พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1313 ประลองยุทธเลือกคู่

บทที่ 1313 ประลองยุทธเลือกคู่

“คุณ…” นรียารู้สึกโกรธ แต่ถูกพชรที่อยู่ด้านข้างดึงไว้

ในวังนี้มีทหารมากถึงสามร้อยกว่าคน อย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง แค่ภาณินโกรธ เกรงว่าวันนี้พวกเขาจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่

ภาณินกล่าวต่อไปว่า “ผมรู้จุดประสงค์การมาที่นี่ของพวกคุณทั้งสามคน พวกคุณมาเพื่อผลเทพ แต่พูดตามตรง พวกคุณก็รู้แล้วว่า อยู่ที่นี่ไม่สามารถใช้พลังเทพใด ๆ ได้ทั้งสิ้น”

รพีพงษ์พยักหน้าอย่างลับ ๆ ดูเหมือนว่าภาณินก็รู้ถึงความมหัศจรรย์ของแดนลับนี้เช่นกัน

“ผลเทพสามารถปรับปรุงพัฒนาผลการฝึกตนให้นักฝึกวิชาอย่างพวกคุณได้ แต่สำหรับพวกเราแล้ว มันมีประโยชน์ไม่มากนัก” ภาณินกล่าว

รพีพงษ์ขมวดคิ้ว สิ่งที่เจ้าของวังกล่าว ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล

ผลเทพเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับตนเองและพชร แต่สำหรับผู้คนในแดนลับนี้แล้ว มันไม่มีผลอะไรต่อพวกเขาเลย

แดนลับแห่งนี้ปิดผนึกพลังทิพย์และพลังจิตวิญญาณทั้งหมด แม้ว่าทหารแต่ละคนของที่นี่จะสูงใหญ่กำยำ แต่พวกเขาก็ไม่มีผลการฝึกตน

“เมื่อเป็นเช่นนี้ หวังว่าเจ้าสำนักจะสามารถเอาผลเทพออกมาได้” รพีพงษ์กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

ภาณินเหลือบมองรพีพงษ์ และกล่าวว่า “การให้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ พวกคุณมากันสามคน แต่ที่นี่มีผลเทพเพียงผลเดียวเท่านั้น ควรจะให้ใครดี?”

“แน่นอนว่าควรให้ผม!”

พชรตอบทันทีโดยไม่คิด ส่วนนรียาเป็นธรรมดาที่จะอยู่ข้างพี่ชายของตนเองอยู่แล้ว

รพีพงษ์ เหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา แต่ไม่ได้พูดอะไร

ภาณินเกิดความสนใจ เขาดูออกว่า รพีพงษ์ไม่ใช่พวกเดียวกันกับพวกพชร

“ทำไมล่ะ เจ้าหนุ่ม อีกฝ่ายก็พูดแล้ว คุณไม่อยากช่วงชิงหรือ?”

ภาณินกล่าวกับรพีพงษ์

รพีพงษ์ดูสงบ และกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ไม่เป็นไร ต่อให้คุณมอบผลเทพให้พวกเขา สุดท้ายมันก็ตกอยู่ในมือผม”

ประโยคนี้ทำให้พชรรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“ไอ้หนู คุณอย่าหยิ่งผยองมาก คุณหมายความว่าพวกเราไม่สามารถเอาชนะคุณได้หรือ? ผมจะบอกคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะพายุทราย คุณตายไปนานแล้ว”

“ใช่แล้ว พี่ของฉันเป็นยอดฝีมือ น้ำหน้าอย่างคุณ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก! อย่าคิดว่าคุณช่วยชีวิตฉันไว้สามครั้ง แล้วฉันก็จะสำนึกบุญคุณ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่” นรียากล่าวเช่นเดียวกัน

พวกเขารู้ดีว่า หากทั้งสองฝ่ายแข่งขันกันด้วยผลการฝึกตน แม้ว่าทั้งสองคนจะประสานกระบี่เข้าด้วยกัน แต่พวกเขาก็จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของรพีพงษ์

ตอนอยู่ที่บ่อน้ำมังกรผลการฝึกตนของรพีพงษ์ที่แสดงออกมาสูงกว่าพวกเขามาก

แต่ตอนนี้มันต่างกัน ที่นี่ไม่มีระดับของผลการฝึกตน การแข่งขันต้องอาศัยความแข็งแรงเท่านั้น

พชรได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก มีพลังเน่ยจิ้งอยู่เต็มเปี่ยม และหอกวยหลายก็มีเคล็ดลับวิชาศิลปะการต่อสู้มากมาย พชรคิดว่า ไอ้หมอนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนเองแน่นอน

“คุณขี้เหร่มาก” รพีพงษ์กล่าวเบา ๆ

นรียาตัวแข็งทื่อราวกับหินทันที “คุณ… คุณพูดว่าอะไรน่ะ!”

รพีพงษ์ไม่อยากจะสนใจเธอ แล้วกล่าวกับพชรอีกครั้งว่า “จำไว้ ไม่ช้าก็เร็วผมจะต้องจัดการคุณ”

“คุณ!” พชรกำหมัดไว้แน่ แทบรอไม่ไหวอยากจะต่อสู้กับรพีพงษ์ทันที

รพีพงษ์ไม่เคยเห็นสองคนนี้อยู่ในสายตา

หอกวยหลายแล้วยังไงล่ะ เมธิดาเห็นตนเองยังจะต้องให้เกียรติ ก็แค่ลูกผู้ลากมากดี ยังกล้าหยิ่งผยองกับตนเองอีก!

ภาณินที่อยู่ข้างบนเห็นสถานการณ์ทั้งหมด เขายิ้มและกล่าวว่า “ทั้งสองคนอย่าวู่วาม แม้ผมสัญญาว่าจะให้ผลเทพแก่พวกคุณ แต่ผลเทพก็ไม่ได้อยู่ในตัวผม”

“ห๊ะ?”

พชรรู้สึกมึนงง ชายชราคนนี้ ไม่ได้ล้อเล่นกับพวกเราใช่ไหม

“รบกวนถามเจ้าสำนักว่าผลเทพนั้นอยู่ที่ไหน ผมจะไปหาเอง” รพีพงษ์กล่าว

ภาณินพอใจมากกับท่าทางที่เคารพนอบน้อมของรพีพงษ์

เขายิ้มและกล่าวว่า “ถึงแม้ว่าผลเทพจะไม่อยู่ที่ตัวผม แต่พวกเราเป็นผู้เก็บรักษาไว้”

จากนั้นเขาก็ตบมือและกล่าวว่า “วาว ออกมาเถอะ”

ทันทีที่สิ้นเสียง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านข้าง

หญิงสาวสวมผ้าคลุมยาวสีขาว มีเสน่ห์เย้ายวนชวนมอง แต่แววตาของเธอดูเศร้าโศก ใบหน้าของเธองดงามราวกับเดินออกมาจากภาพวาด

หญิงสาวมายืนอยู่ข้างภาณิน ยิ้มและกล่าวว่า “วันนี้ วาว มาทักทายแขกผู้มีเกียรติทั้งสามคนที่อยู่ที่นี่”

หญิงสาวเหลือบมองคนทั้งสามที่อยู่ด้านล่าง ทำความเคารพอย่างช้า ๆ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก

ขณะนี้ พชรจ้องตาเขม็ง และอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอ

ไม่คิดว่า ในแดนลับนี้จะมีผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้

นรียาที่อยู่ด้านข้างมองผู้หญิงที่อยู่ด้านบนด้วยความเกลียดชัง เปรียบเทียบอยู่ในใจ แต่ยิ่งเธอเปรียบเทียบ ก็ยิ่งพบว่าผู้หญิงคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา หรือความสง่างาม ก็อยู่เหนือกว่าตนเองทุกอย่าง

หลังจากนั้น เมื่อเธอเห็นท่าทางการแสดงออกของพชร ความเกลียดชังในหัวใจของเธอก็เพิ่มขึ้นอีก

“พี่ ถ้ามองต่อไปอีก น้ำลายจะไหลออกมาแล้วน่ะ”

นรียากล่าวอย่างเย้ยหยัน พชรถึงรู้ตัวว่าตนเองเสียมารยาท จึงรีบเก็บอาการ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองดูหญิงสาวอีกครั้ง

เมื่อเทียบกับพชร รพีพงษ์นั้นนิ่งสงบกว่ามาก

รพีพงษ์ยอมรับว่า หญิงสาวที่อยู่ด้านบนนั้นสวยมาก แล้วผู้หญิงที่รพีพงษ์เคยพบมีคนใดบ้างที่ไม่สวยล่ะ?

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ากล่าวถึงความสวย อารียาก็สวยไม่แพ้เธอเลย

ดังนั้น รพีพงษ์จึงละสายตาหลังจากมองเพียงแค่แวบเดียว

“รบกวนถามเจ้าสำนักว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ปีนี้อายุเท่าไหร่ ชื่อเสียงเรียงนาม”

พชรถามอย่างอดใจไม่ไหว เหมือนจะรอถามว่าอีกฝ่ายแต่งงานหรือยัง

ภาณินยิ้มและกล่าวว่า “ชื่อวรันธร”

พชรพยักหน้า คิดอยู่ในใจว่า ชายชราคนนี้หน้าตาดูธรรมดา แต่ลูกสาวที่เขาให้กำเนิดนั้นสวยมาก ดูเหมือนว่าแม่ของหญิงสาวคนนี้จะต้องเป็นคนที่สวยมากแน่นอน คนมีเงินก็ดีอย่างนี้นี่เอง!

รพีพงษ์ยังคงนิ่งเงียบ ภาณินแนะนำลูกสาวของตนเองในเวลานี้ จะต้องมีแรงจูงใจที่ซ่อนเร้นอยู่แน่นอน

ภาณินกล่าวต่อไปว่า “ผลเทพที่พวกคุณต้องการ ลูกสาวของผมเป็นคนดูแลเก็บรักษาไว้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รพีพงษ์รู้สึกตกใจ ดวงตาของพชรก็แสดงถึงความตกใจเช่นเดียวกัน

พชรเดินไปข้างหน้า โค้งด้วยความเคารพ จากนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องวรันธร ไม่ทราบว่าคุณสามารถให้ผลเทพกับผมได้ไหม ถ้าคุณให้ผม ผมจะไม่มีวันลืมคุณไปชั่วชีวิต”

หลังจากได้ยินประโยคนี้ นรียารู้สึกไม่สบอารมณ์ เพียงแค่ไม่กี่นาที ก็เรียกคนอื่นว่าน้องอย่างสนิทสนมแล้ว

ใครจะไปคิดว่า วรันธรกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า “ใครเป็นน้องของคุณ?”

คำพูดเหล่านี้ทำให้พชรตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย แต่เขากลับรู้สึกว่าเสียงของวรันธรนั้นไพเราะมาก

เมื่อเทียบกับเธอ น้องสาวที่อยู่ข้าง ๆ ที่เป็นคนไม่น่าสนใจและไร้รสชาติ

“ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง คุณถึงจะมอบผลเทพให้ผม ได้โปรดชี้แนะด้วย” รพีพงษ์ถามเช่นกัน

ตนเองอยู่ในแดนลับได้เพียงสามวันเท่านั้น รพีพงษ์จะต้องเอาผลเทพมาให้ได้โดยเร็วที่สุด

วรันธรมองไปที่รพีพงษ์ แต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่กระซิบกับพ่อของตนเอง

ภาณินยิ้มที่มุมปาก “ทุกคนอย่าเห็นเป็นคนนอก ลูกสาวของผมเพิ่งเคยเห็นผู้คนที่มาจากข้างนอก อาจเขินอายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พรุ่งนี้จะจัดให้มีการแข่งขัน คนที่ชนะ นอกจากจะได้รับผลเทพแล้ว ก็จะได้แต่งงานกับลูกสาวของผมด้วย แน่นอน เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่เกี่ยวกับการแต่งงานของลูกสาวของผม ถ้าหญิงสาวคนนี้เป็นผู้ชนะ ก็จะได้ผลเทพไปเท่านั้น”

“ประลองยุทธเลือกคู่?” พชรกล่าวโพล่งออกมา ดวงตาของเขาเป็นประกาย

ภาณินพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “พวกคุณสามคนสามารถผ่านบ่อน้ำมังกรจนมาถึงที่นี่ได้ ผลการฝึกตนและทักษะศิลปะการต่อสู้ต้องไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าเรื่องที่ผมพูดมาเมื่อสักครู่ พวกคุณเห็นด้วยหรือไม่”

“เห็นด้วย!”

พชรตกลงทันที โดยไม่ผ่านการคิดไตร่ตรอง สายตาที่พชรมองวรันธรเต็มไปด้วยความปรารถนา ราวกับว่าวรันธรได้กลายเป็นสมบัติของตนเองแล้ว

“พี่!” นรียาโกรธจนหน้าแดง เธอก็ยกมือขึ้นและตบไปที่หน้าของพชรทันที

พชรไม่สนใจเลย ตอนนี้สายตาของเขามีแต่วรันธรเท่านั้น ไม่เหลือพื้นที่ให้น้องสาวเลย

ภาณินถามรพีพงษ์อย่างเคร่งขรึมว่า “เขาไม่คัดค้าน แล้วคุณล่ะ?”

รพีพงษ์ เดินไปข้างหน้าและกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ผมเข้าร่วมการแข่งขันได้ แต่ผมไม่สามารถแต่งงานกับลูกสาวของคุณได้!”

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท