว่า รพีพงษ์ในตอนนี้ก็รออยู่เฉยๆ เท่านั้น ตอนที่พลังเงาดำเกิดขึ้นด้านหลังของนีย์นั้น มุมปากของรพีพงษ์ก็ชี้ขึ้นเล็กน้อย แสยะยิ้มออกมา
ที่แท้ ตอนที่ทั้งสองคนต่อสู้กันอยู่นั้น คางคกยักษ์และงูหลามยักษ์ก็ได้ตามมาทันแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น นกอินทรีบนฟ้าก็ได้เรียกพรรคพวกมาเพิ่ม ลิงลูซีตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็โหนเถาวัลย์แล้วกำลังจ้องมองนีย์อยู่
นีย์ก็เพิ่งรับรู้ได้ว่าด้านหลังตนเองเกิดอะไรขึ้น
เธอรีบหันกลับไปมอง ตรงหน้านั้นล้วนเป็นสัตว์เซียนตัวใหญ่ยักษ์
สัตว์เซียนมากมายขนาดนี้ นีย์ก็รู้ว่า ตนเองคงไม่มีทางรับมือไหวแน่ ดังนั้นเธอก็เลยพูดกับรพีพงษ์เสียงดังว่า “นี่นาย ถ้าไม่อยากถูกสัตว์อสูรจับฉีกเป็นชิ้นๆล่ะก็ ก็มาร่วมมือกับฉันเสีย ไม่งั้นล่ะก็ นายกับฉันคงต้องตายกันหมดแน่!”
เพิ่งสิ้นเสียงพูด ลิงลูซีตัวนั้นก็กระโดดขึ้นอย่างโหด
นีย์ก็ไม่รอช้า ถอยหลังไปหลายสิบก้าว เพื่อหลบไปด้านข้าง
ลิงลูซีโจมตีไม่โดน แล้วก็มาตรงหน้าของรพีพงษ์
แต่สิ่งที่ทำให้นีย์อึ้งไปก็คือ ลิงลูซีที่มาอยู่ตรงหน้าของรพีพงษ์นั้น แทบจะสามารถตะครุบรพีพงษ์ให้มึนไปได้ในฝ่ามือเดียว แต่ว่า มันกลับหันตัวหลับออกมา แล้วพุ่งใส่นีย์อีกครั้ง
นีย์ก็ขมวดคิ้ว ถอยหลังไปด้วยตะโกนไปด้วยว่า “ไอ้เดรัจฉานสมควรตายตัวนี้ ทำไมจ้องจะเล่นแต่ฉันเนี่ย?”
แต่ทว่า สัตว์เซียนตัวนี้ก็ไม่ได้สนใจว่านีย์กำลังพูดอะไร ทำท่าทางจะโจมตีเสียท่าเดียว
ในขณะเดียวกัน สัตว์เซียนที่เหลือก็มุ่งหน้ามาโจมตีนีย์กันหมด ส่วนฝั่งของรพีพงษ์กลับไม่ถูกโจมตีจากสัตว์เซียนตัวไหนเลย
“นี่มันเป็นเพราะอะไรกัน!”
นีย์ยืนพิงต้นไม้ต้นใหญ่ โซ่ในมือก็กวัดแกว่งไม่หยุด
สายตาของรพีพงษ์แฝงรอยยิ้ม ป่าหมอกแห่งนี้มันเป็นที่ของผม จะมาสู้กับผมในสถานที่ของผม คุณรนหาที่ตายเปล่า!
เนื่องจากได้รับการสืบทอดมาจากจอมมารชูร่าทั้งหมด หัวหน้าของสัตว์เซียนนั้น แรดโบราณได้เลือกให้รพีพงษ์รับตำแหน่งนี้นานแล้ว อีกอย่างมันก็ได้เอาข่าวนี้ป่าวประกาศให้กับสัตว์เซียนทั้งหมดในป่าหมอกแห่งนี้โดยวิธีการพิเศษหมดแล้ว
ดังนั้น สัตว์เซียนพวกนี้ล้วนรู้ดีว่ารพีพงษ์จะเป็นคนที่คอยรับมือกับพวกทวีปโอชวิน และจะไม่ทำอันตรายใดๆ กับรพีพงษ์แน่นอน
ฟู่!
น้ำลายพิษของคางคกถูกพ่นออกมาโดยไม่ไว้หน้า นีย์ก็ต่อสู้ติดต่อกันไม่หยุดหย่อน กำลังก็ลดหายไปไม่น้อย
ต้องรู้ก่อนว่า ภายในสัตว์เซียนพวกนี้ พลังที่น้อยที่สุดก็อยู่ที่ระดับแดนดั่งเทพ ยิ่งกว่านั้นที่นี่ยังมีสัตว์เซียนที่ไม่เหมือนกันกว่าหลายสิบชนิด
นีย์ก็ร้องเสียงอ่อน เอียงตัวหลบน้ำลายพิษ แต่ว่า ท่าทางของเธอนั้นได้เชื่องช้ากว่าก่อนมาก
น้ำลายพิษได้ทำลายเสื้อของนีย์บริเวณหัวไหล่จนแหละเหลว เผยให้เห็นหัวไหล่ของนีย์ที่ขาวดั่งหิมะ
“ไอ้เดรัจฉานสมควรตาย!”
นีย์ด่าออกมา และในขณะเดียวกัน งูหลามยักษ์ที่พันอยู่บนต้นไม้ก็แลบลิ้นออกมา แล้วก็อ้าปากกว้างพุ่งโจมตีออกมา
“ห้ะ!”
การลอบโจมตีครั้งนี้ได้ผลดี นีย์หลบไม่ทัน บนหัวไหล่ของเธอถูกเคี้ยวอันแหลมคมของงูหลามตัวนี้บาดเป็นแผลเลือดไหล2แห่ง แล้วก็บวมขึ้นมาในทันที
นีย์ล้มลงที่พื้น ในตอนนี้สัตว์เซียนก็รวมกันเข้ามา แล้วมาล้อมตัวนีย์ไว้ตรงกลาง
“พวกเดรัจฉานอย่างพวกแกน่ะ รีบหลีกทางให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
นีย์ที่ล้มลงพื้นก็ตะโกนออกมา แต่ว่า สัตว์เซียนพวกนั้นก็ไม่ขยับตัวอะไรเลย
หลายร้อยปีมานี้ พวกมันอยู่ในป่าหมอกเพื่อปกป้องแหล่งพลังทิพย์มาโดยตลอด จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนของทวีปโอชวินเข้ามาครอบครอง
ตอนนี้ นีย์เป็นคนของทวีปโอชวิน สัตว์เซียนพวกนี้จะปล่อยเธอไปได้อย่างไรกัน
ตอนที่สัตว์เซียนทั้งหลายกำลังเตรียมตัวโจมตีพร้อมกันนั้น ทันใดนั้นเสียงของรพีพงษ์ก็ดังมาจากด้านหลังของพวกสัตว์เซียน
“ช้าก่อน!”
แค่เสียงเบาๆ สัตว์เซียนพวกนี้ก็หยุดลง แล้วก็แยกตัวเปิดเป็นทางเดิน
รพีพงษ์เดินเซๆ มาตรงหน้านีย์ แล้วพูดเสียงเย็นว่า “ตอนนี้คุณยังจะมีอะไรพูดอีกไหม?”
“คือฉัน………..”
แผลที่หัวไหล่ทำให้นีย์ขมวดคิ้ว ว่าทำไมสัตว์เซียนพวกนี้ถึงได้โจมตีแต่ตนเอง แต่กลับไม่ไปทำอะไรกับรพีพงษ์เลยแม้แต่น้อย?
“หรือว่า สัตว์เซียนพวกนี้จะรู้จักคุณงั้นหรือ?”
รพีพงษ์ส่ายหัว สัตว์เซียนพวกนี้ไม่เพียงไม่รู้จักกับตนเอง แต่กลับกัน ตอนที่ตนเองเข้ามาในป่าหมอกครั้งแรกนั้น ยังได้ต่อสู้กับสัตว์เซียนหลายตัวด้วย
“แล้วทำไมพวกมันโจมตีแต่ฉัน แต่ไม่โจมตีคุณล่ะ?” นีย์กล่าว นี่คือข้อสงสัยและความไม่พอใจในใจของเธอ
“ง่ายมาก ก็เพราะว่าสิ่งผมและสัตว์เซียนพวกนี้ทำนั้น มันเหมือนกัน นั่นก็คือ ปกป้องแหล่งพลังทิพย์ไม่ให้ถูกคนของทวีปโอชวินเข้ามาแย่งชิงไปได้”
พูดจบ รพีพงษ์ก็ถือกระบี่สยบเซียนอยู่ในมือ แสงสีทองสว่างไป4ทิศ
พอพวกสัตว์เซียนเห็นกระบี่เทพในมือของรพีพงษ์นั้น ก็คุกเข่านอบน้อมไปตามกัน
พอเห็นภาพอัศจรรย์ตรงหน้า นีย์ก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
ปลายกระบี่ของรพีพงษ์ที่ชี้ไป ชี้ไปทางลำคอของนีย์ “คุณจะบอกผมได้หรือยัง ว่าคุณเป็นใคร?”
นี่คือข้อสงสัยที่รพีพงษ์สงสัยมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าทำไมคิ้วตาของนีย์นั้น เขารู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่เขามั่นใจว่า นีย์จะต้องเกี่ยวข้องอะไรกับโจซี่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ใครจะรู้เล่าว่า พอนีย์ได้ยินดังนั้น ถึงแม้จะถูกกระบี่สยบเซียนจี้คออยู่ แต่สายตาก็ยังอมยิ้มออกมาได้
“ลูกเขยคนดีของฉัน แค่ไม่นานก็จำฉันไม่ได้แล้วงั้นหรือ!”