พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1298 แผนการของนฤชัย

บทที่ 1298 แผนการของนฤชัย

บนเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่เหนือท้องทะเลอันกว้างใหญ่

เพื่อจะไปถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด ครั้งนี้รพีพงษ์ไม่ได้นั่งเรือประมงแต่เลือกที่จะนั่งเรือสปีดโบ๊ทหรูไปยังเกาะแห่งนี้

เขาขับสปีดโบ๊ทในท่ามกลางน้ำทะเลที่ถูกคลื่นซัด!

เมื่อเห็นตัวเกาะอยู่ไม่ไกลจากสายตา รพีพงษ์ก็สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

บนเกาะแห่งนี้ วฤนท์ธมอาจารย์ที่เขาเคยนับถือที่สุด ซึ่งก็คือชัชพิสิฐที่มาบนโลกนี้จากทวีปโอชวิน!

แต่สิ่งที่ทำให้รพีพงษ์รู้สึกแย่ก็คือ เขาได้พยายามทำสิ่งต่างๆ เพื่อชัชพิสิฐตั้งมากมายแล้ว แต่ในที่สุดชัชพิสิฐกลับต้องการสิงร่างเขา

ภาพในสุสานกษัตริย์ฉินยังคงติดตารพีพงษ์อยู่เสมอ เขากำหมัดไว้แน่นๆ แม้ว่าตอนนี้จะคาดเดาอะไรไม่ได้ แต่ในใจของเขามีลางสังหรณ์ว่าทวีปโอชวินน่าจะมีส่วนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่น้องสำนักสยบเซียนของเขาไม่มากก็น้อย!

จากนั้นรพีพงษ์กระโดดเบาๆ และได้เข้าสู่ชายฝั่งของเกาะแห่งนี้

จากครั้งที่แล้วที่รพีพงษ์มาเยือน แม้จะเป็นเกาะร้าง แต่วิวก็ยังถือว่าใช้ได้ แต่ในครั้งนี้ บรรยากาศของเกาะแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร

ในขณะที่รพีพงษ์กำลังรบรวมพลังจิตเพื่อจะเข้าสู่สุสานกษัตริย์ฉิน ทันใดนั้นพลังจิตของเขาก็สัมผัสถึงเสียงของเครื่องยนต์ที่แล่นมาจากด้านหลังเขา

เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเรื่อย ๆ และดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังแล่นมาที่เกาะแห่งนี้

รพีพงษ์หันมองกลับไป จากตำแหน่งที่เขาสามารถมองเห็น มีจุดสีดำเล็กๆ ปรากฏขึ้นที่ปลายขอบทะเลอันกว้างใหญ่

ซึ่งในครั้งนี้ความสามารถของรพีพงษ์แตกต่างจากครั้งก่อนแล้ว พลังจิตของเขาสามารถสัมผัสถึงสิ่งผิดปกติในระยะหลายกิโลเมตรได้

เขารู้สึกแปลกประหลาดมาก เพราะเกาะแห่งนี้ต้องใช้แผนที่ของชัชพิสิฐถึงจะมาถึงที่หมายได้ และเส้นทางมันก็ซับซ้อนมากพอ

ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วเรือที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาจะค้นพบเกาะนี้ได้อย่างไร?

ณ เวลานี้ เรือลำนั้นก็เข้าใกล้ฝั่งมากขึ้น เริ่มแรกเห็นเพียงจุดสีดำเท่านั้น แต่ในตอนนี้สามารถมองเห็นโครงร่างของเรือลำนี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว

รพีพงษ์มองดูเรือสีดำลำนั้น ซึ่งบนเรือใบมีธงสีดำโบกสะบัดตามสายลมอยู่ และในธงใบนั้นเป็นรูปเสื้อคลุมสีขาวที่เห็นได้อย่างชัดเจน

ทันใดนั้น รพีพงษ์ก็เข้าไปซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ข้างๆ หลังจากที่เรือเทียบท่าแล้ว กลุ่มคนเจ็ดถึงแปดคนก็กระโดดลงมาจากเรือ

คนเหล่านั้นแต่งกายด้วยชุดสีดำกันทุกคน ใบหน้าในหลังแว่นดำของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่ดูน่ากลัวมาก

ซึ่งเป็นการยากที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่คนเหล่านี้เคยประสบมาก่อน แต่มองแวบแรกก็สามารถรู้ได้ว่าต้องเป็นกลุ่มคนที่ล้มลุกคลุกคลานจากใบมีดที่แหลมคมมาแล้ว

“พี่ใหญ่ให้เรามาเกาะนี้ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ไหน”

“นั่นสิ ยังบอกว่าจะทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นได้ ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนกัน แต่อย่าให้พวกเราเสียเที่ยวก็พอ”

“เบาๆ หน่อย เดี๋ยวพี่ใหญ่ได้ยินเข้าพวกนายต้องตายแน่”

“เหอะ ก็แค่หุ่นเชิดตนหนึ่ง รอระดับฝีมือของกูเพิ่มขึ้นก่อน คอยดูว่ากูจะฟังเขาอยู่ไหม?”

“พอได้แล้ว พวกนายไม่รู้สึกว่าเกาะนี้มันจะเงียบไปหน่อยเหรอ?”

ทันใดนั้นหัวหน้ากลุ่มก็พูดขึ้น และทำให้ทุกคนเงียบไป

รพีพงษ์ที่หลบอยู่ในพุ่มไม้ได้ยินบทสนทนาของคนกลุ่มนี้ได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้ตั้งใจมาหาหุ่นเชิดตนนั้นอย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่าคนกลุ่มนี้เรียกหุ่นเชิดตนนั้นว่าหัวหน้า และหุ่นเชิดตนนั้นได้นัดพวกเรามาเจอกันที่เกาะนี้

รพีพงษ์ใช้พลังจิตอย่างลับๆ จากนั้นเขาต้องรู้สึกประหลาดใจ เพราะฝีมือของคนกลุ่มนี้ส่วนมากจะอยู่ในแดนปรมาจารย์แล้ว และหัวหน้าของพวกเขายังอยู่ใกล้แดนดั่งเทพแล้วด้วย

แต่สำหรับรพีพงษ์แล้ว ถ้าต้องเผชิญกับคนกลุ่มยังไม่ใช่อุปสรรคใดๆ เพียงแต่ว่าเป้าหมายหลักในตอนนี้คือพี่น้องของเขาที่ยังอยู่ในสุสานกษัตริย์ฉิน

ดังนั้นรพีพงษ์จึงไม่ได้สนใจคนกลุ่มนี้และรีบตรงไปยังปากทางเข้าของสุสานกษัตริย์ฉิน

ณ สุสานกษัตริย์ฉินในขณะนี้

ตำแหน่งตรงกลางสุดของห้องโถงอันวิจิตรงดงามในหลุมฝังศพนั้น มีศพของวฤนท์ธมที่เคยถูกชัชพิสิฐใช้มาก่อนถูกวางไว้บนแท่นหิน

และในบริเวณห้องโถงที่ติดกับกำแพง ในฐานะลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักสยบเซียนนั้น อาการของนฤชัยสาหัสที่สุด

ส่วนทั้งสองด้านของเขานั้นคือนิศมากับบาวัน ทั้งสองคนสีหน้าเคร่งเครียด เนื่องจากแขนขาถูกมัดไว้ และด้วยอาการบาดเจ็บ ทั้งสองจึงช่วยอะไรไม่ได้

“เจ้าหนู นี่เป็นครั้งที่สามแล้วนะที่นายท้าทายข้า นายคิดว่าฝีมือของนายจะสู้ข้าได้จริงๆ งั้นเหรอ?”

ชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีขาวและใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครายืนพูดกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงชา

ถ้าสังเกตดีๆ จะสามารถมองออกว่าชายวัยกลางคนคนนี้เป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาแตกต่างจากชยนต์กับแม่นางทอผ้านั้น เขาจะดูเหมือนมนุษย์ทั่วไปมากกว่า

นฤชัยที่ล้มลงนอนอยู่บนพื้นในขณะนี้เลือดไหลออกมาเต็มปาก

ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ เขาทำได้เพียงกัดฟันสู้เพื่อศิษย์น้องของเขา เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขาสู้อย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้จริงๆ

ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ คู่ต่อสู้เคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเขาก็ไม่อาจต้านทานได้แล้ว

“ศิษย์พี่……”

นิศมาและคนอื่นๆ รู้สึกกังวลมากเมื่อเห็นนฤชัยสู้อย่างไม่ยอมแพ้

“ยอมเถอะศิษย์พี่”

“นั่นสิ ขืนสู้ต่อไปมันอาจจะฆ่าศิษย์พี่ได้นะ!”

……

นฤชัยขมวดคิ้วและพยายามเสกดาบออกมาเพื่อประคองร่างกายของเขาให้ลุกขึ้นสู้ต่อ

จากนั้นเขาเช็ดคราบเลือดออกจากปากและกลืนเลือดในปากเข้าไป

เมื่อหันหน้าเข้าหาหุ่นเชิดตนนั้น เขาพยายามยืนให้นิ่งและชี้ดาบไปที่คู่ต่อสู้

“ไม่ว่าแกจะเป็นใครมาจากไหน ถ้ากล้าบุกเข้ามาในถิ่นของเรา ข้าจะหยุดแกให้ได้!”

หุ่นเชิดที่นั่งอยู่บนแท่นหิน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วกระโดดลงมาอีกครั้ง

“ว่าไงนะ นายคิดว่าที่นี่เป็นที่ของพวกนายงั้นเหรอ? ตลกสิ้นดี ตอนข้าอยู่ในเกาะแห่งนี้พวกนายยังไม่เกิดด้วยซ้ำ!”

จากนั้นเขาพูดต่อด้วยอารมณ์ความโกรธ “บอกมาเดี๋ยวนี้ กล่องยาเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน! ไม่อย่างนั้นพวกนายต้องตายกันทุกคน!”

นฤชัยแสดงสีหน้าเย็นชา หลังจากที่รพีพงษ์ออกจากเกาะนี้ พวกเขาคิดว่ายากล่องเหล่านี้มันมีค่ามากเกินไป ดังนั้นจึงนำออกไปซ่อนไว้ในเกาะ เพราะเกรงว่าเก็บไว้ในสุสานแห่งนี้จะไม่ปลอดภัย

“อยากรู้นักใช่ไหม? เข้ามาสิ เดี๋ยวข้าจะบอกแกเอง!” นฤชัยหรี่ตาพูดกับศัตรู

“ศิษย์พี่ อย่าบอกมันนะ!”

“ศิษย์พี่ ไอ้หมอนี่มันร้ายกาจเกินไป ห้ามบอกมันเด็ดขาดนะ!”

“หลังจากรพีพงษ์จากที่นี่ไป กล่องยาเหล่านั้นมันมีค่ามากแค่ไหน ศิษย์พี่ลืมไปแล้วเหรอ?”

……

เหล่าสาวกของสำนักสยบเซียนต่างก็ไม่เห็นด้วยกับนฤชัยที่จะบอกตำแหน่งของที่ซ่อนยาเหล่านั้นให้กับหุ่นเชิดตนนี้

“นฤชัย คุณ……ถ้าคุณบอกมัน เราจะไม่สนใจคุณอีก!” นิศมาพูดด้วยความโกรธและน้ำตาคลอเบ้า

นฤชัยไม่ได้สนใจคำพูดของใครอีก เขาได้แต่พูดกับหุ่นเชิดตนนี้ว่า “ถ้าข้าบอกตำแหน่งที่ซ่อนยาให้แก แล้วแกสัญญาว่าจะปล่อยคนของเราใช่ไหม?”

“แน่นอน” หุ่นเชิดพูดอย่างเย็นชา

“ได้สิ ข้าเชื่อแก เขามาสิ ข้าจะบอกแกตอนนี้” นฤชัยพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนล้า

หุ่นเชิดขยับเข้าไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาหยุดลงก่อนที่จะถึงตัวของนฤชัยเพียงสองก้าว

“ว่ามา” หุ่นเชิดพูด

“ไม่นะ ศิษย์พี่!”

บาวันตะโกนอย่างเศร้าใจ เธอพยายามจะดิ้นให้หลุดแต่กลับทำอะไรไม่ได้

นฤชัยไม่ได้สนใจคนที่อยู่ข้างหลังเขาเลย เขาได้แค่ขยับริมฝีปาก แต่เนื่องจากร่างกายที่บาดเจ็บอย่างสาหัส เขาจึงพูดเสียงเบามาก

“นายว่ายังไงนะ พูดดังๆ หน่อย!” หุ่นเชิดเริ่มอารมณ์เสียอีกครั้ง

“ข้า……ข้าพูดดัง ดังที่สุดแล้ว ช่วย……ขยับเข้ามาอีก” นฤชัยพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา

จากนั้นหุ่นเชิดก็เดินเข้าไปอีกสองเก้า และมายืนอยู่ตรงหน้านฤชัย

“ว่ามา ใกล้ขนาดนี้คงได้ยินชัดเจนแล้วนะ ถ้าไม่อยากตายอย่าคิดตุกติกเชียวล่ะ!”

นฤชัยพยักหน้าเบาๆ เพื่อบอกให้ศัตรูเข้าใกล้เขาอีกนิด

เมื่อได้จังหวะที่พอเหมาะ รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นนัยน์ตาของนฤชัย

“กล่อง……ยา ถูกซ่อนไว้……”

“ซ่อนไว้ที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้!”

“ถูกซ่อนไว้ใน……”

ทันใดนั้น ดาบของนฤชัยก็ออกมาจากฝัก เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อเอาดาบแทงไปที่ศัตรู

ทุกคนที่อยู่ข้างหลังเมื่อเห็นเหตุการณ์กะทันหันนี้ต่างก็พากันตกใจกลัว

ที่แท้แล้วทั้งหมดนี้เป็นแผนการของนฤชัย จุดประสงค์ก็คือสังหารเขาในระยะใกล้

“ไปตายซะ!” นฤชัยตะโกนพูด

“ไอ้สารเลว กล้าหลอกข้างั้นเหรอ!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท