พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1307 ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี

บทที่ 1307 ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี

“โอเค งั้นทำตามที่น้องบอก พวกเราหลงทางในทะเลทรายมานานแล้ว และพี่ก็หิวมากด้วย”

หลังจากนั้น ชายคนนั้นดึงมีดทิเบตจากเอวออกมา แล้วแทงไปที่เต็นท์เพื่อให้มันเปิดออก

หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ ตะโกนเสียงดังว่า “มีคนที่ยังหายใจอยู่ข้างในไหม ออกมาเร็ว ๆ มีสุราและอาหารอร่อย ๆ รอคุณอยู่!”

“เฮ้ พวกคุณจะทำอะไร!”

ขณะนี้ รพีพงษ์เดินออกมาจากด้านข้าง ดวงตาของเขาเย็นชา และลุงตรัยก็กำลังเดินตามมา

“แม่งฉิบหาย จู่ ๆก็มีคนโผล่มา ตกใจหมดเลย” ชายหนุ่มพูดกับรพีพงษ์ในขณะที่มือถือมีดอยู่

หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นเห็นรพีพงษ์ เธอก็เดินเข้าไปหา

“เต็นท์นี้ เป็นของพวกคุณเหรอ?”

“ถูกต้อง” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

“งั้นก็ดี ไม่ต้องเสียเวลาเรียกพวกคุณ มีอะไรกินไหม เอาออกมาให้พวกเรากินด้วย” หญิงสาวกล่าวอย่างไม่แยแส

“คุณสองคน…..หลงทางใช่ไหม” ลุงตรัยถามขึ้นทันใด

“ถูกต้อง ไม่คิดว่าทะเลทรายนี้จะกว้างใหญ่ไพศาล เดินไปได้ไม่นานพวกเราก็หลงแล้ว ถ้าไม่เห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากที่นี่ พวกเราอาจจะหาไม่เจอ” ชายหนุ่มกล่าว

เมื่อมองกลุ่มควันจากกองไฟที่ดับบนพื้นดิน รพีพงษ์เข้าใจทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงหาที่นี่เจอ

“บอกให้พวกคุณเอาของกินออกมา ได้ยินไหม” หญิงสาวกล่าวอย่างรีบร้อน

รพีพงษ์รู้สึกเอือมระอาสองคนนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาควรจะขอร้องตนเอง แต่พวกเขากลับทำเหมือนว่าตนเองเป็นหนี้พวกเขา

แต่ลุงตรัยใจดี “มีของกิน ผมจะไปเอาให้พวกคน ในทะเลทราย พวกเราควรช่วยเหลือซึ่งกันและกันถึงจะถูก”

กล่าวจบ เขาหันหลังกำลังจะเดินไปในเต็นท์

“แบบนี้ค่อยยังชั่ว ไอ้แก่ทางที่ดีแกรีบหน่อย อย่าปล่อยให้พวกเรารอนาน” ชายหนุ่มก็กล่าวแบบเดียวกัน

ขณะนี้เอง รพีพงษ์ยื่นมือข้างหนึ่งขวางทางลุงตรัยไว้

“นายน้อย……”

“อาหารของพวกเรา ทำไมต้องให้พวกมันกิน!”

รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา

เมื่อลุงตรัยเห็นเช่นนี้ ไม่พูดอะไรอีกเลย ตอนแรกเขาอยากจะเอาอาหารและน้ำออกไป แต่ดูจากบุคลิกของสองคนนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีใจคิดที่จะขอบคุณเลยสักนิด

เมื่อได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ ชายและหญิงก็โกรธทันที

“ไอ้หนู คุณว่าอะไรน่ะ!”

“พวกเรากินอาหารของคุณ มันเป็นการให้เกียรติคุณแล้ว คุณเชื่อหรือไม่ว่าผมสามารถแย่งอาหารของคุณได้ทันทีเลย!”

สองคนนี้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ผู้ชายดึงมีดทิเบตออกมา และหญิงสาวก็ชักกริชออกมา

“อาหาร ผมไม่ให้คุณ แล้วคุณก็ไม่สามารถแย่งได้ด้วย” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ โดยไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในสายตา

“ฉิบหาย น้องไม่ต้องเกรงใจพวกเขา ไอ้แก่และไอ้หนุ่มคนนี้มาทำอะไรที่นี่ก็ไม่รู้ ที่นี่เป็นทะเลทรายร้างอยู่แล้ว ฆ่าพวกเขา สัมภาระของพวกเขาทั้งหมดก็จะกลายเป็นของพวกเรา” ชายหนุ่มกล่าว

“พี่ พี่พูดถูก ที่นี่น่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่ที่เราอยากไป ไอ้แก่และไอ้หนุ่มคนนี้ดูท่าทางก็ไม่น่าจะใช่คนดี พวกเราฆ่าพวกเขา และฉวยเอาสิ่งของของพวกเขาไป”

พูดจบ ทั้งสองจึงพุ่งตรงไปที่รพีพงษ์ทันที

“นายน้อย ระวังด้วย!” ลุงตรัยกล่าวด้วยความกังวล

แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินทักษะของนายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์ แต่เขาก็ไม่เคยเห็นกับตามาก่อน

รพีพงษ์ยิ้มที่มุมปาก และไม่ใส่ใจการโจมตีของทั้งสองคน

ขณะที่มีดกำลังฟันลงมา รพีพงษ์ก็ใช้มือจับมีดโดยตรง ตามด้วยเสียงคลิก แล้วมีดทิเบตที่ประณีตนั้นก็กลายเป็นสองส่วนทันที

“ไอ้หมอนี่ มีพลังแข็งแกร่งนี่”

ชายหนุ่มกล่าว รพีพงษ์ใช้เท้าเตะเขาออกไป โดยไม่ให้โอกาสอีกฝ่าย

ชายหนุ่มเอามือบังหน้าอกไว้เพื่อต้านแรงเท้าของรพีพงษ์ แต่ด้วยพลังวิเศษเสนของรพีพงษ์ ที่มีความแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก

ร่างชายหนุ่มถอยหลังทันที และจะไปชนกับร่างของหญิงสาวที่กำลังก้าวเดินมาข้างหน้า

เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนี้ ก็รีบเหยียดมือทั้งคู่ออก และพยายามดันด้านหลังของชายหนุ่มอย่างเต็มที่

ถึงกระนั้น ทั้งสองคนก็ลื่นไถลไปบนทะเลทรายเป็นระยะทางหลายเมตรก่อนที่จะหยุด

ลุงตรัยที่อยู่ข้างๆ ตกใจมาก สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ มันจะปรากฏแต่ในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ไม่ใช่เหรอ? นายน้อยตระกูลลัดดาวัลย์ช่างน่าทึ่งจริง ๆ

“คุณเป็นใคร!” ชายหนุ่มถามด้วยแววตาโกรธจัด

รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก “คุณสองคนหยิ่งผยองเช่นนี้มาตลอดเลยเหรอ?”

“หยิ่งผยองอย่างนี้แหละ แล้วไงล่ะ”

หญิงสาวรู้สึกเสียเปรียบ และกล่าวอย่างไม่พอใจ

รพีพงษ์ส่ายศีรษะ และออกคำสั่งไล่ “พวกคุณไปเถอะ ผมไม่อยากจะเห็นหน้าพวกคุณอีก!”

“ไป? ที่นี่ไม่ใช่บ้านของคุณ ทำไมพวกเราจะต้องไป!”

หญิงสาวกล่าว

ตอนนี้เป็นคืนที่หนาวเย็น และถ้าตนเองจากไป มีเพียงความตายเท่านั้นที่จะต้อนรับพวกเขา

“ก็อาศัยว่าผมมีพลังแข็งแกร่งกว่าพวกคุณ”

ขณะพูด รพีพงษ์สะบัดข้อมือ ปล่อยพลังวิเศษเสน จากนั้นก็มีกระบี่ยาวสีทองปรากฏอยู่ในมือ

ลุงตรัยแข็งทื่ออย่างสมบูรณ์

ถ้าทักษะหมัดและเตะของรพีพงษ์เมื่อสักครู่ทำให้ลุงตรัยตกใจแล้ว ตอนนี้ กลับปรากฏอาวุธโดยไม่มีเหตุผล ถึงแม้ว่าตอนที่อยู่กิสนาตนเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน

ไม่คิดว่า หลังจากที่ได้เห็นกระบี่ยาวที่รพีพงษ์เสกออกมา ชายและหญิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่มีท่าทีกลัวมากนัก

“ที่แท้ คุณก็เป็นนักฝึกวิชา บังเอิญ ผมก็ใช่เหมือนกัน”

ขณะที่พูด ชายคนนั้นสะบัดข้อมือ ก็มีกระบี่ยาวปรากฏขึ้นที่มือเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับกระบี่ของรพีพงษ์ กระบี่ยาวของเขานั้นพลังอ่อนกว่ามาก

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดได้ว่า ชายผู้นี้บรรลุถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว

แต่ว่า ในสายตาของรพีพงษ์ ระดับแดนดั่งเทพก็ไม่เท่าไหร่

ขณะนี้ หญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ก็เปลี่ยนหมุนพลัง แล้วกระบี่คมก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ

เรื่องนี้ทำให้รพีพงษ์รู้สึกน่าสนใจ ทั้งสองคนยังอายุน้อย แต่ก็ถึงระดับแดนดั่งเทพแล้ว ยอดฝีมือถูกซ่อนอยู่ท่ามกลางผู้คน ความสามารถพิเศษเช่นนี้ ถ้าหากอยู่ในสำนักสยบเซียน พวกเขาก็ถือว่ายอดเยี่ยมที่สุดแล้ว

“ตอนนี้ คุณยังคงคิดว่าพลังความแข็งแกร่งของคุณแข็งแกร่งกว่าพวกเราอีกหรือไม่?” หญิงสาวกล่าวอย่างเย็นชา

รพีพงษ์นิ่งเงียบ ดูเหมือนว่าถ้าเขาไม่สั่งสอนอีกฝ่าย พวกเขาก็จะไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ

“ลงมือเลย ถ้าพวกคุณยืนหยัดได้สิบวินาที นับว่าผมแพ้” รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา

“ไอ้หมอนี่ช่างหยิ่งนัก พวกเราสั่งสอนมันเลย”

ขณะพูด พวกเขาทั้งสองกระโดดขึ้นพร้อมกัน

รพีพงษ์ไม่แยแส เพียงแค่มองขึ้นไป แต่หลังจากนั้น เขารู้สึกว่าทั้งสองคนแปลก ๆ

กระบี่ตัดกันกลางอากาศ และหลังจากนั้น พลังที่แผ่ออกมาจากชายหญิงคู่นี้ประสานกันทันที

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมผมถึงรู้สึกว่า พลังความแข็งแกร่งของพวกเขาแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม?”

หัวใจของรพีพงษ์กระตุก ไม่สนอะไรทั้งนั้น หลังจากลุกขึ้นจากพื้นดิน ก็ฟันด้วยกระบี่ยาว

แคร่ง!

กระบี่ยาวปะทะกับอาวุธในมือของอีกฝ่าย และทั้งสามก็ตกลงมาจากกลางอากาศพร้อมกัน

การจู่โจมของรพีพงษ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ!

แต่ขณะนี้ ชายและหญิงคู่นี้ไม่กล้าแสดงท่าทางที่หุนหันพลันแล่น มองรพีพงษ์ ด้วยสีหน้าสงสัย

“พวกคุณใช้กระบวนท่าอะไร” รพีพงษ์ถามอย่างเย็นชา

“ทำไม กลัวแล้วเหรอ? ผมจะบอกให้ ผมกับน้องสาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ใจสื่อถึงกันตั้งแต่เด็ก และได้ฝึกเทคนิคลับของครอบครัวมาโดยตลอด ซึ่งสามารถประสานรวมพลังความแข็งแกร่งของทั้งสองเข้าด้วยกัน ก็จะสามารถเพิ่มระดับได้” ชายคนนั้นกล่าวอย่างหยิ่งผยอง

“พี่ บอกเรื่องนี้กับเขาทำไม แค่ดูก็รู้ว่าเขาเป็นคนจนที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนรัก” หญิงสาวกล่าวอย่างดูถูก

รพีพงษ์ไม่อยากจะโต้แย้งกับพวกเขาเช่นกัน เขาแค่คิดว่าเทคนิคลับที่อีกฝ่ายฝึกฝนนั้นค่อนข้างดี แต่สำหรับตนเองที่ถึงระดับแดนเทพแล้ว แม้ว่าทั้งสองจะบุกเข้ามาพร้อมกัน ก็ไม่เท่าไหร่หรอก

“ไอ้หนู ดูแล้วพลังความแข็งแกร่งของคุณก็ไม่เลวนี่ คุณมาร่วมมือกับพวกเราไหม? แค่คุณช่วยผมทำงานสำเร็จเรื่องหนึ่ง ผมก็จะปล่อยคุณไป” ชายคนนั้นใช้กระบี่ชี้ไปที่รพีพงษ์

“รนหาที่ตาย”

รพีพงษ์ถอนหายใจเบา ๆ พลังจิตเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ และกระบี่สยบเซียนก็ค่อยๆ ลอยขึ้น

“เมื่อสักครู่ผมแค่ล้อเล่นกับพวกคุณเท่านั้น ตอนนี้ได้เวลาเอาจริงแล้ว” รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา

“พี่ รู้สึกว่ากระบี่ของไอ้หมอนี้มันยอดเยี่ยมมาก!” หญิงสาวพูดด้วยความประหลาดใจ

“ไม่ต้องสนใจ ถ้าน้องอยากได้ ก็แย่งมาโดยตรงเลย!” ชายหนุ่มกล่าวเสียงดัง

รพีพงษ์ยิ้มที่มุมปาก ฝีมืออย่างพวกคุณ ยังกล้าคิดที่จะมาแย่งกระบี่สยบเซียนของตนเอง

ทันใดนั้น รพีพงษ์ก็ระเบิดพลังที่แข็งแกร่ง คราวนี้ เขาได้วางแผนที่จะสั่งสอนอีกฝ่ายอย่างรุนแรงแล้ว

ในตอนนี้นี่เอง เมฆดำที่อยู่บนท้องฟ้ารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

ลุงตรัยที่อยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้น และตะโกนเสียงดังว่า “แย่แล้ว พายุทรายกำลังจะมา!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท