พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1285 เศษวิญญาณหนีออกไป

บทที่ 1285 เศษวิญญาณหนีออกไป

ตอนที่รพีพงษ์กำลังจะหยิบกระบี่ที่ร่วงอยู่ เพื่อมาปลิดชีพของนีย์นั้น

นีย์ที่นอนอยู่บนพื้นก็ขยับตัว จากนั้นปากสวยๆ ก็ขมุบขมิบ

“น้ำ น้ำ…….”

จากนั้น สีหน้าของเธอก็แย่มาก เธอที่กำลังหลับใหลอยู่นั้น ก็มีสีหน้าที่กังวลเผยออกมา

“พ่อคะ……พี่สาวคะ…..พวกคุณอย่าไล่ฉันไปเลยนะ นีย์เอ๋อร์จะไม่ไปไหนทั้งนั้น นีย์เอ๋อร์จะอยู่ที่บ้านหลังนี้…….”

จากนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของนีย์

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว แล้วก็มองนีย์ที่สลบไสลอย่างเหม่อลอย

ผู้หญิงคนนี้ คงจะต้องเหมือนกับตนเองในอดีตแน่ๆ คงจะกำลังฝันอยู่สินะ

เพียงแต่ ดูๆ ไปแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะมีเรื่องราวอะไรที่พูดออกมาไม่ได้ รพีพงษ์ก็ถึงขนาดรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า ชาติกำเนิดของนีย์เหมือนกับตนเองมากๆ

ปีนั้น เนื่องจากพ่อหายตัวไป แม่ของตนเองก็ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ ไปแต่งงานเข้าตระกูลฝ่ายหญิงอยู่3ปี ได้รับการดูถูกทางสายตาและทนกับเวลาอันเจ็บปวด

กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ก็ถูกวางลง จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืนมองนีย์ที่นอนอยู่บนพื้นนิ่งๆ

ทุกคนล้วนมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น รพีพงษ์ก็เหมือนกัน

โดยเฉพาะโฉมหน้าของนีย์ก็งดงามควรเมือง เธอที่มีรูปร่างเป็นสาวน้อยนั้น คนธรรมดาก็คงตัดใจลงมือปลิดชีพไม่ได้หรอก

แต่ว่าจากนั้น ใบหน้าของรพีพงษ์ก็ยิ้มอย่างเจ็บปวด

ความแค้นมันใหญ่หลวงนัก ทวีปโอชวินทำเรื่องชั่วช้าให้กับโลกนี้มามากมาย

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าวันนี้ปล่อยนีย์ไปล่ะก็ วันข้างหน้าก็ยากจะคาดเดา

สำหรับการเมตตาต่อศัตรูนั้น มันช่างทรมานตนเองเสียจริงๆ !

พอคิดถึงจุดนี้ รพีพงษ์ก็มีสีหน้าตัดสินใจอย่างจริงจังขึ้นมา

ถ้าเป็นจอมมารชูร่าในตอนนั้นล่ะก็ เกรงว่าคงจะฆ่าเธอไปโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน

รพีพงษ์ถามใจตนเอง แล้วเขาก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่า ตนเองยังจะต้องมีเส้นทางอีกยาวไกลกว่าจะถึงจุดที่ต้องรับมือกับจอมมารชูร่าของทวีปโอชวินอย่างโดดเดี่ยว

“ที่นี่มีชื่อเรียกว่าสุสานของสัตว์เซียน ในเมื่อคุณดูถูกสัตว์เซียนพวกนี้ งั้นก็หลับใหลอยู่ที่นี่ไปพร้อมกับพวกมันก็แล้วกัน”

รพีพงษ์พูดนิ่งๆ สายตาก็เผยรังสีการฆ่า

แสงสีทองสว่างผ่านออกมา กระบี่สยบเซียนออกจากฝัก แล้วแทงเข้าตำแหน่งหัวใจของฝั่งตรงข้าม

สีหน้าของนีย์ก็เผยความเจ็บปวดออกมาทันที เธอตื่นขึ้นจากการหลับใหลเพราะความเจ็บปวดอย่างสุดขีด

เธอลืมตาขึ้น แล้วเห็นสีหน้าที่จริงจังของรพีพงษ์พอดี

สะอึกสะอื้นในลำคอ ดูเหมือนว่าเธอจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อีกแล้ว

รพีพงษ์รู้ดีว่า พอตนเองแทงเข้าไปนั้น ฝั่งตรงข้ามคงจะไม่มีโอกาสรอดแน่นอน ลมหายใจของนีย์ก็ค่อยๆ โรยรินลงไปเรื่อยๆ

พอจัดการทุกอย่างเสร็จ รพีพงษ์ก็เก็บกระบี่สยบเซียน

เขาเงยหน้ามองฟ้าบนหัวด้วยสายตาอันลึกซึ้ง สามารถฆ่านีย์ตาย ก่อนที่ในทวีปโอชวินจะรู้เรื่องแหล่งพลังทิพย์ นี่มันควรจะเป็นเรื่องที่ควรดีใจกันมากกว่า

ตอนที่รพีพงษ์กำลังสำรวจหุบเหวอยู่นั้น

ทันใดนั้น บนร่างของนีย์ ก็มีเศษวิญญาณหนึ่งลอยขึ้นมา

รพีพงษ์รีบเข้าไปจับเศษวิญญาณนั้นไว้ สายตาก็จริงจัง

“ไม่ได้การแล้ว เศษวิญญาณคิดจะหนีไป!”

รพีพงษ์พูดออกมาเสียงดัง

ตอนที่ตนเองสู้กับจิรพนธ์ก่อนหน้านี้ จิรพนธ์ก็ใช้แผนนี้ เอาเศษวิญญาณออกมาจากร่างของชาตพล ถึงได้หลุดรอดไปได้

วันนี้ ดูเหมือนว่านีย์จะใช้แผนเดิม

รพีพงษ์มีหรือจะปล่อยเศษวิญญาณนั้นไป เขาก็รีบวิ่งตามไป

เพียงแต่ พละกำลังของตนเองก็ถึงขีดจำกัดไปแล้ว แล้วเศษวิญญาณนี้ก็ยังอาศัยสายลมล่องลอยไปอย่างรวดเร็ว

รพีพงษ์ตามไปไม่ทัน เห็นเพียงเศษวิญญาณนั้นมันลอยสูงขึ้น สุดท้ายก็หายไปในความมืด

“ให้ตายเถอะ!”

รพีพงษ์ด่าออกมา คิดได้ทุกอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่านีย์จะใช้แผนสุดท้ายแบบนี้

พอคิดว่าเศษวิญญาณที่เป็นตัวแทนของนีย์ยังอยู่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ เศษวิญญาณดวงนี้ก็จะเอาข่าวเรื่องแหล่งพลังทิพย์ไปบอกกับทวีปโอชวินอย่างแน่นอน รพีพงษ์ก็ร้อนรนดั่งไฟสุมทรวง

“ไม่ได้ ผมจะต้องรีบออกไปจากที่นี่!”

รพีพงษ์กล่าว

เพียงแต่ตอนนี้พลังยังไม่ฟื้นตัวกลับมา แถมที่นี่ยังเป็นหน้าผาสูง ด้วยพลังของรพีพงษ์ในตอนนี้ ไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้แน่นอน

รพีพงษ์ก็ไม่ยอมแพ้ แล้วก็พยายามปลุกมนุษย์ทองคำตัวน้อยที่อยู่ในหัวให้ฟื้นขึ้นมา แต่ทว่า มนุษย์ทองคำตัวน้อยก็ยังคงหลับไหลต่อไป

พอมองไปรอบๆ แล้วก็เอาไฟฉายในมือของนีย์ รพีพงษ์พยายามสำรวจสภาพแวดล้อมของที่นี่

พอสำรวจแล้ว รพีพงษ์ก็ตกใจมาก

หุบเหวมันลึกและแคบมาก บนพื้นนอกจากจะมีหินและทรายแล้ว สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์ขนลุกก็คือ บนพื้นมีกระดูกแท่งใหญ่ๆ เต็มไปหมด

จากกระดูกชิ้นใหญ่พวกนี้ รพีพงษ์วินิจฉัยออกมาได้ว่า คงจะต้องเป็นสัตว์เซียนที่ตัวใหญ่มาก ถึงจะมีกระดูกใหญ่แบบนี้

ดูเหมือนว่า คงจะเป็นสัตว์เซียนที่ตกลงมาในนี้ แล้วก็ตายในนี้

รพีพงษ์คิดในใจ แล้วก็รีบเดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว

ยิ่งเดินไปก็ยิ่งสงสัย ถ้าหากว่ามีสัตว์เซียน2ตัวไม่ระวังพลัดตกลงมาที่นี่ แล้วจบชีวิตอยู่ใต้หุบเหวนี้ ก็ยังจะพออธิบายได้

แต่ทว่า ยิ่งดูอย่างละเอียดๆ กระดูกพวกนี้ มันไม่ใช่สัตว์เซียนตัวสองตัว แต่อย่างน้อยก็เป็นร้อยตัว!

ต่อให้เป็นสัตว์ร้ายธรรมดา พอรู้ว่าเป็นหุบเหวก็คงไม่เข้าใกล้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์เซียนพวกนี้เลย

เรื่องราวมันก็น่าสงสัย รพีพงษ์ก็ยังคิดไม่ออกในทันที

“ดูเหมือนว่า คงจะต้องรอให้ออกไปให้ได้ก่อน แล้วไปถามแรดโบราณถึงจะสรุปได้” รพีพงษ์พูดกับตัวเอง

เพียงแต่ เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือเรื่องแหล่งพลังทิพย์ รพีพงษ์ก็ร้อนรนขึ้นมาในทันที พลังของตนเองนั้น ขอเพียงพักผ่อนไม่กี่วันก็จะกลับมาเป็นปกติ ถึงตอนนั้นก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

เพียงแต่ว่า พอถึงตอนนั้น ทุกอย่างมันก็คงจะสายไปแล้ว

……

รพีพงษ์มือถือไฟฉาย แล้วเดินอยู่ในหุบเหว

บนพื้นนั้น โครงกระดูกของสัตว์เซียนทั้งหลายก็แนบนิ่ง ดูไปแล้วก็ให้ความรู้สึกน่ากลัว และความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ในอดีต

เพียงแต่ รพีพงษ์จะไปสนใจเรื่องพวกนี้มากไม่ได้ ที่เขาเดินขึ้นหน้าไปตลอดนั้น ก็หวังว่าพื้นที่ของเขาจะไม่สูงชัน ตนเองจะได้มีแรงปืนหน้าผาขึ้นไปได้

แต่ทว่า เดินไปครึ่งชั่วโมงกว่า ก็ไม่มีสถานที่แบบนั้นเลย

“นี่มันอะไรกัน?”

รพีพงษ์ยกไฟฉายส่องไปข้างหน้า เห็นว่าภายใต้ม่านหมอกนั้น เหมือนจะมีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง

เวลากลางคืน สายลมที่พัด มันหนาวเย็นกว่าในป่าที่มีต้นไม่รกทึบด้านนอกเสียอีก จะได้เข้าไปหลบลมหนาวในถ้ำนั้นได้พอดี

ในขณะเดียวกัน รพีพงษ์คิดจะไปพักผ่อนในถ้ำนั้นเสียหน่อย เพื่อที่พลังของตนเองจะได้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว

พอก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำ รพีพงษ์ก็ส่องไปฉายไปรอบๆ

แสงก็ส่องสว่างภายในถ้ำ ไม่นานก็ลับตาหายไป แสดงว่าถ้ำนี้มันลึกมาก

รพีพงษ์ก็ไม่ได้เดินเข้าไปข้างใน เพราะถึงอย่างไรก็แค่มาหลบลมหนาวเท่านั้น พอเขาเดินเข้าไปไม่กี่ก้าว ก็นั่งลงทำสมาธิ พร้อมหลบตาลงเพื่อสงบจิตสงบใจ

แต่ในตอนนั้นเอง กระบี่สยบเซียนก็สั่นขึ้นมาอย่างแรง ยังไม่ได้มีเรียกของรพีพงษ์กระบี่เทพนี้ออกมาได้อย่างไรกัน

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

รพีพงษ์ก็แปลกใจมาก แต่พอเห็นปลายกระบี่สยบเซียนที่ชี้ไป กลับเป็นเส้นทางที่เข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ

“หรือว่า ข้างในจะมีอะไรซ่อนอยู่?”

รพีพงษ์ก็สงสัยอยู่ใน ถึงแม้ตอนนี้ตนเองจะอ่อนล้ามาก และอยากพักผ่อนมาก แต่ก็อดทนจากการ “เรียนเชิญ” ของกระบี่สยบเซียนไม่ได้ เขาก็ได้แต่ตามกระบี่สยบเซียนเข้าไปข้างในช้าๆ

แสงของกระบี่สยบเซียนส่องสว่างไปทั้งถ้ำ รพีพงษ์ก็ได้เห็นทางเดินบนพื้นอย่างชัดเจน เดินได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น

ประมาณ10นาทีผ่านไป รพีพงษ์ก็มาถึงยังส่วนที่กว้างกว่าปากทางเข้าถ้ำอย่างมาก

ที่นี่คงจะเป็นจุดสิ้นสุดของถ้ำสินะ เพียงแต่ มันไม่เหมือนกับถ้ำด้านนอกที่ชื้นแฉะ ในนี้แห้งพอสมควร

อีกอย่าง รพีพงษ์ยังพบอีกว่า บนผนังถ้ำนั้นเหมือนจะมีร่องรอยอะไรมากมาย

รพีพงษ์เดินเข้าไปดู แล้วใช้มือคลำดูบนผนัง เขาค้นพบอย่างน่าตกใจ ร่องรอยพวกนี้มันเกิดจากรอยคมกระบี่ที่ฟาดลงผนังถ้ำ

“หรือว่า จะมีคนเคยมาที่นี่?”

รพีพงษ์อึ้งไปอย่างมาก แต่จากนั้น ร่องรอยของที่นี่ก็ได้สรุปความคิดของรพีพงษ์

แท่นหิน แล้วก็แผ่นหินที่เรียบเงา เอามาใช้พักผ่อนได้ดีที่สุด

รพีพงษ์ก็อึ้งอย่างต่อเนื่อง ไม่คิดเลยว่าในหุบเหวลึกนี้ ยังจะมีร่องรอยของมนุษย์อยู่ด้วย

ดีมากเลย!

รพีพงษ์ตื่นเต้น สภาพแวดล้อมในนี้ดีกว่าข้างนอกมาก เหมาะกับการพักผ่อนฟื้นกำลัง

ตอนที่รพีพงษ์กำลังจะพักผ่อนบนแท่นหินนั้น ทันใดนั้น กระบี่สยบเซียนก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง

รพีพงษ์ก็มองออกไปอย่างสงสัย กลับเห็นว่ากระบี่สยบเซียนชี้ไปยังส่วนในที่สุดของผนังถ้ำ

หรือว่าในนี้จะมีอะไรบางอย่าง?

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท