พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1293 คนดีย่อมได้ดี

บทที่ 1293 คนดีย่อมได้ดี

ณ คฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์

“พี่สาคะ รพีพงษ์กลับมาแล้ว”

อารียาพูด

ทันทีที่พูดจบ เสียงเท้าเดินก็ดังขึ้น

หนูน้อยน่ารักหนูลินวิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว

ดวงตาที่กลมโตของเธอเต็มไปด้วยความชุ่มชื้น แต่ทันทีที่เห็นรพีพงษ์ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

เธอกระโดดเข้าไปหารพีพงษ์ และรพีพงษ์ก็ยื่นมือไปรับเธอขึ้นมากอดไว้ในอ้อมกอด

ภายใต้แสงแดดที่เจิดจ้า ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหนูลินก็เปล่งประกายมากขึ้น

“คุณพ่อคะ……”

คำว่า “พ่อ” คำนี้ รพีพงษ์ได้ยินในความฝันมานับไม่ถ้วนแล้ว แต่เขาไม่เคยรู้สึกดีเท่าวันนี้มาก่อนเลย

และทันใดนั้น เบ้าตาของรพีพงษ์ก็ชุ่มชื้นทันที เพราะหนูลินทำให้เขารู้สึกว่าทุกสิ่งที่เขาทุ่มเทออกไปนั้นมันช่างมีค่าเสียเหลือเกิน

“หนูลิน พ่อคิดถึงลูกมากเลยนะ” รพีพงษ์พูดอย่างอ่อนโยนและวางจูบลงที่หน้าผากของหนูลินเบาๆ

เมื่อเห็นครอบครัวที่สุขสันต์นี้ ชนิสราที่สวมผ้ากันเปื้อนอยู่ก็ยิ้มออกมาด้วยความสุข มันช่างเป็นภาพที่สวยจริงๆ

“วันนี้เราจะไม่ไปไหนแล้วนะ พี่สา พี่ช่วยทำกับข้าวให้เราหน่อยนะ วันนี้เราจะอยู่กับหนูลิน” อารียาพูด

“ได้ค่ะ”

ชนิสราขานตอบและหันเดินเข้าไปในห้องครัว

“คุณพ่อคะ หนูอยากเล่นชิงช้า”

หนูลินพูด

รพีพงษ์มองเธอด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนี้จะมีความจำที่ดีมาก แต่ครั้งก่อนเขาแค่สร้างชิงช้าปลอมให้เธอเท่านั้น

“ได้สิครับ แต่ครั้งนี้พ่อจะทำชิงช้าของจริงให้หนูนะ”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างลึกลับ

จากนั้นเดินเข้าไปหยิบเครื่องมือในห้องเก็บของ

เก้าอี้ที่นั่ง เชือกและมัดปลายเชือกทั้งสองข้างให้แน่น ทุกขั้นตอนนี้รพีพงษ์เป็นคนลงมือทำคนเดียว

จากนั้นไม่นาน ชิงช้าก็ทำเสร็จ

“คุณพ่อเก่งที่สุดเลยค่ะ!”

หนูลินยืนปรบมืออยู่ข้างๆ อย่างมีความสุข ในขณะนี้ รพีพงษ์เป็นเหมือนฮีโร่ในใจเธอ

จากนั้นรพีพงษ์ก็อุ้มขวัญนลินไปนั่งที่ชิงช้า และทั้งสองก็เล่นกันอย่างสนุกสนาน

อารียาที่ยืนอยู่ข้างๆ คอยเตือนรพีพงษ์ด้วยความเป็นห่วง แต่หนูลินก็ยังให้รพีพงษ์เหวี่ยงชิงช้าให้สูงขึ้น

ซึ่งแน่นอนว่านายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์ต้องฟังคำสั่งของลูกสาวอยู่แล้ว เขาใช้พลังจิตวิญญาณอย่างลับๆ ทุกครั้งที่เหวี่ยงชิงช้าให้สูงที่สุด

ด้วยเหตุนี้ หนูลินดูมีความสุขและไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่นิด

รพีพงษ์คิดในใจว่าสมเป็นลูกสาวของเขาจริงๆ ที่มีความกล้าหาญเช่นนี้

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ความสนใจทั้งหมดของรพีพงษ์ก็อยู่ที่หนูลิน และจิตวิญญาณเทพทั้งหมดของเขาก็เข้ามาปกป้องหนูลินโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

เพราะว่าในขณะนี้ชิงช้าเหวี่ยงได้สูงมาก และเขาจะปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุไม่ได้

แต่ในทันใดนั้น รพีพงษ์ก็รู้สึกเอะใจ เพราะเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในร่างที่อ่อนเยาว์ของหนูลินนั้นมีพลังวิเศษอะไรบางอย่างอยู่

จากนั้นเขาใช้จิตวิญญาณเทพตรวจหาอย่างละเอียดอีกครั้ง และในครั้งนี้เขาก็ได้ค้นพบครั้งสำคัญ

ในร่างกายของหนูลินนั้น รพีพงษ์สัมผัสถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณเทพ

เพียงแต่ว่าสิ่งที่แตกต่างจากมนุษย์ทองคำตัวน้อยในความคิดเขาคือ จิตวิญญาณเทพในร่างกายของหนูลินนั้นเป็นเพียงเมล็ดถั่วที่ยังคงหลับใหลอยู่และยังไม่ได้ถูกปลุกให้งอกงามขึ้นมา

แต่ทั้งหมดนี้ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ขวัญนลินก็เป็นบุคคลที่มีจิตวิญญาณเทพโดยธรรมชาติด้วยเช่นกัน สำหรับการตื่นจากการหลับใหลของจิตวิญญาณเทพในตัวเธอนั้นเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น!

รพีพงษ์อดไม่ได้ที่จะชื่นชมและตื่นเต้นกับการค้นพบของเขา

ในฐานะที่เป็นบุคคลที่เกิดมาพร้อมกับจิตวิญญาณเทพ และยังปลุกจิตวิญญาณเทพให้ตื่นขึ้นมาได้ เขาจึงรู้ว่าการฝึกฝนวิชานั้นสำคัญมากแค่ไหน

พรสวรรค์แบบนี้ ถ้าไม่ไปฝึกวิชาก็คงเสียดายแย่เลย

เพียงแต่ว่า ตอนนี้หนูลินยังเด็กเกินไป อย่างน้อยคงต้องรออีกแปดถึงสิบปีถึงจะสัมผัสกับเส้นทางแห่งการฝึกฝนวิชาได้

ถึงอย่างนั้นตอนนี้รพีพงษ์ก็พึงพอใจแล้ว และในเวลาเดียวกัน เขารู้สึกมั่นใจว่าจะได้มีโอกาสฝึกฝนวิชาไปพร้อมกับภรรยาและลูกสาวของเขา!

หลังจากเล่นอย่างสนุกสนานเสร็จ รพีพงษ์ก็พาหนูลินที่พึงพอใจกับการเล่นในวันนี้กระโดดลงจากชิงช้า

จากนั้นทั้งสามก็รวมตัวกันที่โต๊ะอาหารเพื่อรับประทานอาหารพร้อมกัน ส่วนชนิสราก็คอยยืนให้บริการอยู่ข้างๆ

“พี่สา เราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันแล้ว มานั่งกินด้วยกันเถอะ” รพีพงษ์พูดเบาๆ

ชนิสราพยักหน้าและนั่งลงด้วยรอยยิ้ม

“พี่ดูแลหนูลินได้ดีขนาดนี้ ผมไม่รู้จะขอบคุณพี่ยังไงแล้ว” รพีพงษ์พูด

“นั่นสิคะ คุณยายสาใจดีกับหนูลินที่สุดเลย ทุกครั้งที่มีของอร่อยๆ คุณยายสาจะให้หนูกินก่อน แล้วก็ คุณยายสารักหนูที่สุดเลยนะคะ” หนูลินพูดด้วยสำเนียงเด็กด้วยความน่ารักน่าชัง

ชนิสรายิ้มอย่างเขินอาย “หนูลินน่ารักขนาดนี้ อีกอย่างคุณชายรพีก็ดีกับดิฉันขนาดนี้ ดิฉันก็ต้องดูแลคุณหนูน้อยให้ดีที่สุด และดิฉันจะไม่ทำให้คุณนายกับคุณหญิงผิดหวังค่ะ”

รพีพงษ์มองไปที่อารียาแล้วพูดเบาๆ “แคลร์ คุณจำได้ไหม ตระกูลลัดดาวัลย์ของเราเพิ่งมีโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ที่เกียวโต”

“ใช่ โครงการคฤหาสน์ตระกูลหลิน เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมาในระดับไฮเอนด์” อารียาพูด

เธอเป็นคนดูแลกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์มาตลอด ดังนั้นเธอจึงรู้รายละเอียดของอสังหาริมทรัพย์นี้ดี

“ผมว่าตำแหน่งของโครงการคฤหาสน์ตระกูลหลินก็ดีเหมือนกันนะ อีกอย่างมันอยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ตระกูลลัดดาวัลย์ด้วย เอางี้ไหม เราเลือกวิลล่าในโครงการสักหลังให้กับพี่สา คุณเห็นด้วยไหม”

“คุณเป็นหัวหน้าครอบครัว ฉันเห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณอยู่แล้ว” อารียายิ้มพูด

“งั้นเราตกลงตามนี้เลยนะ”

รพีพงษ์หันไปพูดกับชนิสรา “พี่สาครับ ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากเรานะครับ ถึงแม้จะไม่ได้แพงมากนัก แต่พี่สารับมันไว้นะครับ”

“คุณ……คุณชาย”

ชนิสราเกินคำบรรยาย

เธอรู้ดีกว่าโครงการคฤหาสน์ตระกูลหลินนั้นเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของเมืองเกียวโต

ซึ่งผู้ที่สามารถอาศัยอยู่ในนั้นล้วนเป็นเหล่าเศรษฐีทั้งนั้น

ที่สำคัญไปกว่านั้นคือที่ดินในนั้นแพงกว่าทองคำเสียอีก ซึ่งวิลล่าหลังหนึ่งในโครงการคฤหาสน์ตระกูลหลินนั้น ราคาต้องทะลุร้อยล้านอย่างแน่นอน!

“ไม่ได้นะคะคุณชาย มันแพงเกินไปสำหรับดิฉัน ดิฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆ!” ชนิสรารีบพูดต่อ “ดิฉันก็ไม่ได้ทำอะไรให้คุณชายกับคุณหญิงเลย ดิฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆ นะคะ ถ้าคุณชายจะให้ดิฉัน ดิฉันต้องลำบากใจแน่เลยค่ะ”

รพีพงษ์ยิ้มพูด “พี่สา พี่ไม่ต้องปฏิเสธแล้ว ที่ผมพาพี่มาที่เกียวโตจากเมืองริเวอร์ ก็เพราะว่าผมเห็นคุณงามความดีของพี่ ผมรู้ว่าพี่จริงใจกับพวกเรามาก”

“ส่วนเรื่องที่พี่จะทำอะไรให้กับพวกเรานั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่หรอกครับ แค่เรื่องที่พี่ช่วยดูแลหนูลินให้เรา มันก็ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมแล้วครับ!”

“แต่ว่า……” ชนิสราไม่รู้จะพูดอะไรในชั่วขณะ

“เอาล่ะ พี่สา นี่เป็นสิ่งที่พี่สมควรได้รับนะ ปกติหนูกับรพีพงษ์งานเยอะ และพี่ก็ทำงานเหนื่อยกว่าพวกเรา อีกอย่างพี่ก็รู้นิสัยของรพีพงษ์ดี สิ่งที่เขาตั้งใจจะให้นั้น เขาไม่มีวันเอากลับไปหรอก จะว่าไป สำหรับตระกูลลัดดาวัลย์ของเรามันก็แค่วิลล่าหลังเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย” อารียาพูด

“งั้น……ขอบพระคุณนะคะ” ในที่สุดชนิสราก็ยอมรับอย่างไม่เต็มใจมากนัก

เพียงเพราะคำพูดคำเดียวของรพีพงษ์ ชนิสราที่เป็นคนซื่อสัตย์คนนี้ก็กลายเป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สินหลักร้อยล้านทันที

“แล้วลูกสาวพี่ภารุจาเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้คงใกล้เรียนจบแล้วสินะ ถ้าเธอยังไม่ได้หางาน ให้เธอมาที่เกียวโตก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะให้เธอเข้าไปทำงานในบริษัทของตระกูลลัดดาวัลย์ของเรา” รพีพงษ์พูด

“จริงเหรอคะคุณชาย!”

ชนิสรามองรพีพงษ์อย่างซาบซึ้ง

ภารุจาเพิ่งจะเรียนมหาลัยปีสี่ แม้จะยังเรียนอยู่ในปีสุดท้าย แต่เธอก็เริ่มหางานทำแล้ว อีกอย่างเธอเป็นคนเรียนเก่งและหลายๆ บริษัทก็ต้องการให้เธอเข้าไปทำงานด้วย

เพียงแต่ว่าภารุจานั้นต้องการมาที่เกียวโตมาก ไม่ใช่เพราะความเจริญรุ่งเรืองของเมืองนี้ แต่เพราะแม่ของเธอที่อยู่ในเกียวโตต้องการให้คนมาดูแล

แล้วถ้าหากให้เธอไปมาแบบนี้คงต้องเสียงานพอดี

“ผมต้องพูดจริงอยู่แล้วครับ”

รพีพงษ์ยิ้มพูด จากนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา “ชยิน ผมหาผู้ช่วยให้คุณแล้วนะ เด็กจบใหม่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยบาสแตร์ คุณต้องดูแลเธอให้ดีนะ จริงด้วย เขาเป็นเด็กผู้หญิงที่ทั้งน่ารักและทั้งกตัญญู คุณต้องรักษาเธอให้ดีนะ”

เมื่อพูดจบเขาก็กดวางสายลง

ชนิสรารู้สึกตื่นเต้นจนแทบจะคุกเข่าให้รพีพงษ์

“ดิฉันสร้างบุญอะไรไว้ในชาติที่แล้ว ทำไมถึงโชคดีที่เจอคนใจดีอย่างคุณนายกับคุณหญิงได้ ดิฉันขอขอบพระคุณจริงๆ นะคะ” ชนิสราพูด

“คนดีก็ย่อมได้ดีสิครับ”

รพีพงษ์พูดอย่างใจเย็น

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท