“แคลร์ คุณคุยกับชุติเทพพวกเขาไปก่อนนะ เดี๋ยวผมมา”
อารียาเห็นรพีพงษ์สีหน้าเริ่มเคร่งเครียด แม้เธอจะรู้สึกกังวล แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร
รพีพงษ์หันเดินออกจากคลินิกทันที
“ออกมา”
รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา
แม่นางทอผ้ากับชยนต์ที่เป็นหุ่นเชิดทั้งสองก็ปรากฏตัวออกมาต่อหน้ารพีพงษ์
หุ่นเชิดเป็นวิญญาณที่สามารถขยับตัวอย่างอิสระ และความเร็วของมันก็ไม่มีใครในโลกนี้เทียบได้
รพีพงษ์กำลังจะโกรธหลังจากที่เห็นเขาทั้งสอง แต่ในทันใดนั้น เขาก็สัมผัสถึงลมหายใจที่อ่อนแอของทั้งสอง และดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังบาดเจ็บอยู่
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ? ผมให้พวกคุณไปที่เกาะต่างประเทศ ทำไมถึงกลับมาเร็วขนาดนี้” รพีพงษ์ถาม
“นายท่านคะ แม่นางทอผ้าเกือบจะไม่มีโอกาสกลับมาหานายท่านแล้วค่ะ” แม่นางทอผ้าพูด แม้เธอจะร้องไห้ไม่ได้ แต่สามารถมองเห็นความเศร้าโศกของเธอได้อย่างชัดเจน
“ชยนต์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
รพีพงษ์ถามชยนต์
ชยนต์พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “นายครับ เกาะที่นายท่านพูดถึง เกิดเรื่องแล้วครับ!”
“เกิดเรื่อง?”
รพีพงษ์รู้สึกตกใจมาก
บนเกาะนั้นมีเพียงศิษย์พี่กับศิษย์น้องของเขา คนเหล่านั้นล้วนมีพรสวรรค์ทั้งนั้น และทุกคนในนั้นยังเป็นคนที่ชัชพิสิฐเป็นคนเลือกมาเองด้วย ซึ่งในตอนที่รพีพงษ์อยู่ คนเหล่านี้ก็ได้บรรลุไปถึงแดนปรมาจารย์แล้ว
และหลังจากที่ชัชพิสิฐล้มเหลวครั้งล่าสุดนี้ รพีพงษ์กับพี่น้องของเขาได้ค้นพบยาชั้นเลิศมากมายที่สุสานกษัตริย์ฉิน นอกจากนี้ยังมีหนังสือโบราณอีกหลายๆ เล่มอีกด้วย
ซึ่งของทั้งหมดนั้นรพีพงษ์ไม่ได้เก็บมันไว้เอง แต่ทิ้งไว้ที่นั่นหมด
รพีพงษ์เชื่อในความสามารถของพวกเขา เขาเชื่อว่าการที่พวกเขาจะพัฒนาไปถึงแดนดั่งเทพนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
แต่แล้วกลุ่มคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้จะเกิดเรื่องกับพวกเขาได้ยังไง?
“ชยนต์ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังที สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นที่เกาะ ทำไมพวกคุณสองคนถึงกลับมาในสภาพแบบนี้ได้!”
รพีพงษ์ถาม
“ผมกับแม่นางทอผ้าเพิ่งเจอเกาะเมื่อบ่ายวานนี้ครับ เราเดินอยู่บนเกาะประมาณสิบนาทีแล้ว แต่ก็ไม่เห็นใครเลยครับ”
“เป็นไปไม่ได้!” รพีพงษ์พูด “เกาะไม่ได้ใหญ่อยู่แล้ว ทำไมเดินอยู่บนเกาะตั้งสิบนาทีแต่ยังไม่เห็นใครเลยล่ะ? หรือว่าพวกเขาออกจากเกาะกันหมดแล้ว?”
ชยนต์ส่ายหัว จากนั้นแม่นางทอผ้าที่เป็นคนใจร้อนก็พูดแทรกขึ้นมา “พูดจาติดๆ ขัดๆ ซื่อบื้อจริง ๆ ฉันเล่าเอง”
หลังจากเงียบไปสักพักแม่นางทอผ้าก็พูดต่อ “หลังจากนั้นเราก็สำรวจไปทั่วเกาะ แต่น่าเสียดายที่ไม่เจอศิษย์พี่ศิษย์น้องของนายท่านเลยค่ะ แล้วในระหว่างที่เราตัดสินใจจะกลับมา เราก็พบสุสานโบราณแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากเรา”
รพีพงษ์พยักหน้าเบาๆ เรื่องสุสานโบราณคงไม่ต้องพูดอะไรมาก มันต้องเป็นสุสานที่เขาเป็นคนสร้างให้กับกษัตริย์ฉินอย่างแน่นอน
“หนูกับชยนต์คิดว่าสุสานโบราณนี้ค่อนข้างแปลก จากนั้นเราทั้งสองจึงเข้าไปข้างใน และทันทีที่เข้าไปเราก็ได้กลิ่นแปลกๆ จากด้านในนั้น”
“กลิ่นอะไร!” รพีพงษ์ถาม
“มันเป็นกลิ่นเลือดที่ค่อนข้างแรงเลยค่ะ!” แม่นางทอผ้าตอบ
“กลิ่น……กลิ่นเลือด?”
รพีพงษ์รู้สึกตกใจมาก จากนั้นรีบถามต่อ “แล้วพี่น้องของผมล่ะ พวกเขาเป็นยังไงบ้าง!”
แม้รพีพงษ์จะยังไม่อยากเชื่อ แต่ในใจเขาก็รู้สึกสังหรณ์ที่ไม่ดี
“เจ้านายคะ เจ้านายใจเย็นๆ ก่อนนะคะ หลังจากที่หนูกับชยนต์เข้าไปในถ้ำอุโมงค์สุสานนั้นแล้ว เราได้เจอใครบางคนที่คล้ายกับพวกเราด้วย!”
“คล้าย……กับพวกคุณ? หมายถึงเขาเป็นหุ่นเชิดด้วยเหรอ?” รพีพงษ์ถาม
ชยนต์กับแม่นางทอผ้าพยักหน้า “นายท่านคะ ศิษย์พี่ศิษย์น้องของนายท่านถูกเขาขังไว้ในหลุมฝังศพนั้น ส่วนเลือดบนพื้นก็เป็นเลือดจากบาดแผลของพวกเขานะคะ”
“เป็นไปไม่ได้!” รพีพงษ์กำหมัดไว้แน่นๆ ถ้าศิษย์พี่ศิษย์น้องของเขารวมตัวกันเพื่อสู้กับใครสักคน เกรงว่ายอดฝีมือก็ไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งของพวกเขาได้
“แต่ฝีมือของเขาคนนั้นอยู่เหนือกว่าหนูกับชยนต์เลยนะคะ!”
แม่นางทอผ้าพูด และชยนต์ก็เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ
“บาดแผลของพวกเราสองคนก็เป็นฝีมือจากเขาด้วยค่ะ”
รพีพงษ์ก้าวไปข้างหน้าแล้วใช้พลังจิตวิญญาณอย่างลับๆ และเขาก็สัมผัสถึงความรุนแรงของการบาดเจ็บของชยนต์กับแม่นางทอผ้า
คนคนเดียวสามารถจัดการกับหุ่นเชิดที่อยู่ในแดนดั่งเทพชั้นยอดถึงสองคน หรือว่าหุ่นเชิดที่อยู่ในหลุมฝังศพนั้นอยู่ในแดนเทพแล้ว?
“ต้องโทษคนซื่อบื้อคนนี้เลยค่ะ ความจริงแล้วฝีมือของไอ้หมอนั่นได้แค่เทียบเท่ากับพวกเราสองคน แต่ไม่รู้ทำไม จู่ ๆ เขาก็หยิบเม็ดยาขึ้นมากิน และหลังจากนั้นเขาก็จัดการกับพวกเราได้เลย”
แม่นางทอผ้าขยับเข้าไปพิงรพีพงษ์ “นายท่านคะ มีคนรังแกข้าน้อยแล้ว นายท่านต้องช่วยข้าน้อยเอาคืนนะคะ”
“เธอมีคู่ครองแล้วนะ ระวังภาพลักษณ์ด้วย”
รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชาแล้วมองไปที่ชยนต์ “เท่าที่ผมรู้ยาเม็ดไม่มีผลต่อหุ่นเชิดอย่างพวกคุณนะ ไม่อย่างนั้น ผมก็ทำยาเสริมกำลังให้พวกคุณกินได้แล้วสิ แต่พวกคุณกลับบอกว่าเห็นเขากินยาเม็ดเข้าไป หรือว่าพวกคุณกำลังโกหกผมอยู่?”
“ข้าน้อยไม่กล้าค่ะ”
ชยนต์กับแม่นางทอผ้าได้แต่ก้มหน้าตอบ
“นายท่านครับ ไอ้หมอนั่นกินยาเข้าไปจริงๆ นะครับ ผมเห็นกับตาเลย อีกอย่างผมเห็นยาเม็ดนั้นเป็นสีดำด้วยครับ หลังจากเขากินมันเข้าไป พลังของเขาก็เพิ่มมากขึ้น จนผมกับแม่นางทอผ้าต้านไม่อยู่เลยครับ”
ชยนต์พูดตามความเป็นจริง
และรพีพงษ์ก็รู้ว่าเขาทั้งสองไม่มีทางมาหลอกเขาอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า เรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อนึกถึงพี่น้องที่กำลังลำบาก รพีพงษ์ก็ยิ่งกังวลมากขึ้น
“รพีพงษ์”
อารียาเดินออกมาเรียกรพีพงษ์
รพีพงษ์เฝ้ามองอารียาที่เดินเข้ามาหาเขา
“แคลร์ ผมมีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ผมต้องรีบไปจัดการและจะรอช้าอีกไม่ได้แล้ว”
“ไปตอนนี้เลยเหรอ?”
อารียาถามกลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง
รพีพงษ์พยักหน้าตอบ “ตอนนี้ศิษย์พี่ศิษย์ของผมกำลังเจอปัญหาอยู่ พวกเขาต้องการให้ผมไปช่วย”
“งั้นคุณก็รีบไปสิ ระวังความปลอดภัยด้วยนะ”
“ครับ ช่วยอธิบายให้หนูลินด้วยนะ”
รพีพงษ์พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น หลังจากที่เพิ่งกลับมาบ้านเพียงแค่สองวัน และยังไม่ได้ใช้เวลาแห่งความสุขกับภรรยาและลูกสาวให้มากพอ ในตอนนี้เขาจำเป็นต้องออกจากบ้านไปที่เกาะเพื่อจัดการปัญหาอีกครั้ง
ชาติไก่ชนขนหัวไม่ต้องการ
“ชยนต์ แม่นางทอผ้า!”
รพีพงษ์หันกลับมาแล้วมองไปที่ทั้งสอง “พวกคุณช่วยดูแลภรรยากับลูกผมที่เกียวโตต่อนะ จะได้พักฟื้นตัวไปด้วย แล้วห้ามมีข้อผิดพลาดเด็ดขาดเลยนะ!”
“รับทราบ!”
ทั้งสองพูดพร้อมกัน
รพีพงษ์หันไปกอดอารียาอีกครั้ง และออกเดินทางไปยังเกาะต่างประเทศ เมื่อเห็นรพีพงษ์ทิ้งไว้แค่แผ่นหลังที่ค่อยๆ เดินจากไป อารียาก็ได้แต่น้ำตาซึม
“พี่สาวคะ”
เจสสิก้าที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เข้ามาจับมืออารียาไว้แล้วพูดเบาๆ “พี่อย่าเศร้าไปเลยนะ พี่รพีพงษ์เป็นคนที่ถูกเลือกแล้ว หนูว่าหลายๆ สิ่งที่เขาทำนั้นพวกเราได้แค่มองจริงๆ ฉะนั้นเราแค่ยืนอยู่เคียงข้างเขาแล้วคอยเป็นกำลังใจให้เขาก็เพียงพอแล้ว”
อารียาได้แต่พยักหน้าตอบ เธอไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเจสสิก้าจะให้กำลังใจเธอได้ขนาดนี้
การที่ได้เป็นผู้หญิงของคนอย่างรพีพงษ์นั้น ถือเป็นสิ่งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ในประเทศจีนต่างก็ใฝ่ฝันกัน ที่มากกว่านั้นคือรพีพงษ์ยังมีความสามารถที่มากกว่าใครๆ และยังเป็นคนที่รักภรรยากับลูกมากด้วย
รพีพงษ์ คุณบินให้สุดเลย ส่วนฉันกับหนูลิน คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ……
อารียาน้ำตาไหนริน จนกระทั่งรพีพงษ์เดินหายไปจากปลายถนน