พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1300 ระเบิดพลัง

บทที่ 1300 ระเบิดพลัง

“ไม่คิดเลยว่าเราจะล้าหลังเขาไปมากขนาดนี้”

เมื่อนฤชัยเห็นระดับฝีมือของรพีพงษ์ก็รู้สึกผิดหวังในตัวเองเล็กน้อย

ตั้งแต่รพีพงษ์ออกไปจากเกาะนี้ นฤชัยได้ฝึกฝนอย่างหนักทุกวัน จนกระทั่งเกือบเทียบเท่าแดนดั่งเทพได้ในวันนี้ เหลือเพียงก้าวเดียวเท่านั้นที่เขาจะผ่านไปอีกขั้น

เดิมทีคิดว่าถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งเขาจะเซอร์ไพรซ์รพีพงษ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ารพีพงษ์ได้ก้าวเข้าสู่แดนเทพไปแล้ว และมันก็ทำให้ฝีมือของพวกเขาแตกต่างออกไปอีกขั้น

แม้ระดับของแดนเทพกับจุดสูงสุดของระดับแดนดั่งเทพจะต่างกันไม่มากนัก แต่เมื่อพูดถึงฝีมือการต่อสู้นั้นมันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

อารมณ์ของนฤชัยค่อนข้างซับซ้อน เขาทั้งชื่นชมและทั้งรู้สึกอิจฉา เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่รพีพงษ์กลับอยู่เหนือกว่าเขาตั้งมาก

ในเวลานี้ บาวันที่เพิ่งสลบไปก็ค่อยๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าบาวันได้สติ นิศมาก็รู้สึกโล่งใจทันที

“ศิษย์พี่นิศมา หนูเพิ่งเห็นรพีพงษ์ใช่ไหม หรือเป็นแค่ภาพลวงตา” บาวันพูดกับนิศมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา

ดวงตาของนิศมาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “บาวัน เธอดูนั่นสิ เขาคือใคร!”

บาวันมองตามทิศทางที่นิศมาชี้ และเธอก็เห็นชายร่างสูงที่ยืนหันหลังอยู่ตรงหน้าเธอ

แม้เธอจะไม่เห็นใบหน้าของชายคนนั้น แต่ท่ายืนที่หนักแน่นและความน่าเกรงขามของเขาก็ทำให้บาวันมั่นใจว่าชายผู้คนนี้ก็คือรพีพงษ์!

“รพี……รพีพงษ์ เขามาแล้วจริงๆ” บาวันพูดอย่างตื่นเต้น

และในขณะนี้ รพีพงษ์ยังคงจดจ่อกับการเผชิญหน้ากับนภวัต

หุ่นเชิดในแดนเทพ เป็นใครแรกที่เขาได้พบกับหุ่นเชิดที่อยู่ในระดับนี้ ไม่แปลกเลยที่ชยนต์กับแม่นางทอผ้าที่มีฝีมือในระดับแดนดั่งเทพชั้นยอดยังต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา

แต่อย่างไรก็ตาม รพีพงษ์เคยสังหารจิรพนธ์ที่เป็นยอดฝีมือในแดนเทพมาแล้ว ดังนั้นแค่หุ่นเชิดตนเดียวไม่ใช่อุปสรรคสำหรับเขาอยู่แล้ว

“เอาล่ะนะ เราวอร์มกันเสร็จแล้ว ได้เวลาเอาจริงแล้วล่ะ”

รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา

นภวัตขมวดคิ้ว เพราะหมัดที่ปะทะกันเมื่อครู่นี้ เขาสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของรพีพงษ์ที่อยู่เหนือกว่าเขา และเขายังต้องใช้แรงทั้งหมดในการปะทะกับรพีพงษ์เมื่อครู่นี้อีกด้วย

คงเป็นไปไม่ได้ที่เราใช้พลังทั้งหมดแล้ว แต่มันแค่อุ่นเครื่องหรอกนะ?

“เจ้าหนู นายอย่าหลงตัวเองมากไป เราต่างก็เป็นแดนเทพขั้นแรก แล้วนายเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน!”

นภวัตพูดอย่างเสียงดัง

แต่รพีพงษ์กลับดูนิ่งสงบ และไม่มีความผันผวนของลมหายใจในทั่วร่างกายของเขาเลยแม้แต่นิด

“บางที เราจะเอาระดับมาตัดสินไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้เราต่างก็อยู่ในแดนเทพขั้นแรก แต่พลังความแข็งแกร่งของเรานั้นมันต่างกัน”

“ไร้สาระสิ้นดี!”

นภวัตพูดด้วยความโกรธ แต่หลังจากนั้นเขาก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นความน่ากลัวของรพีพงษ์

กระบี่สยบเซียนสีทองค่อยๆ ขยายตัวออกมา และในที่สุดก็ตกไปอยู่ในมือของรพีพงษ์

“ผมไม่เคยไร้สาระ”

รพีพงษ์พูดอย่างเย็นชา จากนั้นเขาชี้ดาบไปที่ศัตรูแล้วฟันไปที่ตัวของเขา

นภวัตที่เห็นกระบี่สยบเซียนก็รู้ว่ากระบี่เล่นนี้ไม่ใช่อาวุธธรรมดาอย่างแน่นอน

เขาจึงรีบแปลงดาบยาวออกมาเล่มหนึ่ง แต่หลังจากที่ดาบของเขาสัมผัสกับดาบของรพีพงษ์ ดาบของเขาก็แตกหักไปเป็นเสี่ยงๆ ทันที!

“ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าคุณต่างกับผมยังไง?”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วเหวี่ยงออกไปอีกหนึ่งหมัด

ซึ่งหมัดก่อนหน้านี้ นภวัตต้องใช้แรงทั้งหมดกว่าจะต้านทานพลังหมัดของรพีพงษ์ได้ และในครั้งนี้ แม้เขาจะรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่เขาคิดว่าน่าจะรับมือกับหมัดของรพีพงษ์ไหว

ทั้งสองจึงเหวี่ยมหมัดออกมาปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง เป็นการโจมตีที่เหมือนเดิมทุกอย่าง หมัดต่อหมัด แต่ในครั้งนี้สิ่งที่แต่งต่างกันก็คือผลลัพธ์

แคร่ก!

นิ้วทั้งห้าของนภวัตแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นตามด้วยพลังที่รุนแรงขยับขึ้นไปบนแขนของนภวัต

ซึ่งแรงอันทรงพลังนี้ขยับไปถึงไหน กระดูกแขนของนภวัตก็แตกหักไปถึงนั่น

ทันทีหลังจากนั้น ร่างอันสูงใหญ่ของนภวัตก็กระเด็นออกไปเป็นสิบเมตรและฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง

“เป็นไปได้ยังไง? ทำไมจู่ ๆ พลังของนายเพิ่มขึ้นได้ขนาดนี้!”

การโจมตีในครั้งแรกเขายังสามารถต้านทานแรงของรพีพงษ์ได้ แต่ในครั้งนี้ เขาไม่มีแม้แต่โอกาสในการหลบการโจมตีเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่หุ่นเชิดตนนี้ไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ!

“เหตุผลง่ายๆ สิ่งที่ผมมีนั้นคุณไม่มีไงล่ะ”

รพีพงษ์พูดง่ายเรียบง่าย ด้วยหมัดที่เรียบง่ายแต่แอบแฝงด้วยพลังวิเศษเสนที่ทุกคนในทวีปโอชวินต่างก็ต้องอิจฉา

และที่สำคัญกว่านั้นคือ ระดับฝีมือในการต่อสู้ของรพีพงษ์แข็งแกร่งขี้น พลังวิเศษเสนของเขาก็รุนแรงขึ้นด้วยเช่นกัน

ซึ่งความแข็งแกร่งของพลังวิเศษเสนนั้นรุนแรงกว่าเน่ยจิ้งเป็นสิบเท่า ดังนั้นแม้จะเป็นแดนเทพขั้นพีคที่เท่ากัน แต่นภวัตไม่มีทางรับมือรพีพงษ์ได้อย่างแน่นอน

“บ้าจริง ไอ้เด็กน้อยอย่างนายยังพอมีของด้วยสินะ”

นภวัตพูดอย่างเย็นชา และค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก

จากนั้นเส้นเลือดในดวงตาขอเขากลายเป็นสีแดงที่เห็นได้อย่างชัดเจน และลมหายใจสีดำค่อย ๆ แผ่ออกมาจากตัวเขา

ชั่วขณะนั้น กลิ่นอายแห่งความตายได้ปกคลุมไปทั่วห้องโถงนี้

รพีพงษ์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย เขาไม่เห็นศัตรูกินยาอะไรเพิ่มเลย แต่ทำไมจู่ๆ พลังของเขาถึงเพิ่มขึ้นได้

“ไอ้หนู นายเก่งอยู่นะ แต่โชคร้ายที่นายต้องมาเจอข้าในวันนี้ ให้มันจบเท่านี้ก็แล้วกัน ข้าจะให้นายได้สัมผัสความโมโหจากองครักษ์กล้าตาย!”

ความโมโหจากองครักษ์กล้าตาย?

โดยที่ไม่รอช้า นภวัตพุ่งเข้าใส่รพีพงษ์ทันที

ในฐานะที่เป็นหุ่นเชิด ความเร็วนั้นเป็นสิ่งที่ได้เปรียบอยู่แล้ว แต่ในครั้งนี้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นจนรพีพงษ์ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หือ!

ทันใดนั้นรพีพงษ์รู้สึกว่ามีลมอยู่ด้านหลังศีรษะของเขา ไม่รู้ว่านภวัตมาถึงเมื่อไหร่ เมื่อรู้ตัวอีกทีนภวัตถือค้อนใหญ่ในมือแล้วทุบไปที่ศีรษะของรพีพงษ์

โชคดีที่รพีพงษ์ตอบสนองได้เร็วพอ เขากระโดดไปด้านข้างและหลบการโจมตีของศัตรูได้

แต่หลังจากนั้นเขาก็เหมือนเห็นภาพหลอน ศัตรูในตอนนี้เหมือนกับเทพมรณะที่อยู่ทุกหนทุกแห่งในห้องนี้

รพีพงษ์รู้สึกกังวลมาก ไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องในสำนักสยบเซียนของเขาที่ยังอยู่ในห้องนี้

ถ้านภวัตที่เป็นเหมือนวิญญาณในขณะนี้เปลี่ยนเป้าหมายการโจมตีไปที่พี่น้องของเขา เขาต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน

ต้องลงมือโดยเร็วที่สุด!

รพีพงษ์ตัดสินใจจากนั้นยืนนิ่งอยู่กับที่และค่อยๆ หลับตาลง

บาวันและคนอื่นๆ ที่เห็นรพีพงษ์แสดงท่าทีเช่นนั้น ทุกคนต่างก็สงสัยว่ารพีพงษ์กำลังจะยอมแพ้ใช่ไหม?

แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เพราะด้วยความเร็วของศัตรูขนาดนี้นี้ ต่อให้เป็นพวกเขาเองก็ไม่อาจสู้ได้แม้แต่ในความคิด

มีเพียงนฤชัยที่นั่งพิงอยู่กำแพงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่ารพีพงษ์กำลังทำอะไร รพีพงษ์ไม่ได้คิดยอมแพ้อย่างแน่นอน แต่เขาจะใช้วิธีที่ดีกว่าในการจัดการกับศัตรู

เงาของนภวัตกะพริบไปมาอย่างรวดเร็ว ทุกๆ แสงสีเงินที่ปรากฏให้เห็นนั้นล้วนเป็นการโจมตีรพีพงษ์ทั้งนั้น

รพีพงษ์หลับตาลงอย่างมีสมาธิและรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบตัวเขา

ขอเพียงมีการเคลื่อนไหวของเสียงลมเพียงเล็กน้อยเขาก็ตรวจจับได้ทันที

ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!

รพีพงษ์มีแผนการหนึ่งเกิดขึ้นในความคิดของเขา

และในขณะนี้ ค้อนของรพีพงษ์ก็เหวี่ยงเข้ามาอีกครั้ง

จากการโจมตีเป็นสิบครั้งในก่อนหน้านี้ รพีพงษ์สามารถหลบได้หมด ดังนั้นหลังจากโจมตีครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย นภวัตคิดว่าเขาจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่คนของสำนักสยบเซียน

ขอแค่จับตัวพวกมันได้คนเดียวหรือสองคน รพีพงษ์ก็จะยอมแพ้เอง!

แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ครั้งนี้รพีพงษ์ไม่ได้จะหลบการโจมตีของเขาอีก!

ค้อนเหวี่ยงลงมาในระยะที่ใกล้ขึ้น

รพีพงษ์จับการเคลื่อนไหวของศัตรูได้แล้ว

แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้หลบการโจมตี และทำให้นภวัตรู้สึกประหลาดใจมาก

“ไอ้หนู หมดแรงแล้วสินะ!”

เมื่อเห็นรพีพงษ์ไม่มีการหลบหลีกการโจมตีอีก นภวัตจึงคิดว่ารพีพงษ์คงจะหมดแรงหลังจากถูกโจมตีนับสิบครั้งของเขา

ในขณะที่เขากำลังได้ใจนั้น และทันใดนั้นรพีพงษ์เอื้อมมือออกไป จากนั้นกระบี่สยบเซียนก็ปรากฏขึ้นที่มือของเขาและป้องกันการโจมตีของศัตรูไว้ได้

นภวัตที่เห็นเช่นนี้ก็พยายามจะไหวตัวออกห่างจากรพีพงษ์เหมือนการโจมตีของสิบครั้งที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้เขากลับทำไม่ได้อย่างที่คิด เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก

มือซ้ายของรพีพงษ์ถือกระบี่สยบเซียน และในขณะเดียวกัน เขาใช้พลังวิเศษเสน และทำให้มือขวาของเขาแปลงแส้ยาวออกมาเส้นหนึ่ง

แส้ยาวเส้นนั้นผูกอยู่ที่ข้อเท้าของนภวัตจนทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้

“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”

นภวัตตะโกนอย่างเสียงดัง

รพีพงษ์ไม่ได้สนใจเขา “วันนี้เป็นวันสลายวิญญาณของคุณ!”

“แก……”

สีหน้านภวัตกลับกลายเป็นความกลัว

สำหรับหุ่นเชิดนั้น ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการถูกสลายวิญญาณแล้ว

“ข้าอยู่บนโลกนี้มานานหลายร้อยปีแล้ว แกจะเอาอะไรมาสลายวิญญาณข้า?”

“ไม่เชื่อก็ลองดู!”

จากนั้นยานร่ายมนตร์ปรากฏขึ้นกลางอากาศ และเข้ามาครอบคลุมนภวัตทันที

นภวัต เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ

ตราคุมจิต!

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท