รพีพงษ์มองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัย ดึกดื่นเที่ยงคืน คุณหนูน้อยเรียกตนเองไป เป็นไปได้ไหมว่าเธอมีแผนอะไรกับตนเอง?
หรือว่าตนเองหล่อจนทำให้ผู้หญิงทุกคนตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น?
รพีพงษ์แอบคิดอยู่ในใจ แต่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
“รีบมานี่เร็ว ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณ เดี๋ยวถ้าถูกทหารลาดตระเวนพบ มันก็จะแย่”
แม้ว่าจะถูกพวกทหารลาดตระเวนพบ รพีพงษ์ก็ไม่ใส่ใจ แต่เมื่อเขามองไปยังอีกฝ่ายที่กำลังกังวล เขาก็พยักหน้าและเดินไป
ทั้งสองขึ้นบันไดและมาถึงชั้นสาม
“คุณหนู ดึกดื่นเที่ยงคืน ชายและหญิงอยู่ในห้องเดียวกัน มันดูไม่เหมาะสม”
รพีพงษ์พูดกึ่งติดตลก
วรันธรไม่ได้พูดอะไร แต่เปิดประตูห้อง
“เชิญเข้ามาข้างใน”
วรันธรกล่าวกับรพีพงษ์
ตอนแรกรพีพงษ์ยังคงลังเล แต่แล้วเขาก็คิดว่า ในเมื่อคุณหนูน้อยคนนี้ใจกว้างขนาดนี้ ตนเองจะยังกระบิดกระบวนทำไม ไปฟังเรื่องที่เธออยากจะพูดกับตนเองจะดีกว่า
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง รพีพงษ์ได้กลิ่นหอมแปลก ๆ
“เครื่องหอมในห้องของคุณหนูคือกลิ่นอําพันทะเล?” รพีพงษ์กล่าวถาม
“คุณชายรู้จักด้วยหรือ?”
วรันธรมองไปที่รพีพงษ์ด้วยความประหลาดใจ
อําพันทะเลทำมาจากสารคัดหลั่งของวาฬหัวทุย มีกลิ่นหอมนานและติดทนนาน
เนื่องจากความพิเศษของวัตถุดิบ ทำให้มีราคาสูง ว่ากันว่าเป็นของราชวงศ์และพวกขุนนาง
รพีพงษ์ยิ้มและพยักหน้า “ในบ้านของผมพอมีอยู่บ้าง ดังนั้นจึงทำให้ผมรู้จักมัน”
“ดูเหมือนว่าคุณชายจะมาจากตระกูลใหญ่ รบกวนถามชื่อเสียงเรียงนามของคุณชาย”
“เกียวโต รพีพงษ์” รพีพงษ์กล่าวอย่างเรียบง่าย
หากอยู่ในเมืองเกียวโต ถ้าคนอื่นได้ยินชื่อนี้ พวกเขาจะต้องมองรพีพงษ์ด้วยความนอบน้อมและเลื่อมใสศรัทธา
แต่วรันธรไม่มีการตอบสนองใด ๆ หลังจากฟัง
“เกียวโต? เป็นสถานที่อย่างไร? มันเหมือนกับที่นี่หรือเปล่า?” วรันธรถามอย่างไม่รู้ตัว ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดู
รพีพงษ์ยิ้ม “เกียวโตไม่เงียบเหมือนที่นี่ มีความเจริญรุ่งเรืองกว่ามาก มีผู้คนอยู่มากมาย และรถราก็วิ่งขวักไขว่”
“อ้อ” วรันธรพยักหน้า เนื่องจากเธออาศัยอยู่แต่ในแดนลับ เธอจึงจินตนาการเค้าโครงของเกียวโตจากความคิดของตนเองเท่านั้น
“ถ้ามีโอกาส ฉันอยากจะไปดู เพียงแต่กลัวว่าในชีวิตนี้จะไม่มีโอกาส” วรันธรกล่าวอย่างเงียบ ๆ
“ทำไม?” รพีพงษ์งงงวย “เท่าที่ผมทราบ แดนลับของคุณจะเปิดทุกสิบปี ถ้าเป็นไปได้ คุณก็สามารถออกไปดูได้”
วรันธรส่ายศีรษะอย่างเงียบ ๆ และเดินไปที่หน้าต่าง “เป็นไปไม่ได้ ฉันเป็นลูกสาวของพ่อ ชั่วชีวิตนี้ฉันถูกลิขิตให้อยู่แต่ที่นี่ พ่อจะไม่ปล่อยให้ฉันไปจากที่นี่เด็ดขาด”
เมื่อเห็นดวงตาที่เศร้าของวรันธร ดูเหมือนรพีพงษ์จะเข้าใจแล้วว่าทำไมเสียงพิณของอีกฝ่ายจึงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
แม้ว่าวังแห่งนี้จะหรูหราและสง่างาม แต่มันเหมือนกรงที่ขังวรันธรไว้ วรันธรเหมือนนกในกรงไม่มีสิทธิ์ที่จะโบยบินออกไป
“รพีพงษ์ คุณช่วยเล่าเรื่องข้างนอกให้ฉันฟังได้ไหม ฉันรอมาหลายปีแล้ว และในที่สุดฉันก็รอใครสักคนมาจากโลกภายนอก” วรันธรกล่าวด้วยรอยยิ้ม
รพีพงษ์ไม่อาจปฏิเสธได้ จึงนั่งลงเล่าเรื่องเกี่ยวกับความสวยงามของโลกภายนอก
เมือง ป่าไม้ ทะเลทราย มหาสมุทร ภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ทุ่งหญ้า โชคดีที่รพีพงษ์มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวาง สถานที่พวกนี้เขาเคยไปเกือบทุกที่แล้ว ดังนั้นจึงเล่าได้อย่างมีชีวิตชีวา ส่วนวรันธรนั้นฟังอย่างเพลิดเพลิน
“ไม่คิดว่าโลกของคุณจะมีสีสันมากเช่นนี้ มันดีกว่าที่นี่มาก” วรันธรกล่าว
“ถ้าเป็นไปได้ ผมจะพาคุณออกไป” รพีพงษ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ช่างมันเถอะ ที่นี่พ่อของฉันเป็นใหญ่ ตอนกลางวันคุณก็เห็นแล้ว แม้กระทั่งเรื่องการแต่งงานของฉัน…….”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ วรันธรหยุดสักครู่ หลังจากนั้นมองรพีพงษ์ด้วยดวงตาที่สดใสและถามว่า “ตอนกลางวันในห้องโถงฉันได้ยินว่าคุณมีภรรยาอยู่ที่บ้านเกิดของคุณ”
รพีพงษ์พยักหน้า
“แล้วคุณรักภรรยาของคุณไหม?” วรันธรกล่าวถาม
“รักแน่นอน” รพีพงษ์กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ผมรักเธอมากกว่าสิ่งใดในโลก ถึงแม้ว่าผมจะเสียทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ ผมก็ไม่ลังเล”
วรันธรมองรพีพงษ์ด้วยสายตาที่เหม่อลอย แล้วถอนหายใจเบา ๆ “เยี่ยมมาก”
“ดังนั้น ได้โปรดยกโทษให้ผมที่เสียมารยาทกับคุณตอนอยู่ในวัง ถ้าพรุ่งนี้ผมชนะการแข่งขัน ผมจะไม่แต่งงานกับคุณแน่นอน นี่เป็นความรับผิดชอบของผมที่มีต่อคุณ”
“ฉันเข้าใจ” วรันธรพยักหน้า เหมือนกับเธอกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่
เมื่อรพีพงษ์เห็นว่าอีกฝ่ายมีความในใจ ก็ไม่ได้รบกวน เขามองไปที่การตกแต่งห้องโดยรอบ ๆ และถือโอกาสมองสำรวจว่าผลเทพถูกซ่อนอยู่ในห้องนี้หรือไม่
เมื่อเทียบกับห้องโถงที่งดงาม สถานที่นี้ดูน่าอยู่กว่ามาก
ห้องนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โบราณ พิณถูกวางไว้ข้างโต๊ะเครื่องแป้งอันวิจิตร ในห้องยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวของสาวๆ อีกด้วย ซึ่งทำให้รู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก
ที่มุมโต๊ะเครื่องแป้ง มีดาบขนาดเล็กที่สวยงามดึงดูดความสนใจของรพีพงษ์
กล่าวตามหลักเหตุผล ห้องของหญิงสาว ไม่น่าจะมีของแบบนี้อยู่
“ดาบเล่มนี้ประณีตมาก ให้ผมดูหน่อยได้ไหม”
ขณะที่พูด รพีพงษ์ยื่นมือไปที่ดาบเล็ก ๆนั้น
“ไม่ ไม่ได้ คุณห้ามแตะต้องมัน!”
หลังจากนั้น วรันธรก็รีบล็อกดาบเล่มเล็ก ๆ ไว้ในใต้โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่ของมีค่าอะไร ฉัน…..ฉันเก็บมันได้จากข้างทาง”
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของอีกฝ่าย รพีพงษ์ก็รู้ว่าดาบเล็ก ๆ เล่มนี้ต้องไม่ธรรมดา
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เปิดโปงหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
“รพีพงษ์ ฉันถามเรื่องหนึ่ง ถ้าคุณต้องแต่งงานกับคนที่คุณไม่ชอบ หรือถ้าคุณไม่สามารถอยู่กับคนที่คุณชอบได้ คุณจะทำอย่างไร?” วรันธรกล่าวถาม
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ในโลกนี้มีความไม่แน่นอนอยู่มากมาย เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่รักกัน แต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ แต่ว่าไม่ว่าจะยังไง ก็ต้องพยายามไขว่คว้าความสุขของตนเอง”
“พยายามไขว่คว้า? ” วรันธรกล่าวอย่างเงียบ ๆ แล้วพยักหน้า “คุณพูดถูก จะต้องพยายาม”
รพีพงษ์มองปฏิกิริยาของอีกฝ่าย และอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ดูเหมือนว่า……คุณหนู มีคนรักอยู่ในใจแล้ว”
หลังจากได้ยินประโยคนี้ วรันธรก็มองไปที่รพีพงษ์ “รพีพงษ์เรื่องที่ฉันพูดกับคุณในคืนนี้ คุณห้ามบอกให้พ่อของฉันเด็ดขาด ฉันจะไว้ใจคุณได้หรือไม่?”
“ได้แน่นอน นี่เป็นการสนทนาระหว่างเรา ทำไมต้องบอกพ่อของคุณด้วย” รพีพงษ์กล่าว
วรันธรกัดริมฝีปาก แล้วกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “วันนี้คุณพูดว่า แม้คุณจะชนะการแข่งขันคุณจะไม่แต่งงานกับฉัน ฉันก็เหมือนกัน การแข่งขันในวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าพวกคุณใครจะชนะก็ตาม ก็ไม่ใช่คนที่ฉันอยากจะแต่งงานด้วย”
เมื่อรพีพงษ์ได้ยินประโยคนี้ ก็ไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างไร เพราะตั้งแต่แรกเริ่ม เขาสามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังคิดอยู่
“เพียงแต่……อยู่ที่นี่ เรื่องการแต่งงานพ่อจะเป็นคนตัดสินใจ และเขาไม่ฟังความคิดเห็นของฉันเลย” วรันธรกล่าวอย่างเหม่อลอย
รพีพงษ์ยืนขึ้น และมองหน้าอีกฝ่าย
“เฮ้อ …… ” วรันธรถอนหายใจและกล่าวว่า “ต้องขอโทษด้วย ที่ให้คุณมาฟังฉันพูดจู้จี้ตอนดึกดื่น ทำให้คุณไม่ได้พักผ่อน”
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ไม่เป็นไร เพราะก่อนหน้านั้นผมก็ยังไม่หลับ แล้วก็ถูกเสียงพิณของคุณดึงดูด”
“จริงเหรอ คุณก็รู้เรื่องพิณด้วยเหรอ” วรันธรถาม
รพีพงษ์ไม่พูดอะไร แล้วหยิบพิณขึ้นมา
ด้วยท่าทางที่เชี่ยวชาญ รพีพงษ์ยืนอยู่ที่ขอบหน้าต่าง แสงจันทร์ทำให้ร่างของเขาดูสูงโปร่ง หลังจากนั้น เพลงแห่งความคิดถึงบ้านก็ดังขึ้นอย่างผ่อนคลาย
เสียงพิณนุ่มนวลต่อเนื่อง วรันธรฟังจนรู้สึกลุ่มหลง
จนกระทั่งทำนองสุดท้ายจบลง วรันธรน้ำตาคลอเบ้า
“รพีพงษ์ คุณ…….คิดถึงภรรยาของคุณอยู่ใช่ไหม?” วรันธรกล่าวถาม
รพีพงษ์พยักหน้า ครั้งก่อนเขาอยู่บ้านเพียงไม่กี่วัน เขามีเวลาอยู่กับอารียาและหนูลินน้อยมาก
“ดูเหมือนว่า คืนนี้ฉันเลือกเล่าความในใจถูกคนแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เห็นคุณในวัง ฉันคิดว่าคุณดีกว่าพชรมาก นี่คงจะเรียกว่าการถูกชะตา และฉันรู้สึกขยะแขยงสายตาที่พชรมองฉันมาก แต่คุณไม่เหมือนเขา” วรันธรกล่าว
รพีพงษ์ยิ้มจาง ๆ ตนเองนั้นมีอารียาอยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน เมื่อเห็นผู้หญิงที่สวยอย่างวรันธร เขาคงจะไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อย่างแน่นอน
“ดึกแล้ว คุณกลับไปได้แล้ว” วรันธรกล่าวเบาๆ
หลังจากที่รพีพงษ์วางพิณลง มุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มเล็กน้อย
“ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะทำให้คุณสมดังใจหวัง”
“อืม?” วรันธรประหลาดใจเมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้เหตุผลของรพีพงษ์
“ไม่สามารถอยู่กับคนรักได้ มันน่าเสียดายจริง ๆ พรุ่งนี้ผมจะช่วยคุณ” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ
“คุณ……คุณจะช่วยฉันยังไง?” วรันธรกล่าวถาม
รพีพงษ์ยิ้มและกล่าวว่า “มันง่ายมาก แค่ให้เจ้าของดาบเล็กเล่มนั้นชนะการแข่งขัน”
“อะไรนะ? คุณรู้แล้วเหรอ?” วรันธรกล่าวด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าของเธอแดงระรื่น
รพีพงษ์ยิ้มเล็กน้อยและกล่าวเบา ๆ “เมื่อสักครู่ผมเห็นแล้ว บนดาบสลักคำไว้สองคำ มันคงจะเป็นชื่อของบุคคลนั้น เพียงแต่ไม่คิดว่า คนที่คุณหนูน้อยผู้สูงศักดิ์ชอบจะเป็นเขา”
“รพีพงษ์……..ฉัน” วรันธรกัดริมฝีปาก และเธอรู้สึกอายเมื่อความลับถูกเปิดเผย
“ไม่ต้องอาย ถ้าครั้งนี้ผมสามารถทำให้ทั้งคู่สมหวังได้ ผมจะถือว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่า ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ผมควรจะกลับไปได้แล้ว”
พูดจบ รพีพงษ์หันกลับและเตรียมจะเดินจากไป
“รอสักครู่!”
วรันธรเรียกรพีพงษ์อีกครั้ง
“มีอะไรเหรอ?” รพีพงษ์กล่าวถาม
วรันธรกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ถ้า…….ถ้าพรุ่งนี้คุณทำได้จริง ๆ ฉันจะมอบผลเทพให้คุณแน่นอน!”
หลังจากที่รพีพงษ์ฟัง เขาก็รู้สึกตกใจ
เนื่องจากผลเทพอยู่ในมือของอีกฝ่าย อีกฝ่ายอยากมอบให้ใครก็แล้วแต่เธอ
“โอเค คำไหนคำนั้น!”