พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1329 ทหารที่จงรักภักดี

บทที่ 1329 ทหารที่จงรักภักดี

“ดูแลคุณหนูให้ดี เดี๋ยวผมจัดการพวกนี้เอง”

รพีพงษ์บอกไป แล้วมือก็คว้าคนใกล้ๆ ตรงนั้น โยนลอยออกไป

จากนั้น เขาก็คว้าดาบในมือของทหารคนหนึ่งมา จากนั้นก็ออกแรงยกคนคนนั้นขึ้น แล้วโยนออกไปนอกฝูงชน

“รพีพงษ์ ประตูของแดนลับจะเปิดแค่10นาทีเท่านั้น คุณรีบไปเถอะ!”

วรันธรพูดเสียงดัง

“10นาที ก็เพียงพอแล้ว”

รพีพงษ์พูดเบาๆ เน่ยจิ้งในกายก็พลุ่งพล่าน

จากนั้น เขาก็สู้ออกไปเหมือนกับเทพสงคราม ต่อยไปหมัดละคน

ไม่มีใครรับพลังหมัดของเขาได้ ต่อให้เป็นทหารสวมเกราะทั้งตัวก็รับไม่ไหว

คนพวกนี้ก็ถูกต่อยลอยออกไปในอากาศทีละคนๆ แล้วร่วงหล่นที่พื้นอย่างหนัก

แต่ที่รพีพงษ์ชื่นชมก็คือ ต่อให้พลังของตนเองแข็งแกร่งขนาดนี้ ทหารพวกนี้ก็ยังบุกเข้ามาโจมตีตนเองอย่างไม่หวาดกลัว ราวกับไม่เสียดายชีวิตตนเองเลย

ถ้าทหารพวกนี้อยู่ที่โลกภายนอกล่ะก็ ขอเพียงฝึกหนักกว่าเดิมหน่อย เพื่อทำความคุ้นเคยกับการรบในแบบปัจจุบัน ก็คงจะเป็นกองกำลังที่น่ากลัวเลยทีเดียว

รพีพงษ์คิดในใจ ส่วนร่างกายก็ยังออกกระบวนอย่างไม่หยุดหย่อน

“ฆ่ามัน!”

ภาณินตะโกนเสียงดัง

เขาเคยคิดไว้ว่ารพีพงษ์มีฝีมือร้ายกาจ แต่ไม่คิดเลยว่าจะน่ากลัวถึงขนาดนี้

ทหารของตนเองนับพันคน แต่ไม่มีใครโจมตีถึงตัวรพีพงษ์ได้เลยสักคน แม้แต่จะเข้าใกล้ตัวยังทำไม่ได้

ในตอนนี้ รพีพงษ์เห็นทหารพวกนี้บุกเข้ามาอย่างกับสายน้ำไหล เขาก็เอ่ยขึ้นว่า “ให้ตายเถอะ ดูเหมือนว่าต้องเชือดไก่ให้ลิงดูเสียแล้ว!”

พูดไป เขาก็ไม่ออมแรงอีก พร้อมออกหมัดต่อยหน้าอกทหารคนหนึ่งออกไป

ทหารที่แต่งตัวด้วยชุดเกราะเต็มยศ ถูกต่อยลอยออกไปหลายสิบเมตร ปากก็กระอักเลือดออกมา ล้มไปที่พื้นลุกขึ้นมาไม่ได้อีก

“ใครกล้าเข้ามาอีก ก็จะมีจุดจบเหมือนคนนั้น!”

รพีพงษ์พูดเสียงดัง

ทหารพวกนี้ก็ขมวดคิ้ว จากนั้น ทหารหลายสิบคนก็บุกเข้ามาอีกครั้ง

เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ถึงแม้ฝั่งตรงข้ามจะมีพลังไม่พอ แต่มีจำนวนคนมาก

รพีพงษ์คิดในใจ จะต้งหาวิธีหยุดพวกนี้ให้ได้ถึงจะถูก

ในตอนนี้เอง ทหารพวกนี้ก็แยกกำลังออก อ้อมตัวรพีพงษ์ไป แล้วไปโจมตีวรันธรและณรงค์

ในเมื่อภาณินได้บอกไว้ว่า ใครที่เข้ามาขวางฆ่าได้ไม่เว้น ดังนั้น ทหารที่จงรักภักดีต่อภาณิน ก็ไม่ต้องสนใจอะไรมาก บุกไปอย่างเดียว

“พวกมึงจะเป็นศัตรูกับกูจริงๆ ใช่ไหม?”

ณรงค์ขวางอยู่ข้างหน้าวรันธร ทหารพวกนี้ล้วนเป็นพี่น้องที่ฝึกด้วยกันมา แต่วันนี้กลับต้องมาฆ่าฟันกันเอง

“หัวหน้า ไปยอมรับผิดกับเจ้าสำนักเสีย แล้วพวกเราจะทำร้ายหัวหน้า” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้นมา

ณรงค์ก็กำมือแน่น วรันธรก็พูดขึ้นมาข้างๆ ว่า “ตามหาความสุขของตัวเองมันผิดนักหรือไง?”

“ใช่ กูก็ตามหาความสุขของกู มันผิดด้วยหรือ?”

ณรงค์ก็เหมือนตื่นขึ้นจากความคิดเก่าๆ แล้วพูดกับคนตรงหน้าว่า “พวกมึงเข้ามาเลย ต่อให้วันนี้กูต้องตัวตาย มันก็คุ้มแล้ว”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็อย่าโทษพวกเราก็แล้วกัน!”

พูดไป ทหารพวกนี้ก็บุกเข้าโจมตี

ณรงค์ก็มีฝีวิชาการต่อสู้โดดเด่นกว่าคนพวกนี้ ถ้าสู้กันหนึ่งต่อหนึ่งล่ะก็ ในหมู่ทหารพวกนี้ก็คู่ต่อกรยาก

แต่ตอนนี้ พวกนี้มันบุกเข้ามาพร้อมกัน ต้องเผชิญหน้าพับทหารมากมาย ณรงค์ก็รับมือยากอยู่เหมือนกัน

“คุณหนู รีบหลบไปข้างหลังผม ผมจะดูแลคุณหนูเอง!” ณรงค์กล่าว

วรันธรไม่เคยเห็นเหตุการณ์ที่เลวร้อยแบบนี้ ในตอนนี้เธอก็หน้าขาวซีด แต่ทว่า พอเธอเห็นท่าทางอันหาญกล้าของชายตรงหน้าแล้วนั้น ก็เริ่มรู้สึกเบาใจขึ้นมาไม่น้อย

“ณรงค์ นายได้สู้สุดกำลังแล้ว ถ้านายสู้จนตัวตาย ฉันก็จะไม่ขออยู่ตัวคนเดียว” วรันธรตะโกนอยู่ด้านหลัง

ในตอนนี้ หอกในมือของณรงค์ก็กวัดแกว่งไม่หยุด 5คนแรกที่บุกเข้ามาก็ถูกโจมตีจนร่นถอยออกไป

แต่จากนั้น มี2-3คนกระโดดสูงขึ้นมา แล้วใช้กระบี่แทงมาทางฝั่งณรงค์

ณรงค์หลบไม่ทัน แต่โชคดีที่ชุดเกราะบนตัวช่วยเขาไว้

ต่อให้เป็นแบบนั้น เขาก็ถูกโจมตีจนล้มลง แต่เขาจะมัวคิดอะไรมากไม่ได้ ก็เลยรีบลุกขึ้นมา

“ณรงค์ หยุดขัดขืนเถอะ ไปยอมรับผิดกับเจ้าสำนักเสีย ไปยอมรับโทษจากท่านเสีย!”

ทหารคนนั้นพูดขึ้นมาอีก

ณรงค์เช็ดเลือดที่มุมปาก ในตอนนี้ เขาบาดเจ็บภายใน แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็ยังพูดว่า “พวกมึงเข้ามาพร้อมกันเลย ในเมื่อคุณหนูก็ได้กล้าหาญขนาดนี้ กูก็จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด”

พวกทหารก็มองหน้ากัน อาวุธในมือก็ขยับ แล้วบุกเข้าโจมตีอีกครั้ง

ณรงค์กัดฟัน ด้านหลังตนเองก็เป็นหญิงสาวที่ตนรักมาก ตอนนี้เขาไม่มีทางถอยแล้ว

ทางฝั่งนี้ รพีพงษ์ก็รับรู้ได้ว่าทางด้านหลังตนเองนั้น พวกณรงค์กำลังเป็นอันตราย

แต่คนที่มาล้อมตนเองไว้มีตั้ง6-7คน ต่อให้รพีพงษ์ต่อยไปคนละหมัด แล้วรีบเข้าไปช่วย เกรงว่าณรงค์คงจะทนต่อไปไม่ไหว

ในตอนนี้เอง จากช่องว่างของเหล่าทหาร รพีพงษ์ก็เห็นภาณินยืนอยู่ไม่ไกลออกไปหลายสิบเมตร

จะจับโจรต้องจับหัวหน้ามัน!จะต้องเสี่ยงกันหน่อยแล้ว

พอคิดๆ ไป รพีพงษ์ก็แย่งชิงดาบยาวเล่มหนึ่งมาจากมือทหารคนหนึ่ง จากนั้น ก็โยนดาบไปทางฝั่งภาณิน

ดาบพุ่งไปเร็วมาก และมีพลังแรงมากด้วย

ภาณินเห็นดังนั้น กว่าเขาจะตอบสนองได้มันก็สายไปแล้ว

ดาบนี้ของรพีพงษ์ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตของภาณิน เพียงแค่เล็งไปทางข้างลำตัวเท่านั้น จุดประสงค์ก็เพื่อให้ทุกคนได้เห็น ว่าถ้าตนเองจะเอาชีวิตเขาล่ะก็ มันง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

แต่ทว่า ภาณินไม่ได้สนใจอะไรมาก หลังจากเห็นว่าอันตราย เขาก็จะหลบตัวไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ

แต่การกระโดดครั้งนี้ ดาบยาวที่พุ่งเข้ามาก็ตรงกับตำแหน่งหน้าอกเขาพอดี

สถานการณ์คับขัน ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพ่อของวรันธร

ในตอนนี้เอง บอดี้การ์ดข้างกายภาณินสองคนก็เข้ามาขวางตัวของภาณินไว้โดยไม่ลังเล

รพีพงษ์ที่ใช้พลังวิเศษเสน ดาบเล่มนั้นก็บาดเข้าไปที่ชุดเกราะ จากนั้นก็แทงเข้าไปในหน้าอกของฝั่งตรงข้าม

ภาณินมีสายตาตกใจ ถ้าไม่ได้บอดี้การ์ดสองคนนี้มาขวางไว้ แค่ดาบเล่มนี้ ตนเองก็คงจะมีตัวแยกกับหัวออกจากกันเสียแล้ว

ทุกคนก็อึ้งไปหลายวินาที แต่มันก็แค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น กลับทำให้รพีพงษ์ได้โอกาส

เขากระดิกปลายเท้าลงพื้น แล้วตัวก็กระโดดสูงขึ้น จากนั้น เท้าข้างหนึ่งก็ไปเหยียบที่หัวไหล่ของทหารคนหนึ่ง แล้วกระโดดออกไปอีกครั้ง

แบบนี้ เพียงไม่กี่ก้าว ตนเองก็ได้มาถึงฝั่งของวรันธรและณรงค์แล้ว

ณรงค์ในตอนนี้ ก็มีแผลเต็มตัว ชุดเกราะของเขามีบางส่วนที่ถูกทำลายไปแล้ว พังจนเห็นผิวหนังด้านในและรอยเลือด

“พวกคุณยังจะสู้อีกหรือ?”

รพีพงษ์พูดเสียงดัง

คนพวกนั้นก็หยุดฝีเท้าลง พวกเขารู้ดี พอรพีพงษ์มาที่นี่ ตนเองก็คงไม่มีโอกาสสู้อะไรเลย

แต่ว่า โทเค็นโกลเด้นได้ออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาจะต้องปฏิบัติตาม

หลังจากนั้นเพียง3วินาที พวกเขาก็บุกโจมตีอีกครั้ง

รพีพงษ์ก็ด่าอยู่ในใจ แล้วก็คาดการว่า เวลามันน่าจะผ่านไปแล้วประมาณ5นาที เส้นทางที่จะออกไปจากแดนลับ เหลืออีก5นาทีเท่านั้น

รพีพงษ์เตะพวกทหารนั้นออกไป แล้วพูดเสียงดังว่า “เจ้าสำนักภาณิน ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้บอดี้การ์ดของคุณสองคนมาขวางไว้ ตอนนี้คุณคงตายไปแล้ว”

ภาณินก็ได้ยินคำพูดของรพีพงษ์ เขาก็พูดเสียงต่ำตอบกลับไป “นั่นก็เพราะว่าลูกน้องกูมันภักดี”

“ไม่เลวเลยนี่”

รพีพงษ์พูดอยู่ทางนี้ไปด้วย มือก็ต่อยเปิดทางไปด้วย ด้านหลังเขาก็มีณรงค์และวรันธรตามอยู่ติดๆ

“ในเมื่อลูกน้องของคุณภักดีกับคุณขนาดนี้ แล้วทำไมตอนนี้คุณจะต้องฆ่าแกงกันให้ตายด้วยเล่า? อีกอย่างทุกคนมีสิทธิ์ที่จะวิ่งตามหาและไขว่คว้าความสุขของตนเอง เจ้าสำนักภาณิน ผมไม่เชื่อหรอกว่าก่อนหน้านี้คุณจะเป็นที่เลือดเย็นแบบนี้!”

รพีพงษ์พูดเสียงดัง

ภาณินก็เจ็บจี๊ดในใจ กล้ามเนื้อบนหน้าเขาก็กระตุกเล็กน้อย

รพีพงษ์มือซ้ายถือหอก แล้วมองไปรอบๆ

ในตอนนี้ พวกของรพีพงษ์อยู่ห่างจากตัวของภาณินไม่เกิด10เมตร และห่างจากเส้นทางออกไปจากแดนลับอีกไม่ถึง15เมตร

“เจ้าสำนักภาณิน ระยะใกล้ขนาดนี้ ผมมีวิธีที่จะฆ่าคุณนับร้อยวิธี แต่ที่ตอนนี้ยังไม่ลงมือ ก็เพราะว่าเห็นว่าคุณเป็นพ่อของวรันธรก็เท่านั้น”

“นี่มึง!”

“จำไว้ว่า ไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็นขี้ข้าใคร บอกได้แค่ว่า ชีวิตของคุณดีกว่าคนอื่น แต่ไม่อาจจะไปดูถูกคนอื่นเขา” รพีพงษ์กล่าว

“วางมือลงให้หมด!”

ในตอนนี้เอง ภาณินก็พูดเสียงดังขึ้นมา ทหารทุกคนก็หยุดมือลงพร้อมกันทั้งหมด

ภาณินเห็นรพีพงษ์ที่ยังมีเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านเหมือนเดิม แล้วก็วรันธรที่พยุงณรงค์อยู่ เขาก็พูดเสียงต่ำว่า “รันตอนนี้พ่อขอถามหน่อย แกจะยอมอยู่ที่นี่กับพ่อ หรือว่าจะออกไปจากที่นี่!”

“เหอะ ภาณิน คุณพูดพวกนี้มันมีประโยชน์อะไร? คุณวาวตกลงกับผมไว้แล้ว ว่าวันนี้จะต้องพาพวกเขาสองคนไปด้วย” รพีพงษ์กล่าว

ใครจะรู้ ภาณินในตอนนี้ น้ำตาก็คลอเบ้าขึ้นมา “รันแม่แกจากพ่อไป ตอนนี้แกก็ยังจะทิ้งพ่อไปอีกหรือ?”

“แต่ว่า…..พ่อคะ หนูกับณรงค์นั้น” วรันธรกัดปาก จากนั้นก็พูดอย่างตั้งมั่นว่า “พ่อคะ หนูตัดสินใจแล้ว หนูจะอยู่กับณรงค์ ใครก็มาขวางไม่ได้ ในเมื่อพ่อไม่อนุญาต จะปล่อยพวกเราไปก็ปล่อย ถ้าไม่ปล่อยหนูก็จะยอมตายพร้อมกับณรงค์ตรงหน้าพ่อนี่แหละ”

“รัน!”

ภาณินตะโกนเสียงดัง ทันใดนั้น เขาก็นั่งลงที่เก้าอี้อย่างโศกเศร้า สายตาไร้สติ “ช่างเถอะ ในเมื่อแกก็บอกแบบนี้แล้ว งั้นเรื่องของแกกับณรงค์ พ่อก็ยอมรับก็แล้วกัน”

“จริงหรือคะพ่อ? พ่อ…….ยอมรับแล้วใช่ไหมคะ?” วรันธรได้ยินแล้ว ก็หน้าตาดีใจ แม้แต่ณรงค์ที่เป็นเสือยิ้มยาก ก็ยังยิ้มออกมา

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท