ตอนที่รพีพงษ์กำลังจะหยิบกระบี่ที่ร่วงอยู่ เพื่อมาปลิดชีพของนีย์นั้น
นีย์ที่นอนอยู่บนพื้นก็ขยับตัว จากนั้นปากสวยๆ ก็ขมุบขมิบ
“น้ำ น้ำ…….”
จากนั้น สีหน้าของเธอก็แย่มาก เธอที่กำลังหลับใหลอยู่นั้น ก็มีสีหน้าที่กังวลเผยออกมา
“พ่อคะ……พี่สาวคะ…..พวกคุณอย่าไล่ฉันไปเลยนะ นีย์เอ๋อร์จะไม่ไปไหนทั้งนั้น นีย์เอ๋อร์จะอยู่ที่บ้านหลังนี้…….”
จากนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของนีย์
รพีพงษ์ขมวดคิ้ว แล้วก็มองนีย์ที่สลบไสลอย่างเหม่อลอย
ผู้หญิงคนนี้ คงจะต้องเหมือนกับตนเองในอดีตแน่ๆ คงจะกำลังฝันอยู่สินะ
เพียงแต่ ดูๆ ไปแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะมีเรื่องราวอะไรที่พูดออกมาไม่ได้ รพีพงษ์ก็ถึงขนาดรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า ชาติกำเนิดของนีย์เหมือนกับตนเองมากๆ
ปีนั้น เนื่องจากพ่อหายตัวไป แม่ของตนเองก็ถูกไล่ออกจากตระกูลลัดดาวัลย์ ไปแต่งงานเข้าตระกูลฝ่ายหญิงอยู่3ปี ได้รับการดูถูกทางสายตาและทนกับเวลาอันเจ็บปวด
กระบี่สยบเซียนในมือของรพีพงษ์ก็ถูกวางลง จากนั้นก็ลุกขึ้นมายืนมองนีย์ที่นอนอยู่บนพื้นนิ่งๆ
ทุกคนล้วนมีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น รพีพงษ์ก็เหมือนกัน
โดยเฉพาะโฉมหน้าของนีย์ก็งดงามควรเมือง เธอที่มีรูปร่างเป็นสาวน้อยนั้น คนธรรมดาก็คงตัดใจลงมือปลิดชีพไม่ได้หรอก
แต่ว่าจากนั้น ใบหน้าของรพีพงษ์ก็ยิ้มอย่างเจ็บปวด
ความแค้นมันใหญ่หลวงนัก ทวีปโอชวินทำเรื่องชั่วช้าให้กับโลกนี้มามากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าวันนี้ปล่อยนีย์ไปล่ะก็ วันข้างหน้าก็ยากจะคาดเดา
สำหรับการเมตตาต่อศัตรูนั้น มันช่างทรมานตนเองเสียจริงๆ !
พอคิดถึงจุดนี้ รพีพงษ์ก็มีสีหน้าตัดสินใจอย่างจริงจังขึ้นมา
ถ้าเป็นจอมมารชูร่าในตอนนั้นล่ะก็ เกรงว่าคงจะฆ่าเธอไปโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน
รพีพงษ์ถามใจตนเอง แล้วเขาก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่า ตนเองยังจะต้องมีเส้นทางอีกยาวไกลกว่าจะถึงจุดที่ต้องรับมือกับจอมมารชูร่าของทวีปโอชวินอย่างโดดเดี่ยว
“ที่นี่มีชื่อเรียกว่าสุสานของสัตว์เซียน ในเมื่อคุณดูถูกสัตว์เซียนพวกนี้ งั้นก็หลับใหลอยู่ที่นี่ไปพร้อมกับพวกมันก็แล้วกัน”
รพีพงษ์พูดนิ่งๆ สายตาก็เผยรังสีการฆ่า
แสงสีทองสว่างผ่านออกมา กระบี่สยบเซียนออกจากฝัก แล้วแทงเข้าตำแหน่งหัวใจของฝั่งตรงข้าม
สีหน้าของนีย์ก็เผยความเจ็บปวดออกมาทันที เธอตื่นขึ้นจากการหลับใหลเพราะความเจ็บปวดอย่างสุดขีด
เธอลืมตาขึ้น แล้วเห็นสีหน้าที่จริงจังของรพีพงษ์พอดี
สะอึกสะอื้นในลำคอ ดูเหมือนว่าเธอจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อีกแล้ว
รพีพงษ์รู้ดีว่า พอตนเองแทงเข้าไปนั้น ฝั่งตรงข้ามคงจะไม่มีโอกาสรอดแน่นอน ลมหายใจของนีย์ก็ค่อยๆ โรยรินลงไปเรื่อยๆ
พอจัดการทุกอย่างเสร็จ รพีพงษ์ก็เก็บกระบี่สยบเซียน
เขาเงยหน้ามองฟ้าบนหัวด้วยสายตาอันลึกซึ้ง สามารถฆ่านีย์ตาย ก่อนที่ในทวีปโอชวินจะรู้เรื่องแหล่งพลังทิพย์ นี่มันควรจะเป็นเรื่องที่ควรดีใจกันมากกว่า
ตอนที่รพีพงษ์กำลังสำรวจหุบเหวอยู่นั้น
ทันใดนั้น บนร่างของนีย์ ก็มีเศษวิญญาณหนึ่งลอยขึ้นมา
รพีพงษ์รีบเข้าไปจับเศษวิญญาณนั้นไว้ สายตาก็จริงจัง
“ไม่ได้การแล้ว เศษวิญญาณคิดจะหนีไป!”
รพีพงษ์พูดออกมาเสียงดัง
ตอนที่ตนเองสู้กับจิรพนธ์ก่อนหน้านี้ จิรพนธ์ก็ใช้แผนนี้ เอาเศษวิญญาณออกมาจากร่างของชาตพล ถึงได้หลุดรอดไปได้
วันนี้ ดูเหมือนว่านีย์จะใช้แผนเดิม
รพีพงษ์มีหรือจะปล่อยเศษวิญญาณนั้นไป เขาก็รีบวิ่งตามไป
เพียงแต่ พละกำลังของตนเองก็ถึงขีดจำกัดไปแล้ว แล้วเศษวิญญาณนี้ก็ยังอาศัยสายลมล่องลอยไปอย่างรวดเร็ว
รพีพงษ์ตามไปไม่ทัน เห็นเพียงเศษวิญญาณนั้นมันลอยสูงขึ้น สุดท้ายก็หายไปในความมืด
“ให้ตายเถอะ!”
รพีพงษ์ด่าออกมา คิดได้ทุกอย่าง แต่ไม่คิดเลยว่านีย์จะใช้แผนสุดท้ายแบบนี้
พอคิดว่าเศษวิญญาณที่เป็นตัวแทนของนีย์ยังอยู่ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ เศษวิญญาณดวงนี้ก็จะเอาข่าวเรื่องแหล่งพลังทิพย์ไปบอกกับทวีปโอชวินอย่างแน่นอน รพีพงษ์ก็ร้อนรนดั่งไฟสุมทรวง
“ไม่ได้ ผมจะต้องรีบออกไปจากที่นี่!”
รพีพงษ์กล่าว
เพียงแต่ตอนนี้พลังยังไม่ฟื้นตัวกลับมา แถมที่นี่ยังเป็นหน้าผาสูง ด้วยพลังของรพีพงษ์ในตอนนี้ ไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้แน่นอน
รพีพงษ์ก็ไม่ยอมแพ้ แล้วก็พยายามปลุกมนุษย์ทองคำตัวน้อยที่อยู่ในหัวให้ฟื้นขึ้นมา แต่ทว่า มนุษย์ทองคำตัวน้อยก็ยังคงหลับไหลต่อไป
พอมองไปรอบๆ แล้วก็เอาไฟฉายในมือของนีย์ รพีพงษ์พยายามสำรวจสภาพแวดล้อมของที่นี่
พอสำรวจแล้ว รพีพงษ์ก็ตกใจมาก
หุบเหวมันลึกและแคบมาก บนพื้นนอกจากจะมีหินและทรายแล้ว สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์ขนลุกก็คือ บนพื้นมีกระดูกแท่งใหญ่ๆ เต็มไปหมด
จากกระดูกชิ้นใหญ่พวกนี้ รพีพงษ์วินิจฉัยออกมาได้ว่า คงจะต้องเป็นสัตว์เซียนที่ตัวใหญ่มาก ถึงจะมีกระดูกใหญ่แบบนี้
ดูเหมือนว่า คงจะเป็นสัตว์เซียนที่ตกลงมาในนี้ แล้วก็ตายในนี้
รพีพงษ์คิดในใจ แล้วก็รีบเดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว
ยิ่งเดินไปก็ยิ่งสงสัย ถ้าหากว่ามีสัตว์เซียน2ตัวไม่ระวังพลัดตกลงมาที่นี่ แล้วจบชีวิตอยู่ใต้หุบเหวนี้ ก็ยังจะพออธิบายได้
แต่ทว่า ยิ่งดูอย่างละเอียดๆ กระดูกพวกนี้ มันไม่ใช่สัตว์เซียนตัวสองตัว แต่อย่างน้อยก็เป็นร้อยตัว!
ต่อให้เป็นสัตว์ร้ายธรรมดา พอรู้ว่าเป็นหุบเหวก็คงไม่เข้าใกล้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์เซียนพวกนี้เลย
เรื่องราวมันก็น่าสงสัย รพีพงษ์ก็ยังคิดไม่ออกในทันที
“ดูเหมือนว่า คงจะต้องรอให้ออกไปให้ได้ก่อน แล้วไปถามแรดโบราณถึงจะสรุปได้” รพีพงษ์พูดกับตัวเอง
เพียงแต่ เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือเรื่องแหล่งพลังทิพย์ รพีพงษ์ก็ร้อนรนขึ้นมาในทันที พลังของตนเองนั้น ขอเพียงพักผ่อนไม่กี่วันก็จะกลับมาเป็นปกติ ถึงตอนนั้นก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เพียงแต่ว่า พอถึงตอนนั้น ทุกอย่างมันก็คงจะสายไปแล้ว
……
รพีพงษ์มือถือไฟฉาย แล้วเดินอยู่ในหุบเหว
บนพื้นนั้น โครงกระดูกของสัตว์เซียนทั้งหลายก็แนบนิ่ง ดูไปแล้วก็ให้ความรู้สึกน่ากลัว และความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ในอดีต
เพียงแต่ รพีพงษ์จะไปสนใจเรื่องพวกนี้มากไม่ได้ ที่เขาเดินขึ้นหน้าไปตลอดนั้น ก็หวังว่าพื้นที่ของเขาจะไม่สูงชัน ตนเองจะได้มีแรงปืนหน้าผาขึ้นไปได้
แต่ทว่า เดินไปครึ่งชั่วโมงกว่า ก็ไม่มีสถานที่แบบนั้นเลย
“นี่มันอะไรกัน?”
รพีพงษ์ยกไฟฉายส่องไปข้างหน้า เห็นว่าภายใต้ม่านหมอกนั้น เหมือนจะมีถ้ำอยู่แห่งหนึ่ง
เวลากลางคืน สายลมที่พัด มันหนาวเย็นกว่าในป่าที่มีต้นไม่รกทึบด้านนอกเสียอีก จะได้เข้าไปหลบลมหนาวในถ้ำนั้นได้พอดี
ในขณะเดียวกัน รพีพงษ์คิดจะไปพักผ่อนในถ้ำนั้นเสียหน่อย เพื่อที่พลังของตนเองจะได้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว
พอก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำ รพีพงษ์ก็ส่องไปฉายไปรอบๆ
แสงก็ส่องสว่างภายในถ้ำ ไม่นานก็ลับตาหายไป แสดงว่าถ้ำนี้มันลึกมาก
รพีพงษ์ก็ไม่ได้เดินเข้าไปข้างใน เพราะถึงอย่างไรก็แค่มาหลบลมหนาวเท่านั้น พอเขาเดินเข้าไปไม่กี่ก้าว ก็นั่งลงทำสมาธิ พร้อมหลบตาลงเพื่อสงบจิตสงบใจ
แต่ในตอนนั้นเอง กระบี่สยบเซียนก็สั่นขึ้นมาอย่างแรง ยังไม่ได้มีเรียกของรพีพงษ์กระบี่เทพนี้ออกมาได้อย่างไรกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
รพีพงษ์ก็แปลกใจมาก แต่พอเห็นปลายกระบี่สยบเซียนที่ชี้ไป กลับเป็นเส้นทางที่เข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ
“หรือว่า ข้างในจะมีอะไรซ่อนอยู่?”
รพีพงษ์ก็สงสัยอยู่ใน ถึงแม้ตอนนี้ตนเองจะอ่อนล้ามาก และอยากพักผ่อนมาก แต่ก็อดทนจากการ “เรียนเชิญ” ของกระบี่สยบเซียนไม่ได้ เขาก็ได้แต่ตามกระบี่สยบเซียนเข้าไปข้างในช้าๆ
แสงของกระบี่สยบเซียนส่องสว่างไปทั้งถ้ำ รพีพงษ์ก็ได้เห็นทางเดินบนพื้นอย่างชัดเจน เดินได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
ประมาณ10นาทีผ่านไป รพีพงษ์ก็มาถึงยังส่วนที่กว้างกว่าปากทางเข้าถ้ำอย่างมาก
ที่นี่คงจะเป็นจุดสิ้นสุดของถ้ำสินะ เพียงแต่ มันไม่เหมือนกับถ้ำด้านนอกที่ชื้นแฉะ ในนี้แห้งพอสมควร
อีกอย่าง รพีพงษ์ยังพบอีกว่า บนผนังถ้ำนั้นเหมือนจะมีร่องรอยอะไรมากมาย
รพีพงษ์เดินเข้าไปดู แล้วใช้มือคลำดูบนผนัง เขาค้นพบอย่างน่าตกใจ ร่องรอยพวกนี้มันเกิดจากรอยคมกระบี่ที่ฟาดลงผนังถ้ำ
“หรือว่า จะมีคนเคยมาที่นี่?”
รพีพงษ์อึ้งไปอย่างมาก แต่จากนั้น ร่องรอยของที่นี่ก็ได้สรุปความคิดของรพีพงษ์
แท่นหิน แล้วก็แผ่นหินที่เรียบเงา เอามาใช้พักผ่อนได้ดีที่สุด
รพีพงษ์ก็อึ้งอย่างต่อเนื่อง ไม่คิดเลยว่าในหุบเหวลึกนี้ ยังจะมีร่องรอยของมนุษย์อยู่ด้วย
ดีมากเลย!
รพีพงษ์ตื่นเต้น สภาพแวดล้อมในนี้ดีกว่าข้างนอกมาก เหมาะกับการพักผ่อนฟื้นกำลัง
ตอนที่รพีพงษ์กำลังจะพักผ่อนบนแท่นหินนั้น ทันใดนั้น กระบี่สยบเซียนก็สั่นขึ้นมาอีกครั้ง
รพีพงษ์ก็มองออกไปอย่างสงสัย กลับเห็นว่ากระบี่สยบเซียนชี้ไปยังส่วนในที่สุดของผนังถ้ำ
หรือว่าในนี้จะมีอะไรบางอย่าง?