พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก – บทที่ 1315 เสียพิณตอนเที่ยงคืน

บทที่ 1315 เสียพิณตอนเที่ยงคืน

“ใคร?”

รพีพงษ์ที่อยู่ในห้องตะโกนถาม

แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากข้างนอก ยังคงเคาะประตูเบา ๆ

รพีพงษ์ลุกขึ้นอย่างจำใจ แล้วไปเปิดประตู

หลังจากเห็นนรียาอยู่ที่ประตู รพีพงษ์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่ระแวง

“นี่มันดึกมากแล้ว คุณมาที่นี่มีธุระอะไร? หรือคุณเข้าผิดห้องหรือเปล่า” รพีพงษ์กล่าว

นรียาสวมเสื้อยืดสีดำที่รัดแน่น และสวมใส่กางเกงยีน รูปร่างของเธอเซ็กซี่ ดวงตาของเธอดูเหมือนจะมีคำพูดมากมาย

เพียงแต่ สายตาของรพีพงษ์ไม่ได้หยุดอยู่ที่เธอนานนัก แต่นรียาก็ไม่สนใจ

เห็นชัดว่าไอ้หมอนี้ตกหลุมรักฉัน แล้วยังจงใจแกล้งทำเป็นสุภาพบุรุษ สุภาพบุรุษจอมปลอมล่ะสิ!

นรียาคิดเอาเอง พูดจาไพเราะดีกว่าหน้าตาสวย “ฉันไม่ได้เข้าห้องผิด คืนนี้ฉันมาที่นี่เพื่อมาหาคุณ”

“มาหาผม?”

รพีพงษ์เริ่มสงสัยและกล่าวด้วยเสียงราบเรียบว่า “ตอนนี้คุณควรจะอยู่ในห้องของพี่คุณไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงมาที่ห้องผมล่ะ?”

“โอ้ อย่าพูดถึงพี่ฉันเลย”

มีความโศกเศร้าอยู่ในแววตาของนรียา ไม่มีความหยิ่งผยองเหมือนก่อน

ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนนิสัยไปแล้วหรือ?

แต่รพีพงษ์ไม่เชื่อ

“วันนี้คุณก็ได้เห็นการแสดงออกของพี่ฉันในห้องโถงแล้ว เขามีรักใหม่และลืมรักเก่าไปแล้ว เขาตกหลุมรักวรันธรลูกสาวของเจ้าสำนักอย่างเห็นได้ชัด” ขณะที่นรียาพูดก็สังเกตการแสดงออกของรพีพงษ์ด้วยความระวัง

แต่น่าเสียดาย ที่รพีพงษ์ยังคงไม่แยแส

“อ้อ” รพีพงษ์ตอบอย่างเย็นชา

นรียา ยังคงไม่ยอมแพ้ และจงใจกล่าวว่า “เมื่อเทียบกับเขา ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าคุณถึงจะเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง คำพูดที่คุณพูดในห้องโถง เป็นคำพูดที่ลูกผู้ชายตัวจริงควรพูด!”

รพีพงษ์ยิ้มอย่างไม่แยแส “ผมแค่พูดตามความคิดของตนเองเท่านั้น ไม่ถือเป็นอะไรได้”

“ใครพูด!”

นรียาใช้พื้นที่และเวลาที่มีให้เกิดประโยชน์ “เมื่อสักครู่ฉันทะเลาะกับพี่อย่างหนัก เมื่อคิดอย่างละเอียดแล้ว ก่อนหน้านั้นฉันเคยทำไม่ดีกับคุณไว้ แต่คุณก็ดีกับฉันมาก ฉันเองเป็นคนที่ผิด”

“เดี๋ยวก่อน!”

รพีพงษ์หยุดอีกฝ่ายไว้ และกล่าวว่า “ผมดีกับคุณ? ผมดีกับคุณยังไง? ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวล่ะ?”

“คุณลืมไปแล้วหรือว่า ตอนอยู่ที่บ่อน้ำมังกรคุณเคยช่วยชีวิตฉันไว้สองครั้ง และต่อมาในห้องโถง คุณยัง…….คุณยังดึงฉันเข้าไปในอ้อมแขนของคุณอีกด้วย”

ขณะพูด ใบหน้าของนรียาแดงระรื่นขึ้นมาทันที

หลังจากที่รพีพงษ์ได้ยิน เขาก็เข้าใจการแสดงออกของอีกฝ่ายทันที

ที่ผู้หญิงคนนี้มาที่นี่ตอนดึกดื่นเที่ยงคืน เพื่อตอบแทนบุญคุณ?

“คุณคิดมากไปแล้ว มันเป็นแค่การกระทำจากจิตใต้สำนึกของผม ไม่ถึงขั้นว่าผมดีกับคุณ” รพีพงษ์กล่าวอย่างเย็นชา แล้วปิดประตูห้อง “มันดึกแล้ว ผมต้องการพักผ่อน”

“ช้าก่อน!”

นรียาดันประตูห้องและกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “มีคนกล่าวว่า การกระทำของจิตใต้สำนึกนั้นเป็นตัวแทนของหัวใจ คุณปกป้องฉันจากจิตใต้สำนึก แสดงให้เห็นว่า คุณมีความรู้สึกดี ๆ กับฉัน?”

รพีพงษ์แข็งทื่อราวกับหินทันที อาจกล่าวได้ว่า เริ่มตั้งแต่เห็นนรียาครั้งแรก ตนเองไม่เคยมีความรู้สึกที่ดีแม้สักเล็กน้อยกับผู้หญิงป่าเถื่อนผู้เอาแต่ใจคนนี้เลย

ผู้หญิงคนนี้เอาความมั่นใจมาจากไหน หรือว่า เธอจะมีแผนการอื่น?

รพีพงษ์ไม่ได้คิดอย่างละเอียด แต่กล่าวอย่างเย็นชาอีกครั้งว่า “คุณคิดมากเกินไปแล้ว ผมจะพูดอีกครั้ง ผมไม่มีความรู้สึกพิเศษกับคุณ”

“คุณ……”

แววตาของนรียามีความโกรธเคือง เดิมทีเธอคิดว่า อาศัยความรู้สึกที่รพีพงษ์มีต่อตนเอง จากนั้นก็จงใจเข้าหาอีกฝ่าย แล้วมองหาโอกาสที่จะวางยาพิษลงในน้ำเพื่อให้อีกฝ่ายดื่ม

แต่ว่า ตนเองอยู่ที่ประตูสิบนาทีแล้ว แม้แต่ห้องก็ยังไม่สามารถเข้าไปได้ด้วยซ้ำ

“ฉันรู้ว่าในใจของคุณคงเป็นห่วงเรื่องภรรยา แต่ไม่ต้องห่วงหรอก พวกเราอยู่นอกบ้าน เรื่องคืนนี้ฉันจะไม่บอกเธอเด็ดขาด ฉันคิดได้แล้วว่า เมื่อเทียบกับพี่ฉัน คุณถึงจะเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นความสามารถและผลการฝึกตนคุณเหนือกว่าเขามาก”

รพีพงษ์ยิ้มเยาะเย้ย คนที่ชื่อพชร จะเปรียบเทียบกับตัวเองได้อย่างไร?

“คืนนี้ฉันไม่มีอะไรจะขอ เนื่องจากพี่ของฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันแค่อยากจะนอนอย่างมีความสุขกับคุณสักคืน แม้ว่าคืนนี้ คุณแค่จะคุยกับฉัน ฉันก็พอใจแล้ว” นรียากล่าวอย่างรีบร้อน

“คุยกับคุณเหรอ ขอโทษ ผมอยากนอน?”

รพีพงษ์กล่าวเสียงดังขึ้น

“คุณนี่……”

“ไสหัวออกไป!”

รพีพงษ์เหลืออดเหลือทน ด่าแล้วปิดประตูอย่างแน่นหนา

นรียาที่อยู่นอกประตูสับสนมึนงง เธอนึกไม่ถึงว่า ไม่เพียงแต่ตัวเธอเอง แม้กระทั่งพชรก็เหมือนกัน ที่ประเมินรพีพงษ์ผิดพลาดไปโดยสิ้นเชิง

อีกฝ่ายไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรกับตนเองเลย จากคำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายในคืนนี้ เห็นได้ชัดเจนว่าเขารังเกียจตนเองมาก และไม่อยากจะคุยกับตนเองเลย

“ให้ตายสิ ฉันทำอะไรลงไป!”

ดวงตาของนรียาลุกเป็นไฟ เพื่อให้“แผน”ของคืนนี้ประสบความสำเร็จ เธอถึงกับสวมเสื้อผ้าที่เซ็กซี่เป็นพิเศษ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะน่าขำเป็นอย่างมาก

ตอนนี้ไอ้หมอนั้น คงกำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่แน่นอน

นรียาถือยาพิษสีแดงเข้มอยู่ในมือ และสาบานอยู่ในใจว่า จะต้องสั่งสอนรพีพงษ์ในการแข่งขันของวันพรุ่งนี้!

และเห็นได้ชัดว่าคราวนี้เธอคิดมากอีกเช่นกัน เพราะรพีพงษ์ที่อยู่ในห้องไม่ได้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่นรียาทำเมื่อสักครู่เลย

ขณะนี้ เขากำลังนอนอยู่บนเตียง ถือรูปของอารียาและหนูลินไว้ในมือ และในสมองก็มีแต่ภาพของแม่ลูกคู่นี้

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เวลาดึกดื่นเที่ยงคืน

รพีพงษ์รู้สึกว่าความง่วงกำลังมาเยือน และเขากำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและเข้านอน ทันใดนั้น พิณที่ไพเราะก็ดังขึ้นในคืนที่เงียบสงัด

รพีพงษ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เสียงพิณทำให้ความง่วงของเขาหายไป

“ผู้หญิงคนนี้ ไม่จบใช่ไหม!”

รพีพงษ์คิดว่า เป็นแผนของนรียาอีก กำลังจะเปิดประตูออกไปเพื่อถามอีกฝ่าย แต่เมื่อเขาเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ต้องหยุดฝีเท้าไว้

ขณะนี้รพีพงษ์ถูกเสียงพิณที่ไพเราะนี้ดึงดูด และดูเหมือนเสียงพิณนี้มีความโศกเศร้า

รพีพงษ์เปิดหน้าต่าง และตั้งใจฟัง จากเสียงพิณเศร้า ๆ เขาตัดสินว่าผู้เล่นต้องไม่ใช่ผู้หญิงอย่างนรียาแน่นอน

แล้วจะเป็นใครล่ะ?

รพีพงษ์เกิดความอยากรู้อยากเห็น เพราะว่าตอนนี้เขาไม่รู้สึกง่วงนอนแล้ว ดังนั้นเลยเดินออกไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น

เมื่อเดินออกจากห้อง แล้วเดินตามเสียงพิณ รพีพงษ์เดินมาถึงห้องใต้หลังคาที่อยู่สามชั้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองขึ้นไป รพีพงษ์ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนเล่นพิณอยู่ริมขอบหน้าต่างพร้อมกับแสงไฟสลัวบนชั้นสามในขณะนั้น

และดูจากเงา รพีพงษ์รู้ได้อย่างรวดเร็วว่า คนที่เล่นพิณอยู่ คือวรันธรลูกสาวของภาณิน!

ขณะนี้เอง ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากระยะไกล

รพีพงษ์จึงไปหลบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ข้างๆ ปรากฏว่าเป็นทหารที่ลาดตระเวนในเวลากลางคืน

หลังจากที่ทหารไปแล้ว รพีพงษ์ก็เดินออกไปอีกครั้ง

เสียงเพลงยังคงโศกเศร้าเช่นเดิม รพีพงษ์เป็นคนที่เชี่ยวชาญทุกอย่าง ตั้งแต่ พิณ หมากรุก การเขียนอักษรและพู่กันจีน และเขาสามารถเข้าใจความรู้สึกของวรันธรผ่านเพลงนี้ได้ เขาเหม่อลอยเล็กน้อยอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ขณะที่รพีพงษ์กำลังเคลิบเคลิ้ม ดนตรีก็หยุดลง

วรันธรที่อยู่ในห้องใต้หลังคา เอนกายเพื่อเตรียมปิดหน้าต่าง

ทันใดนั้น เธอเห็นว่ามีชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ชั้นล่าง แม้ว่ากลางคืนจะมองเห็นไม่ชัด แต่วรันธรก็ตัดสินจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ ชายผู้นี้ไม่ใช่ทหารที่ลาดตระเวนในวังอย่างแน่นอน

“ใคร ใครอยู่ข้างล่าง?”

วรันธรตะโกนด้วยความประหม่า

รพีพงษ์เงยหน้าขึ้น แล้วทั้งสองก็สบตากันพอดี

“คุณเอง?” แก้มขาวนวลของวรันธรก็แดงระรื่นขึ้นมาทันที

รพีพงษ์ฟังเสียงพิณของคนอื่นแล้วถูกจับได้ เขาจึงยืนขึ้นและกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ต้องขออภัย ผมถูกเสียงพิณของคุณหนูดึงดูด หากรบกวนคุณ ต้องขออภัยด้วย”

วรันธรมองไปที่รพีพงษ์ แต่ไม่ได้พูดอะไร และปิดหน้าต่างทันที รพีพงษ์ยักไหล่โดยไม่แยแส

แต่ว่า ในขณะที่เขากำลังจะเดินจากไป ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินอยู่ข้างหลัง

รพีพงษ์หันไปมอง เห็นวรันธรเดินลงมาจากห้องใต้หลังคา สีหน้าเธอดูตื่นตระหนก และมีท่าทางที่กังวลมาก

“คุณมาทางนี้!”

วรันธรกวักมือเรียกรพีพงษ์ และมองซ้ายมองขวาโดยไม่รู้ตัว

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

พลิกชีวิต ผมเป็นคนรวยแล้ว / แมงดา? ผมเป็นสายเปย์ต่างหาก

อ่านนิยาย เรื่อง พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ
โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ พลิกชีวิตผมเป็นคนรวยแล้ว
ผมเป็นเป็นเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาสามปี ทุกคนต่างก็ คิดว่าสามารถเหยียบย่ำผมได้ ในวันนี้ เพื่อเธอ ผมจะต่อต้าน กับโลกนี้

เรื่องย่อ
“คุณชาย คุณจำเป็นจะต้องกลับไปเกียวโตกับ พวกเรา เพื่อสืบทอดกิจการของตระกูลลัดดาวัลย์

“คุณแม่ของคุณอยากจะขอโทษกับเรื่องที่ทำ ผิดพลาดในปีนั้น อีกทั้งยังหวังว่าคุณจะไม่คิดเล็ก คิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าและเห็นแก่ ส่วนรวม”

“ตระกูลลัดดาวัลย์ถือเป็นตระกูลชั้นนำของ ประเทศ จะขาดคนสานต่อไม่ได้ครับ” รพีพงษ์ มองไปยังชายชราตรงหน้าที่กำลังโค้ง

ตัวด้วยท่าทีนอบน้อม จากนั้นก็แสยะยิ้มออกมา

“ตอนแรกผู้หญิงใจดำอำมหิตคนนั้นต้องการจะ ควบคุมตระกูลลัดดาวัลย์ เธอขับไล่ฉันออกจากบ้าน อย่างไร้ความเมตตา แถมยังใส่ร้ายว่าฉันทรยศ เธอ กลัวว่าฉันจะแก้แค้นเลยบังคับให้ฉันมาอยู่ในเมือง เล็กๆ อย่างเมืองริเวอร์แถมยังโดนคนเยาะเย้ยว่าเป็น ลูกเขยที่ไม่มีปัญญาแต่งภรรยาเข้าบ้าน ต้องยอมไป เป็นเขยบ้านคนอื่น”

“ตอนนี้เธอป่วยหนัก พวกนายถึงจะคิดถึงฉัน ไม่ คิดว่าสายเกินไปหน่อยเหรอ”

“ฉันชินกับการเป็นลูกเขยที่ต้องมาอยู่ในตระกูล ฉัตรมงคล ชินแล้วกับการที่โดนคนพูดว่าเกาะผู้หญิง กิน ฉันไม่สามารถไปยุ่งกับเรื่องของตระกูลลัดดา วัลย์ได้อีก พวกนายกลับไปเถอะ”

พูดจบรพีพงษ์ ก็หมุนตัวโยนขยะถุงขยะในมือ ลงถัง แล้วเดินจากไป

ถึงแม้การที่ได้เป็นคนสืบทอดตระกูลลัดดาวัลย์ จะเป็นเรื่องช็อกโลก แต่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับ เรื่องนี้

ในปีนั้นเขาโดนคนในตระกูลลัดดาวัลย์ไล่ออก จากบ้าน เขาก็ไม่เหลือเยื่อใยอะไรกับตระกูลลัดดา วัลย์อีกแล้ว

ตอนนี้เขาเป็นลูกเขยที่ไม่เอาไหนในตระกูล ฉัตรมงคลตระกูลอันดับสองของเมืองริเวอร์อีกทั้ง เขายังเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันในเมืองริเวอร์

ไม่มีใครรู้ว่าเขาเคยเป็นคุณชายของตระกูลลัด ดาวัลย์แห่งเกียวโต

แต่ทว่าเรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าตอนนี้เขา จะใช้ชีวิตอย่างอนาถ ทั้งตัวของเขามีเงินฝากไม่ถึงสี่หลัก แต่เขากลับไม่เสียใจ

รพีพงษ์ เดินถือผลไม้ในมือไป บ้านของตระกูล ฉัตรมงคล วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ ญาติ สนิทของตระกูลฉัตรมงคลจะมารวมตัวกันที่นี่ แน่นอนว่างานนี้หลีกเลี่ยงการพูดเปรียบเทียบไม่ได้ อยู่แล้ว แต่ทว่ารพีพงษ์ กลับทำให้ครอบครัวของ อารียาเป็นเรื่องตลก

งานเลี้ยงเริ่มขึ้น ทุกคนในตระกูลฉัตรมงคลต่าง พากันนำของขวัญมามอบให้คุณปู่

“คุณปู่ ผมรู้ว่าคุณปู่ชอบของโบราณ รูปภาพนี้ คือ (ภาพฤาษีตกปลาในซีชาน) ของ ถางหูโป์เป็น รูปภาพจริงที่ผมตั้งใจหามาให้คุณปู่ นี่ครับคุณปู่” หลานคนโตธายุกร ยิ้ม แล้วมอบม้วนรูปภาพหนึ่งให้ ชายชรา

“คุณปู่ หยกชิ้นนี้เป็นของที่ผมขอร้องให้เพื่อนที่ อยู่ต่างประเทศซื้อให้ ราคาไม่เบาเลยค่ะ” หลานรัก คนเล็กอย่างชรินทร์ทิพย์ยื่นหยกให้ชายชรา

ต่างคนต่างก็แย่งกันมอบของขวัญ เพื่อที่จะเอา อกเอาใจคุณปู่

“คุณปู่ ปู่พอมีเงินให้ผมยืมสักห้าแสนไหมครับในปีนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่ได้รับเงินบริจาค จากผู้ที่มีเมตตา มันใกล้จะไปต่อไม่ได้แล้วครับ ขีน เป็นแบบนี้ต่อไป เด็กๆ ในนั้นก็จะไร้ที่อยู..

ขณะนั้นเอง รพีพงษ์ที่นั่งอยู่ท้ายโต๊ะก็เอ่ยขึ้นมา เกิดความโกลาหลขึ้น

ศศินัดดาแม่ของภรรยาลุกขึ้นมาในทันที เธอชี้ หน้าของเขาแล้วต่อว่าทันที “นี่สมองแกมีปัญหาหรือ ไง รู้ไหมว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่”

สาวงามแห่งเมืองริเวอร์อย่างอารียา ผู้เป็นซึ่ง เป็นภรรยาของรพีพงษ์ ก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดแบบ นั้นออกมาเหมือนกัน เธอถึงกับต้องลุกขึ้นยืนแล้วพูด ว่า “คุณปู่ เขาคงจะไม่ค่อยมีสติ คุณปู่อย่าไปใส่ใจ กับคำพูดของเขาเลยค่ะ”

พูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปบีบแขนของสามีอย่าง รุ่นแรง

สามปีก่อน ก่อนที่คุณย่าฉัตร จะจากไป เธอรีบ บังคับให้อารียา แต่งงานกับรพีพงษ์เทพธิดาผู้ซึ่งเปล่งประกายระยิบระยับใน สายตาของชาวโลก พลันต้องตกลงสู่พื้นดิน

สามปีมานี้ รพีพงษ์ไม่ทำการทำงานอะไรเลย วันๆ ทำแค่เพียงซักผ้า ทำกับข้าว ทิ้งขยะ ผู้คนใน เมืองริเวอร์ ขนานนามเขาว่าไอ้สวะ เดิมที่เคยภาค ภูมิใจว่าเป็นเทพธิดา ก็กลายเป็นคำเย้ยหยันไปโดย สิ้นเชิง

ตอนนี้ รพีพงษ์ก็มาสร้างความลำบากในงานวัน เกิดของคุณปู่อีก

“น่าตลกสิ้นดี นึ่งานวันเกิดของคุณปู่ ไม่มีของ ขวัญไม่พอ ยังกล้ามาขอเงินห้าแสนอีก รพีพงษ์ ไม่กี่ ปีมานี้นายทำให้ตระกูลฉัตรมงคลขายหน้าไม่พออีก เหรอ นายอุตส่าห์มายืมเงินในงานวันเกิด จะทำให้ คุณปู่โกรธหรือไง” คนที่พูดคือธายุกร ลูกหลานที่ ทำให้ท่านปู่นภทีป์ พึงพอใจมาตลอด

“ฉันว่าไอ้คนสมองพิการมันจงใจ อีกอย่างสถาน เลี้ยงเด็กกำพร้าก็แค่ข้ออ้าง มันต้องการเอาเงินของ คุณปู่ไปใช้เอง ดูจากสมองของมันแล้วคงจะคิด อะไรแบบนี้ไม่ได้หรอก คงจะเป็นอารียาที่สั่งมันมา สินะ”

หลานสาวที่คุณปู่รักที่สุดอย่างชรินทร์ทิพย์พูด เสริม พวกเธอไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว เมื่อมีโอกาสก็พูด ใส่ร้าย อารียา

เมื่อมีคนพูดถึง อารียา รพีพงษ์ก็อธิบายขึ้นมา ทันที “ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการยืมเงินคุณปู่ ช่วงนี้ผม หมุนเงินไม่ค่อยทัน ผมไม่มีปัญญาหาเงินเยอะขนาด นั้น ผมจะต้องหาเงินมาคืนคุณปู่แน่นอน”

“เลิกพูดไร้สาระสักที คนไร้ประโยชน์อย่างนาย ขนาดงานยังไม่มีให้ทำถ้าให้นายยืม นายจะเอา ปัญญาที่ไหนมาคืน” ธายุกรพูดเย้ยหยัน

“จริงค่ะ ไอ้สวะนี่มันมาจากสถานเลี้ยงเด็ก กำพร้า แกยืมเงินคุณปู่เพื่อไปเลี้ยงพวกสวะแบบแก เหรอ ฉันว่าทางที่ดีแกรีบปิดไอ้สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้านั่นซะเถอะ” ชรินทร์ทิพย์พูดด้วยสีหน้า ประชดประชัน

รพีพงษ์มองคนที่กำลังต่อว่าเขาแล้วกัดฟัน กรอด ตอนที่เขากลายเป็นคนเร่ร่อน สถานเลี้ยงเด็ก กำพร้ามารับตัวเขาไว้ เขาถึงเติบโตเป็นผู้เป็นคนมา ถึงทุกวันนี้ ตอนนี้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ากำลัง ลำบาก เขาจึงอยากช่วย แต่เรื่องมันกะทันหันเกินไป เขาไม่มีเงินมากขนาดนั้น เขาคิดได้เพียงการยืมเงิน เท่านั้น

ตอนแรกเขาคิดว่าทุกคนจะมีความเมตตาช่วย เหลือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้รับสายตาอันเย็นชาแบบนี้ ในใจของเขาคิดถึงวิกฤติ ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เขาถึงไม่แสดงท่าที เกรี้ยวกราดอะไรออกมา

ชายชราที่ป์ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขา จ้องรพีพงษ์เขม็ง แล้วพูดเสียงดังออกไปว่า “เลิกทำ ตามอำเภอใจได้แล้ว นี่พวกแกมาอวยพรฉันหรือจะ มาเพิ่มความวุ่นวายกันแน่ รีบไสหัวไปซะ งานเลี้ยง ของฉันไม่ต้องการคนไร้ประโยชน์อย่างแก ต่อไป ถ้าบ้านเรามีงานเลี้ยงอะไร ฉันไม่อนุญาตให้แกเข้า ร่วมอีกต่อไป”

“คุณปู่ ตอนนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลำบาก มากจริงๆ เด็กพวกนั้นต้องการความช่วยเหลือ” รพี พงษ์กัดฟันพูดอย่างไม่ยอมแพ้ สีหน้าของเขาเต็มไป ด้วยความซื่อสัตย์

อารียาเห็นท่าที่จริงจังของเขาแล้ว ก็ถอน หายใจออกมาอย่างจนปัญญา แล้วพูดกับนภทีป์ “คุณปู่คะ เขาต้องการช่วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จริงๆ ค่ะ เขาเติบโตมาจากที่นั่น เขาผูกพันกับที่นั่น มาก คุณปู่ช่วยเขาด้วยนะคะ”


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท