“โอเค งั้นทำตามที่น้องบอก พวกเราหลงทางในทะเลทรายมานานแล้ว และพี่ก็หิวมากด้วย”
หลังจากนั้น ชายคนนั้นดึงมีดทิเบตจากเอวออกมา แล้วแทงไปที่เต็นท์เพื่อให้มันเปิดออก
หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนเสียงดังว่า “มีคนที่ยังหายใจอยู่ข้างในไหม ออกมาเร็ว ๆ มีสุราและอาหารอร่อย ๆ รอคุณอยู่!”
“เฮ้ พวกคุณจะทำอะไร!”
ขณะนี้ รพีพงษ์เดินออกมาจากด้านข้าง ดวงตาของเขาเย็นชา และลุงตรัยก็กำลังเดินตามมา
“แม่งฉิบหาย จู่ ๆก็มีคนโผล่มา ตกใจหมดเลย” ชายหนุ่มพูดกับรพีพงษ์ในขณะที่มือถือมีดอยู่
หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นเห็นรพีพงษ์ เธอก็เดินเข้าไปหา
“เต็นท์นี้ เป็นของพวกคุณเหรอ?”
“ถูกต้อง” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“งั้นก็ดี ไม่ต้องเสียเวลาเรียกพวกคุณ มีอะไรกินไหม เอาออกมาให้พวกเรากินด้วย” หญิงสาวกล่าวอย่างไม่แยแส
“คุณสองคน…..หลงทางใช่ไหม” ลุงตรัยถามขึ้นทันใด
“ถูกต้อง ไม่คิดว่าทะเลทรายนี้จะกว้างใหญ่ไพศาล เดินไปได้ไม่นานพวกเราก็หลงแล้ว ถ้าไม่เห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากที่นี่ พวกเราอาจจะหาไม่เจอ” ชายหนุ่มกล่าว
เมื่อมองกลุ่มควันจากกองไฟที่ดับบนพื้นดิน รพีพงษ์เข้าใจทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหาที่นี่เจอ
“บอกให้พวกคุณเอาของกินออกมา ได้ยินไหม” หญิงสาวกล่าวอย่างรีบร้อน
รพีพงษ์รู้สึกเอือมระอาสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาควรจะขอร้องตนเอง แต่พวกเขากลับทำเหมือนว่าตนเองเป็นหนี้พวกเขา
แต่ลุงตรัยใจดี “มีของกิน ผมจะไปเอาให้พวกคน ในทะเลทราย พวกเราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกันถึงจะถูก”
กล่าวจบ เขาหันหลังกำลังจะเดินไปในเต็นท์
“แบบนี้ค่อยยังชั่ว ไอ้แก่ทางที่ดีแกรีบหน่อย อย่าปล่อยให้พวกเรารอนาน” ชายหนุ่มก็กล่าวแบบเดียวกัน
ขณะนี้เอง รพีพงษ์ยื่นมือข้างหนึ่งขวางทางลุงตรัยไว้
“นายน้อย……”
“อาหารของพวกเรา ทำไมต้องให้พวกมันกิน!”
รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
เมื่อลุงตรัยเห็นเช่นนี้ ไม่พูดอะไรอีกเลย ตอนแรกเขาอยากจะเอาอาหารและน้ำออกไป แต่ดูจากบุคลิกของสองคนนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีใจคิดที่จะขอบคุณเลยสักนิด
เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ชายและหญิงก็โกรธทันที
“ไอ้หนู คุณว่าอะไรน่ะ!”
“พวกเรากินอาหารของคุณ มันเป็นการให้เกียรติคุณแล้ว คุณเชื่อหรือไม่ว่าผมสามารถแย่งอาหารของคุณได้ทันทีเลย!”
สองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ผู้ชายดึงมีดทิเบตออกมา และหญิงสาวก็ชักกริชออกมา
“อาหาร ผมไม่ให้คุณ แล้วคุณก็ไม่สามารถแย่งได้ด้วย” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ โดยไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา
“ฉิบหาย น้องไม่ต้องเกรงใจพวกเขา ไอ้แก่และไอ้หนุ่มคนนี้มาทำอะไรที่นี่ก็ไม่รู้ ที่นี่เป็นทะเลทรายร้างอยู่แล้ว ฆ่าพวกเขา สัมภาระของพวกเขาทั้งหมดก็จะกลายเป็นของพวกเรา” ชายหนุ่มกล่าว
“พี่ พี่พูดถูก ที่นี่น่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่ที่เราอยากไป ไอ้แก่และไอ้หนุ่มคนนี้ดูท่าทางก็ไม่น่าจะใช่คนดี พวกเราฆ่าพวกเขา และฉวยเอาสิ่งของของพวกเขาไป”
พูดจบ ทั้งสองจึงพุ่งตรงไปที่รพีพงษ์ทันที
“นายน้อย ระวังด้วย!” ลุงตรัยกล่าวด้วยความกังวล
แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินทักษะของนายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นกับตามาก่อน
รพีพงษ์ยิ้มที่มุมปาก และไม่ใส่ใจการโจมตีของทั้งสองคน
ขณะที่มีดกำลังฟันลงมา รพีพงษ์ก็ใช้มือจับมีดโดยตรง ตามด้วยเสียงคลิก แล้วมีดทิเบตที่ประณีตนั้นก็กลายเป็นสองส่วนทันที
“ไอ้หมอนี่ มีพลังแข็งแกร่งนี่”
ชายหนุ่มกล่าว รพีพงษ์ใช้เท้าเตะเขาออกไป โดยไม่ให้โอกาสอีกฝ่าย
ชายหนุ่มเอามือบังหน้าอกไว้เพื่อต้านแรงเท้าของรพีพงษ์ แต่ด้วยพลังวิเศษเสนของรพีพงษ์ ที่มีความแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก
ร่างชายหนุ่มถอยหลังทันที และจะไปชนกับร่างของหญิงสาวที่กำลังก้าวเดินมาข้างหน้า
เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนี้ ก็รีบเหยียดมือทั้งคู่ออก และพยายามดันด้านหลังของชายหนุ่มอย่างเต็มที่
ถึงกระนั้น ทั้งสองคนก็ลื่นไถลไปบนทะเลทรายเป็นระยะทางหลายเมตรก่อนที่จะหยุด
ลุงตรัยที่อยู่ข้างๆ ตกใจมาก สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ มันจะปรากฏแต่ในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ? นายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์ช่างน่าทึ่งจริง ๆ
“คุณเป็นใคร!” ชายหนุ่มถามด้วยแววตาโกรธจัด
รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก “คุณสองคนหยิ่งผยองเช่นนี้มาตลอดเลยเหรอ?”
“หยิ่งผยองอย่างนี้แหละ แล้วไงล่ะ”
หญิงสาวรู้สึกเสียเปรียบ และกล่าวอย่างไม่พอใจ
รพีพงษ์ส่ายศีรษะ และออกคำสั่งไล่ “พวกคุณไปเถอะ ผมไม่อยากจะเห็นหน้าพวกคุณอีก!”
“ไป? ที่นี่ไม่ใช่บ้านของคุณ ทำไมพวกเราจะต้องไป!”
หญิงสาวกล่าว
ตอนนี้เป็นคืนที่หนาวเย็น และถ้าตนเองจากไป มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะต้อนรับพวกเขา
“ก็อาศัยว่าผมมีพลังแข็งแกร่งกว่าพวกคุณ”
ขณะพูด รพีพงษ์สะบัดข้อมือ ปล่อยพลังวิเศษเสน จากนั้นก็มีกระบี่ยาวสีทองปรากฏอยู่ในมือ
ลุงตรัยแข็งทื่ออย่างสมบูรณ์
ถ้าทักษะหมัดและเตะของรพีพงษ์เมื่อสักครู่ทำให้ลุงตรัยตกใจแล้ว ตอนนี้ กลับปรากฏอาวุธโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้ว่าตอนที่อยู่กิสนาตนเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน
ไม่คิดว่า หลังจากที่ได้เห็นกระบี่ยาวที่รพีพงษ์เสกออกมา ชายและหญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่มีท่าทีกลัวมากนัก
“ที่แท้ คุณก็เป็นนักฝึกวิชา บังเอิญ ผมก็ใช่เหมือนกัน”
ขณะที่พูด ชายคนนั้นสะบัดข้อมือ ก็มีกระบี่ยาวปรากฏขึ้นที่มือเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับกระบี่ของรพีพงษ์ กระบี่ยาวของเขานั้นพลังอ่อนกว่ามาก
รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดได้ว่า ชายผู้นี้บรรลุถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว
แต่ว่า ในสายตาของรพีพงษ์ ระดับแดนดั่งเทพก็ไม่เท่าไหร่
ขณะนี้ หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ก็เปลี่ยนหมุนพลัง แล้วกระบี่คมก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ
เรื่องนี้ทำให้รพีพงษ์รู้สึกน่าสนใจ ทั้งสองคนยังอายุน้อย แต่ก็ถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว ยอดฝีมือถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางผู้คน ความสามารถพิเศษเช่นนี้ ถ้าหากอยู่ในสำนักสยบเซียน พวกเขาก็ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
“ตอนนี้ คุณยังคงคิดว่าพลังความแข็งแกร่งของคุณแข็งแกร่งกว่าพวกเราอีกหรือไม่?” หญิงสาวกล่าวอย่างเย็นชา
รพีพงษ์นิ่งเงียบ ดูเหมือนว่าถ้าเขาไม่สั่งสอนอีกฝ่าย พวกเขาก็จะไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ
“ลงมือเลย ถ้าพวกคุณยืนหยัดได้สิบวินาที นับว่าผมแพ้” รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“ไอ้หมอนี่ช่างหยิ่งนัก พวกเราสั่งสอนมันเลย”
ขณะพูด พวกเขาทั้งสองกระโดดขึ้นพร้อมกัน
รพีพงษ์ไม่แยแส เพียงแค่มองขึ้นไป แต่หลังจากนั้น เขารู้สึกว่าทั้งสองคนแปลก ๆ
กระบี่ตัดกันกลางอากาศ และหลังจากนั้น พลังที่แผ่ออกมาจากชายหญิงคู่นี้ประสานกันทันที
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงรู้สึกว่า พลังความแข็งแกร่งของพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม?”
หัวใจของรพีพงษ์กระตุก ไม่สนอะไรทั้งนั้น หลังจากลุกขึ้นจากพื้นดิน ก็ฟันด้วยกระบี่ยาว
แคร่ง!
กระบี่ยาวปะทะกับอาวุธในมือของอีกฝ่าย และทั้งสามก็ตกลงมาจากกลางอากาศพร้อมกัน
การจู่โจมของรพีพงษ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ!
แต่ขณะนี้ ชายและหญิงคู่นี้ไม่กล้าแสดงท่าทางที่หุนหันพลันแล่น มองรพีพงษ์ ด้วยสีหน้าสงสัย
“พวกคุณใช้กระบวนท่าอะไร” รพีพงษ์ถามอย่างเย็นชา
“ทำไม กลัวแล้วเหรอ? ผมจะบอกให้ ผมกับน้องสาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ใจสื่อถึงกันตั้งแต่เด็ก และได้ฝึกเทคนิคลับของครอบครัวมาโดยตลอด ซึ่งสามารถประสานรวมพลังความแข็งแกร่งของทั้งสองเข้าด้วยกัน ก็จะสามารถเพิ่มระดับได้” ชายคนนั้นกล่าวอย่างหยิ่งผยอง
“พี่ บอกเรื่องนี้กับเขาทำไม แค่ดูก็รู้ว่าเขาเป็นคนจนที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนรัก” หญิงสาวกล่าวอย่างดูถูก
รพีพงษ์ไม่อยากจะโต้แย้งกับพวกเขาเช่นกัน เขาแค่คิดว่าเทคนิคลับที่อีกฝ่ายฝึกฝนนั้นค่อนข้างดี แต่สำหรับตนเองที่ถึงระดับแดนเทพแล้ว แม้ว่าทั้งสองจะบุกเข้ามาพร้อมกัน ก็ไม่เท่าไหร่หรอก
“ไอ้หนู ดูแล้วพลังความแข็งแกร่งของคุณก็ไม่เลวนี่ คุณมาร่วมมือกับพวกเราไหม? แค่คุณช่วยผมทำงานสำเร็จเรื่องหนึ่ง ผมก็จะปล่อยคุณไป” ชายคนนั้นใช้กระบี่ชี้ไปที่รพีพงษ์
“รนหาที่ตาย”
รพีพงษ์ถอนหายใจเบา ๆ พลังจิตเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ และกระบี่สยบเซียนก็ค่อยๆ ลอยขึ้น
“เมื่อสักครู่ผมแค่ล้อเล่นกับพวกคุณเท่านั้น ตอนนี้ได้เวลาเอาจริงแล้ว” รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา
“พี่ รู้สึกว่ากระบี่ของไอ้หมอนี้มันยอดเยี่ยมมาก!” หญิงสาวพูดด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ต้องสนใจ ถ้าน้องอยากได้ ก็แย่งมาโดยตรงเลย!” ชายหนุ่มกล่าวเสียงดัง
รพีพงษ์ยิ้มที่มุมปาก ฝีมืออย่างพวกคุณ ยังกล้าคิดที่จะมาแย่งกระบี่สยบเซียนของตนเอง
ทันใดนั้น รพีพงษ์ก็ระเบิดพลังที่แข็งแกร่ง คราวนี้ เขาได้วางแผนที่จะสั่งสอนอีกฝ่ายอย่างรุนแรงแล้ว
ในตอนนี้นี่เอง เมฆดำที่อยู่บนท้องฟ้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ลุงตรัยที่อยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้น และตะโกนเสียงดังว่า “แย่แล้ว พายุทรายกำลังจะมา!”